บท
ตั้งค่า

ชา(ม)รัก : 3

“เอ่อ ขอโทษนะครับ”

แต่ในขณะที่แต้มเตรียมตัวจะเดินตามเจ้านายเข้าไปหลังร้านก็ถูกรั้งไว้เสียก่อน

“คุณลูกค้าต้องการอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ” แต้มเอ่ยถามอย่างมีมารยาท

“เปล่าครับ แต่ผมขอถามอะไรสักอย่างได้หรือเปล่า” ชลศึกษ์ชักสีหน้ากลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เขากังวลกับคำถามที่จะถามโดยที่ใจหนึ่งก็กลัวจะเสียมารยาท ส่วนอีกใจก็ด้วยความอยากรู้ล้วนๆ

“ถามอะไรเหรอคะ” แต้มทำหน้าลุ้นเช่นกัน

“คือ ผู้หญิงคนนั้นเป็นเจ้าของร้านชาร้านนี้ใช่ไหมครับ” เขาเกริ่นคำถามด้วยความมีมารยาท

“อ้อ ใช่ค่ะ ร้านทีไทม์ เป็นร้านของคุณน้ำชาค่ะ”

‘น้ำชา’ ชื่อเพราะดี เธอคนนี้คงจะชอบชาเป็นชีวิตจิตใจสินะ ไม่สิ ชื่อนั้นคนที่ตั้งให้ต้องเป็นพ่อแม่ของเธอ งั้น... ครอบครัวนี้คงจะชอบชาจนเอามาตั้งเป็นชื่อลูก ชลศึกษ์คิดไปต่างๆ นานา ด้วยหัวใจที่มีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

“แล้วทำไมเธอถึงไม่ตอบอะไรผมเลยครับ”

คราแรกเขาจะใช้คำถามตรงๆ อย่างที่สงสัยไปเลยว่า

‘เจ้านายคุณเป็นใบ้เหรอ ทำไมถึงไม่พูดสักคำ’

แต่พอตริตรองดีแล้วเขาคิดว่าหากถามแบบนั้นไม่แน่ ตัวเขาเองอาจจะถูกไล่ตะเพิดออกจากร้านแน่ๆ

“คุณน้ำชาเป็นคนพูดน้อยค่ะ”

กริ๊ง กริ๊ง!!

ในระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่เสียงเคาะกระดิ่งสองครั้งดังขึ้นจากทางด้านหลังเคาท์เตอร์ ทำให้แต้มต้องรีบขอตัวตามเจ้านายสาวเข้าไปด้านใน

“อุ้ย! คุณน้ำชาเรียกแล้ว แต้มขอตัวนะคะ”

ชลศึกษ์ถูกปล่อยให้บทสนทนาค้างเติ่ง พร้อมคำถามใหม่ที่ตามมา

‘พูดน้อย แต่ทำเหมือนพูดไม่ได้มากกว่า’

เมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดอะไรออกไป คนตัวโตเลยตบปากตัวเองเบาๆ ก่อนจะส่ายหัวไปมา พ่อแม่เขาไม่เคยสอนให้นินทาคนอื่น ยิ่งเป็นเพศตรงข้ามแล้วด้วยยิ่งไม่สมควรทำ

ชลศึกษ์นั่งจิบชาคาโมมายล์จนหมดแก้วที่สอง ก่อนที่โทรศัพท์ มือถือเขาจะสั่นขึ้น

“ว่าไงตัวแสบ” เมื่อสายตามองเห็นแล้วว่าเป็นน้องสาวสุดที่รักโทรมาเขาจึงกรอกเสียงเย้าแหย่ลงไป

[เฮียชามอยู่ไหนคะ มารับชายน์หน่อย]

น้องสาวสุดที่รักที่อายุห่างกันสิบสามปีกรอกเสียงกลับมาอย่างหัวเสีย

“แล้วรถเราล่ะ” ชลศึกษ์ขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ฟังสิ่งที่น้องสาวบอก

ยัยชายน์มีรถขับเป็นของตัวเอง ทำไมต้องโทรมาให้เขาไปรับด้วยนะ

[ก็รถชายน์เสีย จอดแอ้งแม้งอยู่ข้างทางเนี่ย!]

ห๊ะ! นี่มันวันอะไรกันวะ?

รถตัวเขาเองก็เสีย จอดเป็นผักเน่ารอช่างมาจัดการครึ่งชั่วโมงแล้วเหมือนกัน แล้วนี่อะไร รถของน้องสาวเขาก็ดันมาเสียวันเดียวกันอีก สงสัยคราวนี้คงต้องตื่นมาใส่บาตรตอนเช้าเอาบุญล้างซวยกันทั้งพี่ทั้งน้องแล้วล่ะ

“รถเฮียก็จอดเน่าเป็นผักโดนแดดลวกอยู่เนี่ย!”

ยิ่งพูดเขายิ่งอารมณ์เสีย ไอ้บีเอ็มลูกรักจะเสียที่ไหนเขาไม่ว่า แต่ช่วยเสียในที่ที่มันมีกาแฟขายด้วยเถอะ

[เอ้า! แล้วทำไมรถเฮียต้องมาเสียพร้อมชายน์ด้วยล่ะ]

น้องสาวผู้ประเสริฐเอ่ยอย่างหงุดหงิด

“แล้วพี่จะรู้ไหมล่ะว่ามันจะเสีย แล้วเพื่อนเราไปไหนกันหมด”

ชลศึกษ์ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนจะส่ายหัวไปมาเมื่อคำถามที่เขาถามออกไปมีคำตอบแจ้งแก่ใจเขาแล้ว

[เช้าแบบนี้จะมีใครตื่นอีกล่ะ]

นั่นสิ เพื่อนๆ ยัยชายน์แต่ละคนถ้าไม่โทรปลุกว่าจะถึงเวลาเรียนแล้วคงไม่มีใครตื่นเป็นแน่

“นั่งแท็กซี่กลับก่อน ว่าแต่ ตรงนั้นไม่เปลี่ยวนะ”

นึกขึ้นได้ก็ใจหายรู้สึกเป็นห่วงน้องสาวเพียงคนเดียวขึ้นมา

มัวแต่หัวเสียกับเรื่องของตนเองจนลืมความปลอดภัยของอีกคนไปเลย

[ไม่เปลี่ยวจะโทรหาเฮียชามมั้ยเนี่ย!]

คนน้องก็ใช่ย่อย อารมณ์บูดแถมน้ำเสียงยังหงุดหงิดจนจับได้ชัดแจ้ง

“งั้นรออยู่นั่น เฮียหาคนไปรับแปบ”

“เออ แชร์โลเคชั่นมาให้เฮียดีกว่าจะได้ให้คนไปรับถูก”

อาการห่วงน้องสาวกำเริบขึ้นมาทันที

ก็พวกเขาเหลือกันสามคน แม่ น้อง และตัวเขาเท่านั้น

[เคๆ เดี๋ยวชายน์ส่งโลฯ ไป]

[เฮียรีบส่งคนมารับเร็วๆ นะ แดดร้อนมาก เดี๋ยวผิวเสีย]

คนถูกเร่งถึงกับพรูลมออกจากปากอย่างเอือมๆ

เด็กคนนี้ห่วงสวยมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ใช่ว่าเธอไม่สวย แต่ชายน์เป็นน้องสาวที่น่ารักที่สุดของเขา แต่เพราะความฝันเธอคือการเป็นนางแบบชื่อดังให้สักแบรนด์ที่เขามองเห็นแวว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel