ลวงรัก ครั้งที่ 5
"ก็คนคุ้นเคยนั่นแหละ ไม่มีอะไรมากหรอก" อาการออกขนาดนี้คงไม่คุ้นเคยธรรมดาแล้วแหละ แต่ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเซ้าซี้เธอมากจนน่าเกลียด
"แล้วนี่โทรไปรายงานที่บ้านหรือยัง เมื่อคืนตรีก็มึน ๆ เหมือนกันเลยไม่ได้โทรให้"
ตรีญ่าถามขึ้นหลังจากเรานั่งกินน้ำเต้าหู้กันได้สักพัก
"เมื่อเช้าแม่นินโทรตามแล้วแต่ไม่ได้รับ พออัยญ์โทรกลับแม่นินก็ไม่รับสายเหมือนกัน" ฉันเล่าไปกินน้ำเต้าหู้ไป พลางมองไปตรงโซนครัวที่มีเพื่อนอีกสองคนกำลังนั่งกินข้าวไปตีกันไปอย่างเพลิน ๆ
"จะกลับเลยไหม เดี๋ยวตรีไปส่ง" ตรีญ่าถามขึ้น ฉันเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เกือบจะแปดโมงครึ่งแล้ว คงต้องรีบกลับไปรายงานตัวที่บ้านแล้วล่ะ
"อืม เดี๋ยวถามสองคนนั้นก่อนนะ จะได้ไปทีเดียว" พูดจบฉันก็ปลีกตัวเดินเข้ามาหารันรันกับฟิลลิ่งที่ครัวทันที "อย่ามาแย่งหมูฉันนะยัยตุ๊ด"
"กินเยอะเดี๋ยวอ้วนหรอก นี่ช่วยอยู่นะ"
เดินยังไม่ถึงครัวดี เสียงเปิดศึกสองนางก็ดังลอยมาซะแล้ว
"นี่ ๆ กินอยู่ยังจะตีกันอีก" ฉันเดินไปห้ามศึก
"ก็ยัยรันน่ะสิ หวงก้าง" ฟิลลิ่งบุ้ยปากฟ้องฉัน
"อย่ามาทำหน้าตาน่าสงสาร นี่มันถ้วยฉันนะ หมีควาย"
"ชะนีอยากไปเกิดใหม่ชิมิถึงได้ปากจัดเยี่ยงนี้"
นี่ขนาดฉันยืนคั่นกลางสองคนนี้อยู่นะเนี่ย
"พอเลย ๆ จะกลับเลยไหม ตรีจะได้พักผ่อน" ฉันตะโกนแทรกเสียงแขวะกันไปมาของทั้งสองคน "เดี๋ยวป๊ามารับ" รันรันบอก
"คนสวยรอสามีมารับ" ฟิลลิ่งเกทับเพื่อน
"สรุปทั้งคู่มีคนมารับแล้วนะ งั้นอัยญ์จะได้ให้ตรีไปส่ง" ฉันพูดบ้าง
"หนูอัยญ์กลับพร้อมรันก็ได้ จะได้ไม่ต้องให้ตรีขับรถไปมา" รันรันเสนอ
"เอางั้นเหรอ" ฉันรู้สึกเกรงใจรันรันเพราะเธอให้พ่อมารับเชียวนะ
"เอางั้นแหละ เนี่ย! ป๊าส่งข้อความมาบอกแล้วว่าอีกสิบนาทีถึง ปะ เรารีบลงไปรอข้างล่างกัน" รันรันเลื่อนชามโจ๊กไปตรงหน้าฟิลลิ่งก่อนจะพูดต่อ
"เชิญกินให้อ้วนตายไปเลย หมีควาย แบร่ ๆ "
ว่าแล้วเชียวต้องมีทิ้งท้ายก่อนกลับ เห็นสองคนเล่นกันแรงแบบนี้รักกันมากนะคะ อย่าเข้าใจผิดว่าที่ตีกันเพราะเกลียดล่ะ
"ไปเลยไหมอัยญ์?" พอเดินออกมาจากไปเก็บข้าวของในห้องนอนเพื่อน ตรีญ่าที่สะพายกระเป๋ารออยู่ก็ถามขึ้น "อัยญ์ว่าจะกลับพร้อมรันน่ะ ตรีจะได้พักผ่อนบ้าง"
"ใช่ ๆ ตรีเหนื่อยทั้งคืน ไปพักเถอะ เจอกันพรุ่งนี้ที่มอ" รันรันเสริม
"เอางั้นเหรอ แต่บ้านรันอยู่คนละทางเลยนะ" เออ ฉันลืมเรื่องนี้ไปเลย
"ไม่เป็นไร วันนี้ป๊าว่าง พาวนรถทั่วกรุงเทพยังได้เลย" รันรันฉีกยิ้มกว้างจนตรีญ่าพยักหน้ายิ้มรับ "งั้นเจอกันพรุ่งนี้ที่มอจ้ะ"
เราสามคนรวมฟิลลิ่งที่เพิ่งเดินมาสมทบเมื่อกี้โบกมือลาเจ้าของห้องก่อนจะรีบขึ้นลิฟต์แล้วแยกทางกันกลับบ้าน
บ้านจิตตานิกร
หลังจากไหว้ขอบคุณพ่อของรันรัน และร่ำลาเพื่อนเสร็จฉันก็รีบตรงดิ่งเข้ามาในบ้านหลังใหญ่ทันที ทำไมวันนี้บ้านดูเงียบ ๆ นะนี่ก็เก้าโมงกว่าแล้ว น่าจะมีแม่บ้านเดินขวักไขว่ทำความสะอาดบ้านตามปกติสิ
"แม่นินคะ หนูอัยญ์กลับมาแล้วค่ะ" ทั้งก้าวเดิน ทั้งมองหาเจ้าของชื่อที่ฉันเรียกหาแต่ก็ไม่พบแม้เงา
"หรือว่าแม่นินจะอยู่ในห้องนอน" เหลือแค่ชั้นสองที่ยังไม่ขึ้นไปหาเลยลองเดาดู
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ฉันยืนเคาะประตูหน้าห้องนอนของแม่นินและป๊า แต่กลับไม่มีสัญญาณบ่งบอกว่ามีคนอยู่ในนั้น รถแม่นินจอดอยู่ในโรงรถอยู่เลย แล้วตัวจะไปไหนได้นะ ฉันคิดในใจ ก่อนจะตัดสินใจล้วงเอาโทรศัพท์ออกมาโทรหาท่าน
ตู้ดดดดด เสียงสัญญาณรอสายดังขึ้นพร้อม ๆ กับเสียงเรียกเข้ามือถือดังในห้องนอนที่ฉันยังยืนอยู่
ยืนชั่งใจอยู่อีกครู่หนึ่งจึงตัดสินใจลองบิดลูกบิดประตูดูปรากฏว่าประตูห้องไม่ล็อก ฉันจึงถือวิสาสะเดินเข้ามาสำรวจด้านในห้องทันที
ขาเรียวยาวก้าวไปข้างหน้าที่เป็นห้องนอนของป๊าและแม่นิน เห็นโทรศัพท์เครื่องโปรดของผู้เป็นแม่เลี้ยงวางอยู่บนเตียงนอน แต่ดูๆ แล้วภายในห้องเหมือนจะไม่มีคนอยู่นะ แล้วนั่น... "กระเป๋าแม่นินนี่!?" คิ้วฉันยิ่งพันกันยุ่ง
รู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ แบบนี้มันดูไม่ปกติเลย
แม่นินมักจะอยู่บ้านรอป๊าและฉันกลับมาบ้านก่อนท่านถึงจะออกไปทำธุระของตัวเองข้างนอก แต่วันนี้มันแปลกไปหมด กระเป๋าเอย โทรศัพท์มือถือเอย ไหนจะข้าวของที่สำคัญของแม่เลี้ยงฉันยังวางอยู่ในห้องนอนอยู่เลย แต่กลับไม่เห็นเจ้าของสมบัติพวกนี้แม้เงา
กุกกัก กุกกัก ได้ยินเหมือนมีใครอยู่ด้านนอก ฉันเลยรีบวิ่งออกมาดู
"พี่กรอง" ฉันเรียกสาวใช้ที่ค่อนข้างสนิทกัน
"คุณหนูอัยญ์กลับมาแล้วเหรอคะ?" พี่กรองรีบวิ่งเข้ามาจับไม้จับมือฉันยกใหญ่
"พี่กรองเห็นแม่นินไหมคะ" ฉันรีบถามหาคนที่อยากพบทันที
"..." แววตาพี่กรองดูเศร้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เธอเหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่างแต่ก็หยุดคำพูดพวกนั้นลงคอไป
"ว่าไงคะ พี่กรองเห็นแม่นินไหม แล้วสายป่านนี้ป๊ายังไม่กลับมาอีกเหรอคะ" คนที่เคยอยู่แต่บ้านก็ไม่เห็น ส่วนอีกคนที่สมควรกลับบ้านได้แล้วก็ยังไม่กลับมา ฉันเลยตัดสินใจถามรวดเดียวจบ
"คือ คุณอัยญ์คะ" สีหน้าพี่กรองดูเศร้า ๆ ดวงตาเธอเหมือนจะปริ่ม ๆ ไปด้วยน้ำใส ๆ ที่พร้อมจะไหลลงมาได้ทุกเวลา
"มีอะไรคะ พี่กรองดูแปลก ๆ นะคะวันนี้"
รู้ไหมตอนนี้หัวใจฉันมันสั่นไหวแปลก ๆ รู้สึกกระวนกระวายอยู่ข้างในอย่างหาสาเหตุไม่ได้ คือ มันเริ่มเป็นตั้งแต่เหยียบเข้ามาในบ้านตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ
"คุณอัยญ์ต้องเข้มแข็งไว้นะคะ" พี่กรองบอกฉันให้เข้มแข็ง แต่เธอดูอ่อนแอจนเผลอปล่อยน้ำใส ๆ ไหลอาบแก้มทั้งสองข้าง
"มีอะไรคะ พี่กรองรีบ ๆ พูดมาเถอะค่ะ" ตอนนี้ฉันร้อนใจอย่างบอกไม่ถูก
พี่กรองยิ่งมาทำท่าทางแบบนี้อีกฉันยิ่งใจคอไม่ดี
"คือ คุณ คุณท่าน" พี่กรองก้มหน้าลงมองพื้น มือเธอที่จับมือฉันไว้สั่นไปหมด
"พ...พ่อ พ่อทำไมคะ" ฉันถามเสียงสั่นเช่นกัน
"กรองเก็บของคุณผู้หญิงเสร็จหรือยัง อ้าว! คุณอัยญ์"
ลุงภพคนขับรถของบ้านเดินขึ้นมาเรียกพี่กรอง พอท่านเห็นฉันก็ตกใจเล็กน้อยก่อนจะมีสีหน้าที่สลดคล้าย ๆ พี่กรองไปอีกคน
"พี่กรองมาเก็บของให้แม่นินทำไมคะ" ฉันถามตามสิ่งที่ได้ยินลุงภพพูด
"คุณผู้หญิงให้กรองมาเอาโทรศัพท์กับกระเป๋าไปให้ค่ะ"
ฉันพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะอาสาเดินเข้าไปหยิบของที่ว่าติดมือออกมา
"ช่วยพาอัยญ์ไปหาแม่นินด้วยนะคะ" ฉันยิ้มให้ทั้งสองคนก่อนจะเดินนำลงไปชั้นล่าง เดินไปรอที่รถของบ้านจิตตานิกรด้วยหัวใจสั่นไหวแปลก ๆ
"ทำไมลุงภพเลี้ยวมาทางนี้คะ" เมื่อรถคันที่ฉันนั่งมาเลี้ยวเข้าซอยวัดชื่อดังแห่งหนึ่งฉันรีบเอ่ยปากถามคนขับเก่าแก่ทันที
