THE HEARTLESS ทวงรักร้าย...นายไร้ใจ

100.0K · จบแล้ว
ฮวายอน
44
บท
4.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

เมื่อการกลับมาของเธอทำให้ใจเขาเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่ผ่านมาเขาคอยบอกมันอยู่ตลอดว่า "ไม่รัก ไม่เจ็บ" และเขาจะทำยังไงกับใจที่มันไม่รักดีของเขา "ผู้หญิงคนนั้นตายไปนานแหละ" ธานินทร์ อัศวดิศร....ธาม อายุ 22 ปี วิศวกรรมซอฟต์แวร์ มหาวิทยาลัย A ปี 4 หล่อ นิ่ง สุขุม ใจเย็น เย็นชา พูดน้อย "ถ้างั้นเราคงไม่เคยรู้จักกันซินะ" รังศิตา ตรีทรัพย์...โรส อายุ 22 ปี เรียนบริหาร มหาวิทยลัย A ปี 3 สวยสไตล์หวาน สดใส น่ารัก ยิ้มเก่ง ตัวละครสมทบ หนูดา & ดิน จากเรื่อง MY SISTER พี่สาวคนเนี้ย...ของผม มิณา & ยูตะ จากเรื่อง THE FLIRT ป่วนใจนายเจ้าชู้ เฮียวาโย / เฮียแม็กซ์ / เฮียฟิวส์ / เฮียหมอไวน์

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักดราม่ารักแรกพบโตมาด้วยโรงแรม/มหาลัยโรแมนติกนักศึกษา18+

THE HEARTLESS : 00

@ สนามบินเชียงใหม่

ฉันเดินเข็นรถกระเป๋าสัมภาระออกมาหยุดอยู่ตรงหน้า Gate ก่อนจะล้วงมือถือในกระเป๋าสะพายตัวเองออกมากดเปิดเครื่องและต่อสายไปยังผู้เป็นญาติเพียงคนเดียวของฉันทันที

ตืดดด...ตืดด

“โรสถึงแล้วนะคะ คุณพ่อ”

ฉันเอ่ยบอกปลายสายเสียงหวานทันทีที่ปลายสายกดรับ

[พ่อให้คนเอารถไปให้ที่สนามบินแล้ว ลูกลองมองหาเขาดู]

ฉันทำตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ กวาดสายตามองหาป้ายชื่อตัวเอง ไหนหว่า...อ๋อนั่น

“เจอแล้วค่ะ”

[ลูกจะเข้ามาหาพ่อก่อนไหม หรือไปคอนโดเลย]

“ไปคอนโดเลยดีกว่าค่ะ”

[งั้นก็ตามใจละกัน ถ้าว่างแล้วพ่อจะไปหานะ]

“ค่ะ”

ติ๊ด…

ฉันกดวางสายก่อนจะเก็บมือถือลงกระเป๋าแล้วถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ สาวเท้าเล็กไปหาคนที่ชูป้ายชื่อฉันอยู่ตรงทางออก ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปหาพ่อหรือไม่คิดถึงพ่อหรอกนะ แต่ท่านมีครอบครัวใหม่แล้ว ฉันไม่อยากวุ่นวายกับท่านไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็ถือว่ารบกวนท่านมากเกินไปแล้ว

“สวัสดีค่ะ ฉัน...รังศิตาค่ะ”

“สวัสดีครับ นี้ครับของคุณหนู” คนของคุณพ่อโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลมาให้ ฉันรับมันมาเปิดดู พบว่าข้างในมีครบทุกอย่างที่ท่านเตรียมไว้ให้ฉัน กุญแจรถ คีย์การ์ดคอนโด ที่อยู่คอนโด บัตรเคดิต บัตรนักศึกษา ฉันสะดุดตรงนี้แหละ

ฉันหยิบบัตรนักศึกษาขึ้นมาดู ก็ต้องตาโตทันที เหอะ...เงินทำได้ทุกอย่างจริงๆ คุณพ่อเอาฉันเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับจังหวัดตอนกลางเทอมได้จริงๆ ด้วย สุดยอดไปเลย…

ไหล่เล็กถูกยกขึ้นที่หนึ่งแบบชิลๆ และโยนบัตรนักศึกษาลงซองสีน้ำตาลเหมือนเดิม ก่อนจะเดินตามคนของคุณพ่อที่เข็นกระเป๋าสัมภาระของฉันนำออกมาด้านนอกทันที

“คุณหนูรออยู่นี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปเอารถมาให้” คนของคุณพ่อหันมาบอกฉันอย่างนอบน้อม ฉันเลยยิ้มน้อยๆ กลับไปก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบกุญแจรถในซองสีน้ำตาลยืนให้เขา

ฉันยืนกอดอกพิงรถเข็นสัมภาระตัวเองรอรถที่คนของคุณพ่อกำลังไปขับมาให้ นี่เป็นครั้งแรกในรอบสี่ปีที่ฉันได้มาเหยียบแผ่นดินเมืองไทย คิดถึงทุกคนที่นี่จัง แต่คงไม่มีโอกาสได้เจอแล้วแหละ ก็ดีเหมือนกันที่คุณพ่ออยู่เชียงใหม่ ไม่ใช่กรุงเทพ…

ครู่เดียวก็มีรถสีขาวคันหรูยี่ห้อดังป้ายแดงเคลื่อนมาหยุดตรงหน้าฉัน ก่อนที่คนของคุณพ่อจะเปิดประตูลงมาจากลงและเดินเอากุญแจมาคืนให้ฉัน จากนั้นเขาก็เข็นรถสัมภาระฉันไปทางท้ายรถ เปิดกระโปรงหลังขึ้นและขนของขึ้นรถให้ฉันจนหมด

