ชา(ม)รัก : 5
แต่เดี๋ยวนะ!
เหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างไป
“ฉิบหาย! ยัยชายน์!!”
ว่าแล้วเชียว มัวแต่ใจเต้นตึกตักกับคำว่า
‘อย่าลืมชงชาดื่มก่อนนอนด้วยนะคะ คุณน้ำชาฝากกำชับมา’
เพราะไอ้ประโยคนี้ประโยคเดียวที่ทำให้เขาลืมหาคนไปรับน้องสาวสุดที่รักไปเลย
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
“จะทำหน้าบูดอีกนานไหมเรา”
ภายในรถเบนซ์สีดำมีผู้โดยสารทั้งหมดสามคน หนึ่งสาวสวยอายุวัยยี่สิบเอ็ดปี
และสองชายหนุ่มที่อายุเข้าเลขสามแต่ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัยจนเพศเดียวกันต่างอิจฉา และเสียงที่เอ่ยถามเมื่อกี้คือเสียงเจ้าของต้นเหตุที่ทำให้สาวสวยนั่งหน้าบึ้งมาเป็นสิบกว่านาทีตั้งแต่ขึ้นรถมา
“ไม่ต้องมาพูดเลย เฮียชามทิ้งน้องได้ยังไง ไหนบอกว่าจะรีบหาคนมารับ นี่อะไร ตัวเองลืมหาคนมารับไม่พอ ยังต้องไปเดือดร้อนเฮียก้องให้ขับรถมารับตัวเองก่อน แล้วค่อยมารับน้องอีกที”
ทั้งน้ำเสียงทั้งสีหน้าชาลินีจัดเต็มว่าไม่พอใจการกระทำนี้ของพี่ชายแท้ๆ อย่างมาก
“เออ เฮียผิด เฮียขอโทษ พอใจหรือยัง”
แม้น้องสาวจะออกท่าออกทางเยอะเกินจริง แต่ชลศึกษ์ก็มีแค่เธอคนเดียวย่อมต้องยอมให้น้องสาวระบายอารมณ์ใส่เป็นธรรมดา
“ไม่ยกโทษให้!”
“เอ... ได้ข่าวว่ากระเป๋าชาแนลออกใหม่น่ารักมาก สนใจรับสักใบไหมครับ คุณหนูชายน์”
ก้องภพที่ทำหน้าที่เป็นพลขับในครั้งนี้เอ่ยหยอก
ไม่ใช่สิ เขาไม่ได้เอ่ยหยอกเล่นๆ แต่เขากำลังเอาใจน้องสาวเพื่อนเพื่อให้กลับมาอารมณ์ดีแทนเจ้าเพื่อนตัวปัญหา
“ถ้าเงินเฮียก้องชายน์ไม่รับค่ะ”
แหน่ะ! ยังมีจิกตาประชดใครอีกคนที่นั่งคู่คนขับอีก ....ร้ายนะเราชาลินี
“อยากได้ใบไหนก็บอกมาแล้วกัน เฮียโอนเงินให้”
“จริงอะ? เฮียก้องเป็นพยานนะคะ เฮียชามยิ่งขี้ลืมอยู่ด้วย”
ท้ายประโยคสาวแสบดีกรีนักศึกษาปีสามมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังไม่วายจิกกัดพี่ชายที่ลืมตัวเองในวันนี้
“น้อยๆ หน่อยยัยแสบ เดี๋ยวก็เปลี่ยนใจซะเลย”
“ลองดูดิ ชายน์จะได้ฟ้องคุณแม่ที่วันนี้เฮียลืมชายน์ให้ยืนรอกลางแดดร้อนๆ เป็นชั่วโมง”
เฮ้อ! ชลศึกษ์ถึงกับส่ายหน้าไปมา
น้องสาวคนนี้ฤทธิ์เยอะจริงๆ แสบตั้งแต่เด็ก โตมายังไม่ยอมทิ้งทวนความแสบ มีแต่ยิ่งเพิ่มทวีขึ้นทุกวันๆ
