บทที่4 พ่อกับแม่รู้เรื่องแล้ว
หลังจากที่เมื่อคืนผ่านไปแล้ว
ก็ยังเหลือหนึ่งวันที่หยุด เมื่อคืนเมามากเลยทำให้ฟานเออร์ต้องนอนค้างที่นี่
เมื่อไรที่เมากันแบบนี้เธอก็มักจะนอนค้างที่ห้องของเขาแล้วพวกเขาก็ต้องนอนกองกันอยู่ข้างนอก
เมื่อเขาเริ่มส่างเมาก็ได้ออกไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะในมหาวิทยาลัย
จากนั้นก็ได้มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา
กริ๊งๆๆๆกริ๊งๆๆๆ
"สวัสดีครับ พ่อ"
เฉินหยางพูดด้วยรอยยิ้ม
"สวัสดีลูกชาย เป็นไงบ้างล่ะกับชีวิตคนรวย"
เฉินเฟิงเอ่ยขึ้น
"พ่อรู้แล้วเหรอครับ"
เขาถามแบบงงๆ
"ใช่ หยิ่นหยิ่นนี่ก็น่ะ "
"อ่อใช่แล้ว เมื่อลูกรู้เรื่องของบ้านเราแล้ว ลูกก็จะได้เป็นผู้ครอบครองย่านการค้าถนนเทียนทางนะ ลูกคงต้องบริหารธุรกิจเอาเองแล้วล่ะ"
"ลูกทำได้ใช่มั้ย"
เฉินเฟิงเอ่ยถามอีกครั้ง
"ได้มั้งครับพ่อ ดีนะที่ผมเลือกที่จะเรียนสาขาบริหาร ไม่งั้นคงลำบากแย่"
เขาตอบแบบเขินๆ
"อ่อแต่ถึงแม้ว่าลูกจะได้ครอบครองธุรกิจแล้ว แต่ภายในหนึ่งอาทิตย์นี้ลูกจะต้องขยายธุรกิจให้ได้เพราะว่าลูกจะต้องขึ้นเป็นผู้นำตระกูลของเรา"
"แล้วอีกอย่างไม่ต้องกลัวที่จะใช้เงิน ใช้เงินได้ไม่จำกัด"
"พ่อไปก่อนน่ะลูก พ่อมีประชุมด่วน"
จากนั้นก็วางสายไป
เขาคิดว่า พ่อไม่คิดจะให้เขาพูดบางหรือไงนะ ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาก็คงไม่คิดอะไรเพราะคิดว่าพ่อคงไปทำงานหาเงินส่งมาให้เขาแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วเขามีเงิน แม้แต่ไม่ทำอะไรก็มีเงินไหลเข้าบัญชีไม่ขาดสาย
เขาจึงเดินไปเรื่อยๆเเละคิดว่าที่พ่อบอกว่าให้ขยายธุรกิจนั้นจะให้เขาทำอะไรอีก ในเมื่อธุรกิจที่มีอยู่ก็มากเกินไปด้วยซ้ำ เขาคิดในใจว่าวันนี้ลองไปปรึกษากับจื่อฝานดีมั้ยนะ
จึงได้โทรไปถามจื่อฝานว่าวางมั้ย เมื่อรู้ว่าจื่อฝานว่าง จึงได้นั่งรถบัสไปหาจื่อฝานที่เทียนทางสปา
.
อีกฟ้ากหนึ่งของโลก ณ เมือง ออตตาวา ประเทศแคนาดา
.
ตึกใหญ่ที่สวยสง่าสูงเสียดฟ้า ให้ห้องทำงานใหญ่แห่งหนึ่งได้มีผู้ชายอายุราวสี่สิบกว่าปี
นั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานสีฟ้าอมทองประวิบวับ ข้างในห้องหรูหราราวกับความฝันที่ทุกคนอยากมีไว้ครอบครอง
"เธอไปที่จีนและไปคุ้มครองป้องกันให้กับเฉิหยาง เพราะถ้าพวกมันมีคนรู้ว่าเฉินหยางเป็นลูกของฉันก็คงจะฆ่าเขาทิ้ง เพราะคิดว่าเขาอ่อนแอ"
คนที่พูดอยู่นี่คือเฉินเฟิงพ่อของเฉินหยิ่นและเฉินหยาง
"Yes er"
บอดี้การ์ดตอบรับแล้วก็หันหลังเดินออกไป
จากนั้นก็มีผู้หญิงอายุราวๆสี่สิบปี เดินตามออกมา
"ลูกแลลูกฉันดีๆน่ะ"
คนคนนี้คุณนายเฉินลู่คือแม่ของเฉินหยิ่นและเฉินหยาง
" yes er "
บอดี้การ์ดตอมรับ
.
กลับมาที่ เฉินหยาง
.
เขานั้นเมื่อมาถึง ประตูเทียนทางสปาแล้วนั้นก็ไม่รอช้ารีบเดินเข้าไปหาจื่อฝานทันที
แต่รอบนี่เขาไม่เห็นซินซินผู้หญิงที่ขวางเขาอีกแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะเขากำลังรีบอยู่
พอนึกๆดูแล้ว ถ้าพ่อนับวันนี้ด้วยก็จะเหลือแค่หกวันเท่านั้นเอง
เมื่อมาถึงในห้อง ห้องนี้ตกแต่งตามสไตล์จีนโบราณ เป็นห้องสีแดงกว้าง แต่ของตกแต่งส่วนใหญ่นั้นทำมาจากเงินแท้ ทำให้ดูหรูเหมือนสมัยใหม่
"เชิญครับคุณชาย"
จื่อฝานรอบนี้ไม่เกร็งเท่ารอบที่แล้วแล้วเพราะว่าเขานั้นนิสัยดีมาก
"ผมต้องการขยายธุรกิจ"
เขาไม่รอช้าเพราะว่าเวลาเร่งรีบนัก
"มีส่วนตรงไหนที่สามารถขยายได้บ้าง"
เขาไม่รอให้จื่อฝานพูด
"ตรงส่วนภูเขาอีกครึ่งหนึ่งครับ"
จื่อฝานตอบด้วยความภูมิใจที่เฉินหยาง อยากจะขยายธุรกิจขึ้นมาเพราะว่าตั้งแต่ห้าปีก่อนที่ทำงานกับเฉินหยิ่นเสร็จ เฉินหยิ่นก็ได้ทิ้งให้จื่อฝานดูแลเพื่อเขามารับหน้าที่บริหารต่อ
และตอนนี้จื่อฝานนั้นเป็นคนของคุณชายเฉินไม่ใช่คนของคุณหนูเฉินแล้ว
"แพงมากมั้ย"
เขาถาม
"ถ้าเป็นทั้งลูกก็ประมาณเจ็ดร้อยล้านครับ แต่ว่าเรามีแล้วครึ่งลูก ก็น่าจะประมาณ สามร้อยห้าสิบล้านครับ"
จื่อฝานอธิบาย
" •o• "
เขาได้แต่อ้าปากค้าง
เขาไม่คิดว่าจะแพงขนาดนี้
"แล้วเราจะมีเงินพอเหรอครับ"
เขาถามแบบกระวนกระวาย
"ไม่ต้องห่วงเรื่องเงินหรอกครับคุณชาย เพราะในบัญชีของคุณชายนั้นมีเงินเข้าวันละ ร้อยกว่าล้านทุกวันครับ คุณชายสามารถใช้ได้ตามใจเลยครับ แต่ต้องทำตามกฏของตระกูลนะครับ"
จื่อฝานพูดเสร็จแล้วยิ้มกว้างให้เขาทันที เพราะเอ็นดูความประหยัดของเขาไม่เหมือนกับเฉินหยิ่นที่นิสัยดีแต่ใช้เงินเยอะเกินไป
จื่อฝานเคยเห็นเฉินหยิ่นใช้เงินตอนที่เขาเข้าทำงานใหม่ๆ เฉิหยิ่นนั้นซื้อรถแลมโบว์กินี ราคา สามร้อยล้านหยวน ซึ่งตอนนั้นเขาคิดว่ามันแพงมาแต่ตอนนี้มันไม่แพงแล้ว
"ร้อยล้านต่อวัน"
เขาอุทานเสียงดัง
เเล้วก็กลับมาทำหน้านิ่งแต่เขินอายข้างใน
"งั้นพี่จัดการให้ผมในวันนี้ได้มั้ยครับเพราะผมต้องรีบแล้ว "
"อ่ออีกอย่างครับพี่ พี่ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณชายน่ะครับ เพราะผมคิดว่าพี่เป็นพี่ของผมอีกคน"
เฉินหยางยิ้มให้จื่อฝานอย่างอ่อนโยน
"เป็นเกียรติมากเลยครับ คุณชายน้อย"
จื่อฝานลุกขึ้นพร้อมคำนับเก้าสิบองศาให้เฉินหยาง และยิ้มอย่างดีใจที่เขา คิดว่าตนเองเป็นพี่ชาย จื่อฝานจึงคิดว่าตลอดชีวิตนี้จะไม่ให้ใครทำร้ายคุณชายได้
ที่เขาให้ จื่อฝานเรียกตัวเองตามใจแบบนั้นเพราะว่าจื่อฝานจะได้ไม่เกร็งกับตัวเองอีกและตอนเด็กๆเขานั้นมักคิดเสมอว่าถ้ามีพี่ชาย จะได้ช่วยพี่สาวเขานั้นแบ่งเบาภาระได้
จากนั้นขากำลังกลับมหลาวิทยาลัยได้มีข้อความเด้งเข้ามาว่า
มหาวิทยาลัยนั้นหยุดทำการเรียนการสอนเป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์เนื่องจากจะมีผู้คณะกรรมการสถาศึกษมาเยี่ยมชมจึงได้มีการทำความสะอาดครั้งยิ่งใหญ่
เนื่องจากมหาลัยซานตงเป็นมหาลัยของปักกิ่ง จึงเป็นมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่จึงต้องใช้เวลานานมากในการทำควมมสะอาด
ในใจของเขานั้นคิดว่า ก็ดีจะได้ทำในสิ่งที่พ่อบอกให้ทำ และเขาคิดว่าควรจะปรับปรุงตัวเองเพื่อไม่ให้พ่อกับแม่ต้องอายที่เรารวยขนาดนี้ยังจะใช้ชีวิตแบบยาจกอีก เขาจึงคิดว่าพรุ่งนี้คงต้องชวนพวก เพื่อนๆพาไปซื้อเสื้อผ้า
.