THE HEARTLESS : 03
ฉันยืนป้ำๆ เป๋อๆ อยู่หน้าผับ ฉันเลื่อนสายตาขึ้นมองป้ายไฟด้านหน้า ก็น่าจะเป็นที่นี่แหละ...ไม่ผิดแน่ แต่ทำไมไม่เจอใครเลย หันมองซ้ายมองขวาอย่างลุกลี้ลุกลนเพราะนี้มันสามทุ่มกว่าแล้ว ฉันอุตส่าห์มารอก่อนเวลา...แล้วแถมไม่มีเบอร์ใครสักคนเลยด้วย สะเพร่าจริงๆ เล๊ย
“โรส” ฉันหันกลับไปตามเสียงเรียกปรากฏร่างหนาของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นเพื่อนสนิทฉันและเป็นเจ้าของที่นี่ด้วย และนั่นทำให้ฉันยิ้มออกในทันที
“มาทำไรตรงนี้ แล้วมากับใคร” ดินเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
“เรามารอเพลินกับมิณอะ น้องเขาชวนมาวันเกิด” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ เพราะรู้ว่าถ้าเอ่ยชื่อสองคนนี้ไปดินต้องรู้จักอยู่แล้ว
“สองคนนั้นอยู่ข้างในแล้ว” นั่นไง...โชคดีนะที่เจอดิน อย่างน้อยก็ไม่ต้องมายืนรอโดยไร้จุดหมายแบบนี้
“อ้าวเหรอ งั้นดินพาเราไปหน่อยดิ”
ดินพยักหน้าตอบรับก่อนจะหมุนตัวไปดันประตูแต่ยังไม่ทันเปิดเข้าไป เขาก็เหมือนนึกอะไรออกแล้วหันมาหาฉันอีกรอบ
"เออ!" มือหนาล้วงกระเป๋ากางเกงตัวเองหยิบมือถือออกมาสแกนนิ้วปลดล็อกก่อนจะยื่นมาให้ฉัน
“เอาไลน์มาดิ”
“อ่อๆ” ฉันก็งงนิดๆ ก่อนจะรับมือถือมากดเข้าไปในแอพเพิ่มเพื่อนตามคำบอกของเพื่อนตัวเอง แล้วส่งมือถือคืนเจ้าของ ความจริงมีไว้ก็ดีเผื่อฉุกเฉินจะได้ติดต่อใครได้บ้าง
ดินยัดมือถือลงกระเป๋ากางเกงตามเดิมก่อนจะกลับไปดันประตูเข้าไปโดยมีฉันตามไปติดๆ ข้างในเต็มไปด้วยผู้คนล้นหลามที่ดีดดิ้นกันอย่างสนุกสนาน เสียงเพลงดังกระหึ่มจนแก้วหูแทบแตก แสง สี และเสียงเหล่านี้ ฉันไม่เคยได้สัมผัสมันหรอก สี่ปีที่ผ่านมาฉันใช้ชีวิตอยู่ในห้องอุดอู้ไม่ได้เห็นแม้แต่แสงตะวันเลยด้วยซ้ำ...
ฉันเดินตามเจ้าของผับมาจนถึงชั้นสองของอาคารก่อนจะมาหยุดหน้าห้องที่มีป้ายสีทองติดว่า VIP ซึ่งแตกต่างจากห้องอื่นๆ ที่เดินผ่านมา เพราะมันเป็นป้ายสีเงินและมีเลขตามหลังคำว่า VIP ประตูห้องถูกดันเข้าไปโดยเจ้าของที่นี่
“อื้อฮือ สวยพี่สวย” ผู้ชายที่นั่งบนโซฟาข้างคนที่ชื่อยูตะวางแก้วเหล้าที่อีกนิดก็จะถึงปากตัวเองลงบนโต๊ะทันทีที่เห็นฉัน ก่อนที่ดินจะเริ่มแนะนำทุกคนในห้องให้ฉันรู้จัก
“นี่หนูดา เมียฉันเองอะ เป็นรุ่นพี่เธอ” ดินเดินเอาแขนพาดไปบนไหล่เล็กของผู้หญิงคนเดียวในห้องถ้าไม่รวมฉันและแนะนำว่าเป็น...เดี๋ยวนะ เมีย...งั้นเหรอ ดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที เมียเนี่ยนะ...ดินเนี่ยนะ มีเมียแล้ว...มือเล็กถูกยกขึ้นไหว้เธอแบบงงๆ นี่ฉันพลาดไปหลายอย่างเลยใช่ไหม
“ส่วนนั่น เฮียวาโย แล้วก็ไอ้”
“กูรู้จักแล้ว”
ดินชี้ไปที่คนที่แซวฉันในตอนแรกและกำลังจะแนะนำต่อ..แต่ก็มีเสียงแทรกขึ้นซะก่อน และนั่นก็คือยูตะ ถูกอย่างที่เขาพูดแหละ เพราะเรารู้จักกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันเลยยกมือไหว้เฮียวาโยอย่างนอบน้อม ถ้าดินเรียกว่าเฮีย...เขาก็คงเป็นรุ่นพี่ ก่อนจะหันไปหาอีกคนที่นั่งก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่โดยไม่สนใจสิ่งรอบข้างเหมือนทุกคนไม่มีตัวตนอยู่บนโลก ไม่มีความหมายอะไรกับเขา หรือไม่ก็อาจเป็นฉันแค่คนเดียว...
“นี่โรส เพื่อนเก่าผม” ดินหันไปแก้ปริศนาที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฮียวาโยอย่างชัดเจน ก่อนจะฉุดแขนผู้หญิงที่บอกว่าเป็นเมียตัวเองให้ลุกขึ้นและหันไปพยักหน้าให้ยูตะ เหมือนส่งสัญญาณอะไรสักอย่าง ฉันเองก็ไม่แน่ใจ
ดินพาพี่หนูดาเดินออกไปจากห้อง ตามด้วยยูตะที่ฉุดเฮียวาโยลุกขึ้นตามออกไปด้วย ชัดเลย...ปริศนาถูกแก้เรียบร้อย นี่คงเป็นแผนการของดินแน่ๆ ตอนนี้ในห้องเหลือแค่ฉันกับ....
ธาม ผู้ชายที่เขาเพิ่งบอกว่าไม่รู้จักฉันเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี่เอง
พรึบบ!
หนังสือถูกพับปิดเข้าหากันและลอยไปตกอยู่บนโซฟาที่ว่างข้างๆ อย่างแรง จนฉันสะดุ้งก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงและก้าวขาเดินออกมาผ่านฉันไปเหมือนผ่านอากาศ ผ่านฝุ่นละออง หรืออะไรสักอย่างที่ไม่มีตัวตน ใจฉันมันแปล๊บๆ ขึ้นมาทันที มันไม่มีทางไหนที่เราจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้เลยอย่างงั้นเหรอ....ฉันทำได้แค่มองตามไปแบบนี้งั้นเหรอ...ไม่! ฉันเคยทำได้มากกว่านี้
สวบบบบ
ไม่รู้อะไรดลใจให้ฉันเดินไปสวมกอดเขาจากด้านหลังอย่างถือวิสาสะ มือหนาที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูชะงักไปในทันที คงเพราะไม่คิดว่าฉันจะทำแบบนี้ ฉันเองก็ไม่ได้คิดไว้เหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ผลักฉันลงไปกองอยู่กับพื้น ฉันกระชับกอดแน่นด้วยความโหยหา คิดถึง...คิดถึงมากมายเหลือเกิน
“โรสขอโทษ” ฉันเอ่ยบอกคนในอ้อมกอดเสียงแผ่ว
“แค่นี้ใช่ไหม” แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชาและว่างเปล่าเหมือนเดิม มือหนาค่อยแกะแขนออกจากเอวของเขาอย่างไม่ไยดี
“อย่าเพิ่งไปได้ไหม” ฉันรีบเอาตัวไปขวางหน้าประตูเพื่อกันไม่ให้คนตรงหน้าหนีไปจากฉันอีก อย่างน้อยก็ให้ฉันได้พูดอะไรบ้าง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากฟังก็ตาม
“โรสรู้ว่าสิ่งที่โรสทำมันเกินให้อภัย และธามเองก็ไม่อยากให้อภัยโรส แต่อย่าเย็นชาใส่กันแบบนี้เลยนะ อยากให้โรสทำอะไรเพื่อเป็นการไถ่โทษ โรสยอมทุกอย่าง ขอแค่ให้โรสอยู่ในสายตาธามบ้างได้ไหม” พอฉันเริ่มพูด ร่างหนาตรงหน้าก็เบือนหน้าหนีพลางเอามือล้วงกระเป๋าทั้งสองข้าง อาการของเขาตอนนี้บ่งบอกมากว่าหงุดหงิดแค่ไหน
“.....”
“ธาม โรสคิดถึงธาม โรสเองก็เจ็บปวดไม่น้อยไปกว่าธามหรอกนะ แต่หลังจากนี้ โรสจะไม่ไปไหนอีกแล้ว ให้โอกาสโรสอีกสักครั้งได้ไหม” พอเห็นเขาเงียบฉันก็พูดต่อทันทีรู้ทั้งรู้ว่าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา ฉันก็แค่อยากระบายเท่านั้นและคำตอบที่ได้กลับมาคือเงียบ ให้เขาด่าเหอะ..มันน่าจะเจ็บน้อยกว่าการเงียบแบบนี้
“.....”
“ธาม พูดอะไรหน่อยได้ไหม ด่าโรสเลยก็ได้ ทำไมถึงเย็นชาแบบนี้ ทำไมใจร้ายแบบนี้ โรสเจ็บนะธาม ฮืออ” ฉันหลุดร้องไห้โฮอย่างกลั้นไม่อยู่ มือเล็กยกขึ้นทุบไปที่อกแกร่งเบาๆ เผื่อบางทีเขาจะรู้สึกตัวว่าทำอะไรอยู่ ก่อนจะค่อยๆ ลดมือลงและทิ้งหน้าผากไปพิงที่อกเขาแทน เขาเย็นชาเหลือเกินไม่มีแม้แต่จะกอดตอบฉันสักนิด ไม่มีแม้แต่ความลังเล เพราะมือหนาทั้งสองข้างยังถูกเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกงยีนราคาแพงนั่นเป็นอย่างดี