ชา(ม)รัก : 4
เพราะฉะนั้น เธอจึงไม่ถูกกับแดดร้อนแรงของเมืองไทย
“ชาที่สั่งกลับบ้านได้แล้วค่ะ”
ชลศึกษ์ที่กำลังจะบ่นให้น้องสาวหยุดชะงักคำพูดไว้ก่อนจะเงยหน้ามายิ้มให้เจ้าของประโยคเมื่อกี้ และกลับมาคุยกับน้องสาวสองสามคำแล้ววางสายไป
“ขอบคุณครับ”
“แล้วเจ้านายพี่ไปไหนแล้ว”
คนที่หิ้วถุงลายน่ารักสีน้ำตาลอ่อนมาให้เขาคือลูกน้องที่ชื่อแต้ม ทำให้ชลศึกษ์รีบเอ่ยถามหาอีกคนที่จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอยากจะกล่าวคำลาก่อนที่จะออกจากร้านไป
“อ๋อ คุณน้ำชากำลังฝึกชงชารสชาติใหม่ๆ อยู่ค่ะ ถ้าเป็นช่วงสิบโมงถึงเที่ยงจะไม่มีใครเห็นคุณเขาหรอก”
คำบอกเล่าของแต้มทำเอาชลศึกษ์รู้สึกดีใจแปลกๆ
นี่เขามาร้านนี้ครั้งแรกก็โชคดีได้ดื่มชาอร่อยๆ จากเจ้าของร้าน แถมยังได้เห็นความงามที่เป็นธรรมชาติของเธอในช่วงเวลาที่คนหลายๆ คนที่เคยแวะเวียนมาไม่เจอ
“อ้อ ครับ งั้นช่วยคิดเงินให้ผมด้วย”
ในเมื่อคนที่อยากบอกลาไม่ออกมาแล้ว ชลศึกษ์ก็ไม่อยากนั่งอยู่ในร้านนี้ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“อ้อ คุณน้ำชาฝากมาบอกว่า ชาถ้วยนี้เธอเลี้ยง ส่วนชาในถุงนั้น เธอให้คุณลองเอาไปชงดื่มเองดู ให้ชงทานก่อนนอนจะช่วยให้หลับสบาย”
ดวงตาคมเข้มเบิกกว้างด้วยความไม่เข้าใจ
มีเจ้าของร้านใจดีกับลูกค้าแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือนร้านครั้งแรกแบบนี้ด้วยเหรอ
“เจ้านายพี่นอกจากสวยแล้วยังมีน้ำใจอีกนะครับ”
ทำไมเขารู้สึกได้ถึงมุมปากทั้งสองข้างของตนเองที่ยกสูงขึ้นไม่ยอมหุบลงแบบนี้กัน
หัวใจก็พองโต เลือดลมวิ่งเวียนสูบฉีดจนแทบจะกระโดดออกมานอกอก
“คุณน้ำชาก็เป็นแบบนี้ล่ะค่ะ ชอบช่วยเหลือและมีน้ำใจกับทุกคน”
อ่า พอได้ยินประโยคนี้แล้วอาการตื่นเต้นดีใจก่อนหน้าหดลงเหลือครึ่งฝ่ามือทันที
“อ้อ ครับ มีน้ำใจกับทุกคน”
รอยยิ้มแห้งๆ ที่เหมือนจะหุบลงแต่ต้องฝืนยิ้มไว้ถูกส่งออกไปให้ลูกน้องคนสนิทของเจ้าของร้าน
“แล้วนี่มารถอะไรเหรอคะ พี่แต้มไม่เห็นรถจอดอยู่หน้าร้านเลยสักคัน”
สาวใหญ่มองซ้ายแลขวาประกอบประโยคคำถามนั้น หน้าตาไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ด้วยเลยแอบอยากรู้นิดหน่อย คนถูกถามรีบลุกขึ้นยืนพร้อมชี้นิ้วไปยังรถ BMW สีแดงเพลิงที่จอดอยู่อีกฝั่ง
“รถผมเสียจอดอยู่ตรงโน้น พอดีอยากดื่มกาแฟสักแก้ว มองมาเห็นร้านนี้เปิดอยู่จึงมาใช้บริการ”
“แบบนี้คุณคงผิดหวังสินะคะ แถวนี้หาร้านกาแฟยากค่ะ คนส่วนใหญ่จะชอบแวะมาดื่มชาที่คุณน้ำชาชง”
ลูกน้องคนสนิทคุยโวถึงฝีมือการชงชาของเจ้านายอย่างอ้อมๆ
“ครับ ชาที่นี่แตกต่างจากชาที่ผมเคยดื่มมา ไว้ถ้ามีโอกาส ผมจะพาเพื่อนแวะมาอีกนะครับ”
มาแน่ๆ ยังไงเขาต้องมาที่ร้านชาแห่งนี้อีกแน่ๆ
แถมหากมาครั้งหน้า เขาจะต้องได้คุยกับเจ้าของร้านคนสวยเพื่อขอให้เธอไปเป็นนักชงชาที่โรงแรมเขาให้ได้
“ทีไทม์ยินดีต้อนรับทุกเทศกาลค่ะ”
เจ้านายก็ใจดี ลูกน้องก็มีมารยาท เขาชักจะชอบบรรยากาศชวนอบอุ่นของร้านเล็กๆ แห่งนี้แล้วสิ
“งั้นผมขอตัวนะครับ”
ยืนคุยมาตั้งนาน ชลศึกษ์รู้สึกเกรงใจจึงรีบขอตัวกลับ
“รถคุณซ่อมเสร็จแล้วเหรอคะ” แต้มถามกึ่งอยากรู้กึ่งเป็นห่วง
“ช่างที่โทรเรียกน่าจะใกล้ถึงแล้ว ผมไปรอที่รถน่าจะดีกว่า”
ชลศึกษ์เดาออกว่าลูกน้องคนนี้ต้องการจะสื่ออะไร เธอคงอยากรั้งให้เขารออยู่ตรงนี้จนกว่ารถที่เสียจะใช้การได้
แต่แค่ชลศึกษ์ได้นั่งแอร์เย็นๆ ดื่มชาฟรีๆ แค่นี้เขาก็เกรงใจมากพอแล้ว จะให้บากหน้ารอจนรถเสร็จคงจะดูไม่ดี
“อ๋อ ค่ะ งั้นพี่แต้มขอตัวไปดูคุณน้ำชาหลังร้านก่อนนะคะ อย่าลืมชงชาดื่มก่อนนอนด้วยนะคะ คุณน้ำชากำชับมา”
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
อะไรกันเจ้าก้อนดิ้นได้ แค่ได้ยินว่าใครคนหนึ่งส่งผ่านความเป็นห่วงมาให้ถึงกับดีใจจนเต้นไม่เป็นจังหวะขนาดนี้เชียวเหรอวะ
ชลศึกษ์แย้มขำให้ตัวเองก่อนจะรีบเดินออกจากร้านไปยังรถของตัวเอง
แต่เดี๋ยวนะ!
เหมือนเขาจะลืมอะไรบางอย่างไป