บทย่อ
‘เขา’ คือผู้ชายที่ชอบดื่มกาแฟยิ่งกว่าน้ำเปล่า ส่วน ‘เธอ’ จะเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นติดน้ำชาจนลืมกาแฟ ========== “คุณน้ำชาว่าแบบนี้พอใช้ได้ไหมครับ” ชลศึกษ์ชูช่อกุหลาบในมือให้หญิงสาวดู ชาวิมลมองแว๊บแรกก็คิดว่ามันสวยงามดี ถ้าเขารู้จักม้วนริบบิ้นให้เป็นม้วนๆ ดูมีลูกเล่นหน่อยถือว่าสวยมากทีเดียว “สวยค่ะ” เธอเอ่ยชมคนตัวโตที่ทำหน้าอย่างมีความหวังเพื่อรอฟังคำชมของตนเอง “ดีใจจัง งั้น... นี่ครับ” “...” ชาวิมลถึงกับเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่อจู่ๆ ชลศึกษ์ก็ยื่นช่อดอกไม้ที่เขาเป็นคนทำให้ตนเอง “ดอกไม้สวยๆ ควรคู่กับคนสวยๆ อย่างคุณน้ำชา” “รับดอกไม้ไปแล้ว ไม่ทราบว่าอยากจะรับหัวใจสักดวงไปดูแลเพิ่มหรือเปล่าครับ”
ชา(ม)รัก : 1
“ฉิบ!”
เสียงสบถอย่างหยาบคายของประธานโรงแรม ‘รื่นรมย์’ โรงแรมชื่อดังระดับหกดาวแห่งเดียวในประเทศไทยเอ่ยขึ้น เมื่อรถสปอร์ตสุดหรูสีแดงเพลิงคู่ใจจู่ๆ ก็เกิดเกเรดับกลางทางซะงั้น
ซื้อมาหลายสิบล้าน คิดจะดับก็ดับเอาเสียดื้อ ๆ สงสัยจะต้องถอยเพิ่มอีกคันแล้วมั้ง!
“คนไปไหนหมดวะเนี่ย!?”
ชลศึกษ์ เจ้าของร่างสูงโปร่งร้อยแปดสิบสาม ผิวขาวเนียนราวผู้หญิง ดวงตาสีดำขลับ ใบหน้าหล่อคมคาย หัวเสียเป็นรอบที่สองเมื่อรถเขาดันมาดับในสถานที่ที่ราวกับซอยร้างไร้รถลาและผู้คนเดินผ่าน
ตู้ดดดด
มือหนาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรหาช่างประจำเพื่อให้มาดูอาการลูกรัก
“อะไรนะ อีกชั่วโมง!?”
ครั้นติดต่อคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวเรียบร้อย ชลศึกษ์ยิ่งปวดหัวแถมเครียดเข้าไปใหญ่เมื่อช่างประจำแจ้งเวลาที่จะเดินทางมาถึงที่นี่อีกเป็นชั่วโมง เนื่องจากจุดที่รถของชลศึกษ์เสียนั้นอยู่ในพื้นที่ห่างจากจุดที่ช่างอยู่ค่อนข้างไกล
“นี่ยังอยู่ในกรุงเทพอยู่ไหมวะ?”
ครั้นวางสายช่างเสร็จชลศึกษ์ถึงกับบ่นอุบอิบอย่างหัวร้อน วันนี้ตนยิ่งรีบๆ อยู่ เพราะอีกไม่กี่วันจะมีทัวร์คณะใหญ่จากญี่ปุ่นมาพักที่โรงแรมเขา แถมทัวร์คณะนี้ยังรีเควสขอมุมจิบชาดีๆ รสชาติเลิศๆ อีกต่างหาก แบบนี้เขาจะไปหานักชงชามือดีได้ยังไงถ้าหากต้องมานั่งจับเจ่ารอช่างอีกเป็นชั่วโมง
อ้อ อีกอย่าง เรื่องหานักชงชามือดีใช่ว่าชลศึกษ์เพิ่งจะมาทำเอาตอนมีลูกทัวร์ใหญ่นะ แต่ก่อนหน้าเขาตะลอนหามาแล้วเป็นสิบคนเพื่อจ้างมาเปิดมุมจิบชาประจำที่โรงแรม แต่ไม่เคยมีคนไหนถูกใจลูกค้าเลยสักคน ทำให้ชลศึกษ์ต้องตะลอนหาจนจะทั่วเมืองกรุงแล้วตอนนี้
“อา... แถวนี้ไม่มีร้านกาแฟเลยหรือไง” หนุ่มใหญ่วัยสามสิบสี่หัวเสีย
ชลศึกษ์เป็นคนที่ติดกาแฟมาก คาเฟอีนเป็นอะไรที่ทำให้ร่างกายเขาตื่นตัวกระชุ่มกระชวย นั่นคือสิ่งที่เขารู้สึก
แล้ววันนี้เขาดันออกมาแต่เช้าตรู่เพื่อหวังจะมาหากาแฟสักแก้วกินเอาดาบหน้า ทำให้เมื่อเช้ากาแฟสักแก้วยังไม่ตกถึงท้อง
ก็อย่างว่า ของเคยกินทุกวันพอไม่ได้แตะก็เหมือนจะลงแดง รู้สึกสุขภาพจิตไม่ค่อยดี พร้อมจะฟาดงวงฟาดงาได้ทุกเมื่อ
“เดี๋ยวพ่อก็มาเปิดร้านกาแฟแถวนี้แม่งเลย!”
ยิ่งมองหาร้านกาแฟไม่เจอชลศึกษ์ยิ่งพาล ก่อนที่เขาจะหัวเสียมากไปกว่านี้ สายตาก็เหลือบไปเห็นร้านเล็กๆ ร้านหนึ่งที่อยู่อีกฝั่ง
ร้านที่ว่าตกแต่งเรียบๆ แต่ดูน่ารัก รอบๆ ตัวร้านตกแต่งด้วยกระจกใสทำให้มองเห็นด้านในร้านที่มีโต๊ะไม้วงกลมและแบบโซฟาบุนวมแยกแบ่งโซนให้เลือกนั่ง รอบๆ ร้านราวๆ ห้าสิบเมตรตกแต่งด้วยรั้วกุหลาบหลากสีสันทำให้ดูเตะตาผู้คนที่ผ่านไปมา
“ขอให้มีกาแฟขายที” คนติดกาแฟถูฝ่ามือสองข้างไปมาอย่างลุ้นๆ ก่อนจะเปิดประตูรถก้าวขายาวๆ ลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆ ข้ามฝั่งมาที่ร้านเป้าหมายทันที
กรุ๊งกริ๊ง...
เสียงกระดิ่งรูปนางฟ้ามีปีกตัวน้อยในมือถือถ้วยน้ำชากระทบกับประตูกระจกใสมองเห็นด้านในดังเป็นสัญญาณเตือนคนด้านในร้านว่าตอนนี้มีลูกค้าเข้าร้านแล้ว
“ขอคาปูชิโน่ร้อนแก้วนึงครับ”
ชายหนุ่มรูปงามไม่ได้มองเมนูใดๆ ในร้านหรือแม้แต่ป้ายชื่อร้านเลยสักนิด พอเข้ามาถึงก็รีบเดินดุ่มๆ ไปสั่งออเดอร์ที่ตนตั้งใจจะมากินตรงหน้าเคาท์เตอร์ทันที
หญิงสาวหุ่นบอบบาง ผมยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนดัดลอนปลาย สวมชุดเดรสสีฟ้าสดใส ค่อยๆ หันกลับมาดูต้นตอของเสียงทุ้มนั้น
‘ชาวิมล’ เจ้าของใบหน้าสวยหวาน เอียงคอมองหน้าชายหนุ่มที่ ยืนไม่นิ่งอยู่ตรงหน้า ก่อนจะค่อยๆ เลื่อนเมนูของที่ร้านให้เจ้าของออเดอร์คาปูชิโน่นั้นดู
“ห๊ะ! ร้านชา ฉิบ!”
เมื่อเห็นเมนูที่หญิงสาวยื่นมาให้ดู ชลศึกษ์ยิ่งหัวเสียหนักกว่าเก่าจนเผลอสบถหยาบคายออกมา
เมื่อกี้ตอนเข้ามาเขาก็ลืมดูชื่อร้านว่ามันคือร้าน ‘Tea Time’ ชื่อก็บอกอยู่ว่ามันคือร้านน้ำชาดีๆ นี่เอง