"คุณอัยญ์ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ คำตอบทุกอย่างรอคุณอัยญ์อยู่ข้างหน้านี้ค่ะ" เป็นพี่กรองที่ตอบคำถามฉันเสียงสั่น
ฉันได้แต่นั่งกุมมือตัวเองนิ่ง ข้างในอกมันสั่นวูบ รู้สึกจุกแน่นไปหมด ภาวนาในใจขอให้ไม่ใช่เรื่องไม่ดีทีเถอะ
เอี้ยด... รถที่ฉันนั่งมาจอดนิ่งเมื่อเลี้ยวเข้ามาในเขตวัดเรียบร้อยแล้ว
ฉันนั่งมือผู้คนที่มีประปรายต่างพากันสวมชุดสีดำเหมือนอยู่ในงานไว้อาลัยของใครสักคน "ถึงแล้วค่ะ คุณอัยญ์เดินใกล้ ๆ พี่กรองไว้นะคะ"
ไม่ต้องรอให้พี่กรองบอกแบบนั้นฉันก็ทำ รู้สึกตอนนี้แข้งขาไม่มีเรี่ยวแรงกะทันหัน ลมหายใจฉันคล้ายถี่บ้าง เร็วบ้าง สลับจนรู้สึกสับสนไปหมด
"น...น้องอัยญ์" เสียงป้าอุ่นทิพย์ หรือที่ฉันเรียกสั้น ๆ ว่าป้าอุ่นเดินปรี่เข้ามาหาฉันทันทีที่เห็นฉันปรากฏตัวขึ้น
"งานใครเหรอคะป้าอุ่น" ฉันยกมือไหว้ท่าน ตาก็พยายามชะโงกหน้าดูว่านี่มันงานของใครกัน ทำไมมองไปมองมาถึงได้มีแต่คนที่ฉันรู้จักคุ้นหน้าคุ้นตาเต็มไปหมด
"คือ..." ป้าอุ่นไม่ได้ตอบคำถามฉันทันที ท่านหันไปมองหน้าพี่กรองคล้ายกำลังคุยกันทางสายตา ส่วนพี่กรองส่ายหน้าไปมาก่อนจะลูบแผ่นมือฉันที่กุมมือเธอไว้แน่น
"น้องอัยญ์"
"แม่นิน!" ฉันรีบปล่อยมือพี่กรอง วิ่งเข้าไปจับมือแม่นินที่เดินออกมาจากศาลาด้วยความดีใจที่เจอท่านอยู่ที่นี่
"น้องอัยญ์มาได้ยังไงลูก" แม่นินถามฉันเสียงสั่น ก่อนที่ท่านจะตอบคำถามนั้นเองเมื่อมองไปทางด้านหลังฉันแล้วเห็นคนที่พามา
"มากับกรองแล้วก็ลุงภพสินะ" ฉันพยักหน้าให้แม่นินก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่อยากรู้ใจแทบขาด
"งานใครเหรอคะแม่นิน ทำไมแม่นินก็ใส่ชุดดำ ป้าอุ่นก็มา แถมอัยญ์ยังเห็นแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตาของคุณพ่อเต็มไปหมด"
"..." คำถามของฉันได้รับคำตอบกลับมาคือความเงียบอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ต่างกันตรงที่น้ำใส ๆ ไหลคลอลงมาอาบแก้มทั้งสองข้างของบุคคลที่ฉันตั้งคำถามนี้
"แม่นินร้องไห้ทำไมคะ?" ทำไมแค่ฉันถามแค่นี้แม่นินต้องร้องไห้เหมือนเจ็บปวดและทรมานแบบนี้