“ฮ่าๆ กูว่ามึงเลิกต่อปากต่อคำน้องชายน์เถอะว่ะ ยิ่งเถียงยิ่งแพ้” เพื่อนสนิทอย่างก้องภพหัวเราะร่า
ทั้งสามคนเรียกว่าโตมาด้วยกันทำไมจะไม่รู้ว่าพี่ชายอย่างชลศึกษ์ไม่เคยเถียงชนะน้องสาวตัวแสบคนนี้ได้เลยสักครั้งเดียว
“ก็เพราะมึงกับแม่กูให้ท้ายยัยชายน์แบบนี้ไง”
“อะไรๆ เฮียชามอย่าบ่นให้มาก”
“ตัวเองเถียงสู้ไม่ได้อย่าไปโบ้ยคนนู้นทีคนนี้ที”
ดูความแสบของชาลินีเองแล้วกัน แบบนี้จะหาแฟนสักคนได้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
“แล้วนี่มึงยังหานักชงชาฝีมือดีไม่ได้เลยเหรอวะ คณะทัวร์กูจะมาอีกไม่กี่วันแล้วนะมึง”
เมื่อสาวเจ้าตัวแสบเงียบเสียงไม่สนใจพี่ชายทั้งสองคน ทำให้ก้องภพและชลศึกษ์มีเวลาคุยเรื่องงานกันสักที
“ไม่รู้จะเรียกว่าเจอได้หรือเปล่า”
“หมายความว่ายังไงวะ”
ก้องภพคิ้วขมวดหันมาถามเพื่อนสนิทตอนที่รถจอดติดไฟแดงพอดี
“กูเคยลองชิมชามาก็เยอะ และมึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบดื่มชา”
“ขอเนื้อๆ น้ำไม่ต้อง” ก้องภพรีบเบรกเพื่อนทันทีที่ดูท่าแล้วคงท้าวความอีกนาน
“มึงจะใจร้อนไปไหนวะ ทำเป็นวัยรุ่นไปได้” ชลศึกษ์ว่าให้เพื่อนเสียงขุ่น
“สามสิบสี่ก็เฟี้ยวได้เว้ย” ก้องภพฉีกยิ้มที่กวนประสาทคนข้างๆ ได้
“เอาที่มึงสบายใจ นี่ดีนะที่ยัยชายน์หลับไปแล้ว ไม่งั้นกูคงปวดหัวที่ต้องรบกับพวกมึงสองคน”
ใบหน้าหล่อเหลาของก้องภพหันไปมองตามคำบอกเล่าของเพื่อน ชาลินียังแว้ดๆ อยู่เลยเมื่อกี้ ไหงตอนนี้เข้าเฝ้าพระอินทร์ตอนกลางวันไปแล้ว
“น้องมึงนี่วัยกำลังนอนเหรอวะ หลับง่ายฉิบหาย” นี่แหละก้องภพ
ปากออกจะเสียนิดหน่อย แต่จริงๆ เป็นคนเฟรนลี่ ขี้เล่นมาก แถมยังเปิดธุรกิจทัวร์ ที่นำเข้านักท่องเที่ยวจากหลากหลายประเทศที่เป็นที่น่าเชื่อถืออันดับต้นๆ ของเมืองไทย
“ถามเหมือนไม่รู้จักน้องสาวกู” ชลศึกษ์ได้ทีแซะเพื่อนกลับบ้างเบาๆ
“เออๆ แล้วสรุปมึงเจอหรือยังไม่เจอกันแน่วะ”
ครั้งนี้เขาจะปล่อยผ่านเรื่องเล็กน้อยเพื่อคุยเรื่องงานเรื่องการแทน
“ไปส่งยัยชายน์ที่บ้านเสร็จเดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”
ก้องภพพยักหน้าเข้าใจ พร้อมเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งเมื่อไฟสัญญาณเปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว