05 สัมผัสรักนายวายุ (Lom - naam'mon)
05
(เงาดำ)
*****
Per.
ทำไมต้องเป็นเสื้อกันฝนลายนี้ด้วย" ใบหน้ามุ่ยๆของน้ำมนต์กล่าวขึิ้น แต่ก็จำยอมใส่เสื้อกันฝนลายลิงตัวนี้ ฝนตกขนาดนี้ ยิ่งอยู่ในชุดนักศึกษาแล้วด้วยเธอไม่มีทางเลือก
"ฮะๆๆ" วายุหัวเราะอย่างชอบใจ คนตัวเล็กในตอนนี้ได้แปลงร่างเป็นลูกลิง โดยเฉพาะหมวกคลุมก็เป็นหัวลิง
"ทำไมต้องหัวเราะน้ำมนต์ด้วย พี่ลมจงใจเอาชุดนี้มาเพื่อแกล้งใช่ไหม?" เจ้าของใบหน้าจิ้มลิ้มถามคนตรงหน้า แถมในตอนนี้พวกคนใต้อาคารก็พากันแอบซุบซิบ หัวเราะอีกต่างหาก
"หึ.." วายุยกยิ้มขำใส่ มือหนายื่นไปรูดเชือกใต้คางล็อคหมวกให้คนตรงหน้า ดวงตาคมจ้องดวงตากลมใสนิ่ง
"...." คนทั้งสองยังสบตากันนิ่ง ไม่มีใครพูดอะไร
น้ำมนต์เองก็จ้องดวงตาเข้มของคนตรงหน้า เวลาดวงตาคู่นี้นิ่ง ไม่ฉายแววขี้เล่น ทะเล้น กับดูเหมือนเป็นคนล่ะคน
และเมื่อสบตากันไปได้สักพักใหญ่ จู่ๆ วายุก็หัวเราะขึ้นมาอีก หัวเราะอย่างไม่มีปีมีขลุ่ย
"ฮะๆ..ฮ่า!"
"...." น้ำมนต์หันมองซ้ายขวา มองว่าอะไรที่เป็นต้นเหตุทำให้วายุต้องหัวเราะ เมื่อไม่เห็นว่ามีอะไรเป็นต้นเหตุ จึงหันกลับมาเงยมองหน้าคนตัวสูง
"พี่ลมนิสัยไม่ดี..ทำให้น้ำมนต์ต้องเป็นตัวตลก" เรียวปากอมชมพูเบะคว่ำ แล้วก้าวรองเท้าผ้าใบสีขาวออกมาจากใต้อาคารทันที โดยไม่รอวายุสักนิด
"เอ้า..ยัยลูกลิง แล้วรู้หรอว่ารถฉันอยู่ไหน?" คนกวนก็ยกยิ้มก้าวเท้ายาวล้วงกระเป๋ากางเกงตามน้ำมนต์มาติดๆ
"พี่ลมก็บอกสิคะ..ว่ารถพี่จอดอยู่ตรงไหน?" หัวทุยที่อยู่ในชุดกันฟันรูปลิงตวัดมาว่า
"หึ.." สองเท้าหนักสาวยาวมาหยุดยืนข้างหญิงสาว แล้วชี้ไปที่รถซุปเปอร์คาร์คันสีเทา
"...." น้ำมนต์ถึงกับนิ่งเงียบ เมื่อกี้เขาเป็นคนบอกว่าเอารถบิ๊กไบค์มา นี่มันจงใจกวน แกล้งกันชัดๆ
"ไหนบอกว่าขับรถบิ๊กไบค์มาไงคะ?" น้ำมนต์ถามด้วยสีหน้ามุ่น
"พอดีเมื่อกี้ฉันอยากหลอกลิงน่ะ" วายุว่าแล้วยักคิ้วใส่ คว้ารีโมทมากดเปิดรถ
"หลอกลิง" เจ้าของริมฝีปากบางท้วนคำพูด เขาว่าเธอเป็นลิงอีกแล้ว
"ไอ้ลิงเถื่อนนิสัยเสีย ชอบแกล้งคนอื่น" หญิงสาวต่อว่าด้วยความเคือง แล้วเปิดประตูรถหรูก้าวขึ้นมานั่งข้างคนขับ
ปั่ง!! วายุเองก็เปิดประตูฝั่งคนขับขึ้นมานั่ง มองเจ้าของร่างที่ยังไม่ถอดเสื้อกันฝน
"หึ..เธอนี่ปากอัพเลเวลขึ้นเรื่อยๆเลยนะ" ตอนเจอครั้งแรกหญิงสาวไม่ใช่แบบนี้ ออกจะดูเป็นคนหัวอ่อนด้วยซ้ำ พอนานเข้าเริ่มรู้จักเธอเรื่อยๆมันกับไม่ใช่อย่างนั้น ความแสบของเธอก็ค่อยๆฉายออกมาเรื่อยๆ
"...." น้ำมนต์เหลือบตามองคนพูด บางทีก็อย่างย้อนว่าเธอปากอัพเลเวลได้ใครมา ถ้าไม่ใช่คนข้างๆ
"ไม่ตอบซะด้วย" มุมปากหนาแสยะยิ้มกวน สตาร์ทรถซุปเปอร์คาร์หรูขับออกจากรั้วมหา'ลัย
"แล้วทำไมต้องไปเอาของที่สำนักแม่หมอด้วย" คนขับรถโพล่งขึ้นเซ็งๆ แทนที่วันนี้จะได้เริ่มงานเลย เขาแอบเสียอารมณ์เล็กน้อย
"สิ่งที่ต้องไปเอามันเป็นแผนงานไงคะ..แม่หมอเธอเขียนรายละเอียดไว้หมด ถ้าทำตามแผนที่แม่หมอวางไว้ งานต้องสำเร็จแน่นอน"
"เหอะ..ก็ขอให้เป็นดั่งที่ปากเธอว่าก็แล้วกัน รอบก่อนบอกว่าแผนดี รัดกุมแล้ว ไอ้ธีร์โดนยิงเกือบไปหายมบาล"
"แต่ท่านรองก็ไม่ตายหนิคะ" น้ำเสียงเล็กก็เถียงขึ้น
"แต่ก็เกือบตายไหมล่ะ?" วายุตอบกลับมา พลางหมุนมาลัยรถไปด้วยหน้ายุ่งๆ
"น้ำมนต์ไม่อยากเถียงกับคนอย่างพี่ลมหรอก" ว่าจบมือเรียวก็ถอดหมวกลิงออก พร้อมกับหันหนีหน้ามามองข้างถนนแทน เวลานี้ฝนก็ยังตกลงมายังไม่ขาดสายและยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตอนไหนด้วย
"นี่ขนาดไม่เถียง" เสียงห้าวพึมพำ แล้วขับรถต่ออย่างเงียบๆ โชดดีที่ฝนไม่ตกหนักเกินไป ทำให้พอเห็นถนนข้างหน้าอยู่บ้าง
15 นาทีต่อมา..
รถซุปเปอร์คาร์วิ่งอยู่ในซอยเปลี่ยว ที่ข้างทางมีแต่ป่ารกล้าง ข้างทางไม่มีบ้านที่ิอยู่อาศัยของผู้คนซักหลัง วายุก็อดไม่ได้ที่จะว่าแขวะไปถึงอีกคน
"ย้ายสำนักบ่อย อย่างกับหนีหนี้พนัน"
"ไม่ใช่ซะหน่อย ที่ย้ายบ่อย เพราะแม่หมอเบื่อคนชอบมาดูดวงค่ะ" น้ำมนต์แย้งวายุไปตามตรง ความจริงแล้วอนิกาไม่ได้เป็นคนชอบดูดวงให้ใครนักหรอก บางครั้งเรื่องในบางเรื่องก็ไม่ควรที่จะทักถึงอนาคตใคร เพราะต้องปล่อยให้ดำเนินไปตามโชคชะตาของบุคคลนั้น
"ไม่เชื่อ.." วายุหันมาส่ายหน้าใส่หญิงสาว พลางหันไปเพล่งมองตรงถนน เวลานี้ฝนหยุดตก ท้องฟ้าควรจะสว่างไม่ใช่หรอ แต่นี่กลับมีเมฆมืดราวกับเป็นช่วงกลางคืน
"หรือพายุจะเข้าอีกรอบว่ะ" เสียงห้าวบ่นเปิดไฟสูง ขับรถดำเนินต่อไป คิ้วหนาก็ขมวดเป็นปม เพราะยิ่งขับเข้าไปในซอยลึกมากเท่าไหร่มันก็มืด มืดเหมือนขับเข้าอุโมงค์ดำสนิท
"พะ..พี่ลม..เรากลับกันเถอะค่ะ" คนตัวเล็กพูดอึกอักขึ้นมา มือก็กำสายคาดเข้มขัดไว้แน่น
"กลับทำไม เสียเวลามาถึงขนาดนี้แล้ว" เขาเหลือบตาดุหญิงสาว อยู่ๆจะมาบอกให้เกลับ เรื่องอะไรเขาจะต้องยอมเสียเวลากับเรื่องไร้สาระเพราะแค่เธอกลัว
หมับ!! ท่อนแขนหนาก็ถูกมือเรียวของคนข้างๆจับ
"เฮ้ย..น้ำมนต์!" น้ำเสียงดุเรียกหญิงสาว คนกำลังขับรถอยู่ มันเกิดอุบัติเหตุได้
"เอามือออก..แล้วนั่งเฉยๆ อย่าให้ฉันมีน้ำโหนะ" เขาดุคนตัวเล็กอีกครั้ง พลางเหยียบรถชะลอไปด้วย
ทว่า..ท่อนแขนก็ยังถูกจับไว้แน่น..ยังไม่ถูกปล่อยง่ายๆ
"น้ำ.." วายุกำลังจะดุคนตัวเล็กอีกรอบ แล้วก็ชะงักเมื่อก้มหน้ามองเจอเธอที่กำลังซุกใบหน้ากับแขนตัวเอง
"...." สองเท้าหนักเหยียบเบรกหยุดรถ ก้มมองหญิงสาวที่เหมือนกลัวอะไรบางอย่าง
"เธอกลัวอะไรของเธอ?"
"น่ะ..น้ำมนต์..มะ..ไม่กล้าพูด" เสียงสั่นกลัวตอบ มือก็กอดแขนหนาไว้แน่น
"พูดมา..อยู่กับฉันไม่มีอะไรต้องกลัว"
"ค่ะ..คือว่านี่มันอุโมงค์อะ..อีก" คนตัวเล็กพยายามเรียบเรียงคำพูด ทว่า..ในจังหวะนั้นเป็นช่วงที่วายุตวัดหน้ามองไปตรงข้างหน้าพอดี
ฟรึ่บ!! แสงไฟสูงจากหน้ารถซุปเปอร์คาร์ ทำให้เห็นเงาสีดำใหญ่ กำลังจ้องมองหน้าวายุตาเขม็ง
"เชี้ย!..มึงมายืนมองหน้ากูทำไมว่ะ..เดี๋ยวเจอต่อยปากแตก" วายุด่า พลางขมวดคิ้วยุ่ง
"พะ..พี่ลมอย่าไปด่าเขา..เขาไม่ใช่คน"
"ไม่ใช่คนแต่เป็นโจรล่ะสิ..เดี๋ยวมึงเจอกู" วายุเข้าใจว่าเงาดำที่ยืนกว้างหน้ารถเป็นโจร ก็จัดการบรื้นรถเสียงดังๆ
บรื้นๆ บรื้น!!!!
"พะ..พี่ลมอย่านะคะ" ใบหน้าจิ้มลิ้มรีบเงยหน้าขึ้นส่ายหน้า
"ไม่หลบก็ชนแม่งเลย!" แต่ไม่ทันคนตัวโตกับสตาร์ทรถเหยียบคันเร่งพุ่งเข้าใส่เงาดำใหญ่
"กรี๊ด! พี่ลม" น้ำมนต์ก็กรีดร้องด้วยความตกใจและกลัวสุดขีดเพราะที่วายุชนมันไม่ใช่คน
"จะกรี๊ดทำไม..เมื่อกี้มันหน้าจะกระโดดหลบทัน ฉันไม่รู้สึกว่าชนมันเลย"
"มะ..ไม่ใช่..เมื่อกี้เขาไม่ใช่คน" น้ำมนต์รีบแย้งวายุ เธอมีสัมผัสรับรู้ได้ ว่าวิญญานดวงนั้นน่ากลัวและมีจิตที่แรงกล้ามาก ถึงได้เนรมิตรอุโมงค์ความมืดได้
"ถ้าไม่ใช่คนแล้วมันเป็นผี..เมื่อกี้มันได้ไปเกิดใหม่แล้วล่ะ" ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วว่า
"...." น้ำมนต์เงียบกริบทันที ไม่รู้จะบอก เถียงกับคนอย่างวายุยังไงแล้ว เมื่อกี้เธอมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นว่าเงาดำนั้นไม่ใช่คน
*****************************
บอกเลยว่าผีทำอะไรอีลมมันไม่ได้?
เดี๋ยวมารีคำผิดนะคะ