“ขอบคุณนะคะ” ฉันเดินไปสำรวจของตัวเองที่ท้ายรถพร้อมทั้งเอ่ยขอบคุณคนของคุณพ่ออย่างนอบน้อมตามมารยาท เขาหันมาโค้งให้ฉันทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามฉันตามหน้าที่

“ให้ผมขับรถไปให้ไหมครับคุณหนู”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ฉันตอบกลับไปแบบยิ้มๆ ก่อนเดินอ้อมไปเปิดประตูขึ้นรถฝั่งคนขับแล้วเหยียบคันเร่งเคลื่อนรถออกมาจากสนามบินตรงไปตามเส้นทางที่ระบุใน GPS หน้าจอคอนโทลของรถ

ฉันเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านทูต ที่มีเงินและมีอำนาจพอสมควร แต่ท่านทั้งสองแยกทางกันตั้งแต่ฉันยังเด็ก แม่เป็นผู้ที่ดูแลฉันมาตลอด เราสองแม่ลูกใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพก่อนที่จะไปอยู่ที่อเมริกาถึงสี่ปีเต็มและไม่เคยมาวุ่นวายก้าวก่ายคุณพ่อเลย เพราะท่านแต่งงานใหม่ไปแล้ว แต่ก็ไม่คิดที่จะมีทายาทสืบสกุล ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ถ้าไม่เพราะผู้เป็นมารดาเสียชีวิตลงกะทันหันฉันคงจะไม่ได้มาเหยียบเมืองไทยอีกเป็นแน่และก็คงไม่ต้องกลับมาพึ่งใบบุญคุณพ่ออีกครั้ง

ฉันขับรถมาทางสักพักก็เห็นป้ายคอนโดขึ้นหราอยู่ข้างหน้า ถึงสักทีนะ...อยากพักผ่อนจะแย่อยู่แล้ว พวงมาลัยรถถูกหักเลี้ยวเข้ามาจอดด้านหน้า ก่อนที่จะมีชายชุดดำสองคนเดินตรงเข้ามาที่รถฉัน ถ้าเดาไปผิดคนเป็นคนของคุณพ่อที่มารอขนของขึ้นคอนโดให้ พวกเขาโค้งน้อยๆ ให้ฉันก่อนจะเปิดกระโปรงท้ายรถ ขนของฉันลงใส่รถเข็นของคอนโด

“ขึ้นไปก่อนเลยค่ะ โรสจะไปรอที่คอฟฟี่” ฉันยื่นคีย์การ์ดคอนโดให้หนึ่งคนในนั้นแล้วเอ่ยบอกพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปทางคอฟฟี่ของคอนโด

“ครับคุณหนู” คนของคุณพ่อรับคีย์การ์ดไปก่อนจะโค้งรับคำสั่งของฉันแล้วเข็นสัมภาระผ่านประตูเลื่อนของคอนโดเข้าไปทันที ฉันถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกอึดอัดยังไงก็ไม่รู้ ไม่ชินกับอะไรแบบนี้เลย คุณหนู...คุณหนู...คุณหนู เฮ้ออออ...หาชาเขียวกินดีกว่าระหว่างรอพวกเขาเอาของขึ้นไปเก็บ

ปึกกก!!

อ๊ะ!

ฉันผงะเซถอยเมื่อหันมาชนเข้ากับแผงอกของใครก็ไม่รู้แต่โชคดีที่แขนแกร่งอ้ารับตัวฉันไว้ได้ทันและดึงฉันกลับเข้าแนบอก ไม่งั้นนะ...ไม่อยากจะคิดเลย ก้นจ้ำเบ้าตรงนี้แน่ๆ

สัมผัสนี้ทำไมถึงรู้สึกคุ้นชินนักนะ ฉันเงยขึ้นเพื่อจะขอบคุณเขาแต่ทันทีที่สายตาเราสบกัน ฉันสตั้นไปเลย ภาพจำที่ฉันไม่อาจลืมแล่นเข้ามารวมกันอยู่ในหัวทั้งหมด ใจเต้นแรงจนจับจังหวะไม่ได้ ไม่จริงใช่ไหม...เป็นเขาได้ยังไง

เขาเบือนหน้าไปอีกทางพร้อมกับปล่อยฉันให้เป็นอิสระแล้วหันหลังเดินออกไปโดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดมาจากปากเขาสักคำ ทิ้งให้ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ร่างกายฉันไม่อาจขยับเขยื้อนทำได้แค่มองตามแผ่นหลังนั่นไปด้วยสายตาที่พร่ามัวเพราะน้ำใสๆ มันเออล้นออกมาบดบังทัศนียภาพของฉันจนแทบมองไม่เห็น

สายตาที่แสนจะว่างเปล่าคู่นั่นทำฉันชาวาบไปทั้งตัว เหมือนสายฟ้าฟาดลงมาตรงกลางใจ อยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่ฉันไม่สามารถรั้งเขาไว้เพื่อฟังคำอธิบายของฉันได้เลย แต่มันก็สมควรแล้วไหม...เพราะฉันเลือกให้มันเป็นแบบนี้เอง จะมาเรียกร้องอะไร คำถามมากมายแล่นเข้ามาในหัวฉันอย่างหาคำตอบไม่ได้

ทำไมเขามาอยู่ที่นี่

ทำไมฉันหนีเขาไม่พ้น

ทำไมเขาดูเหมือนไม่รู้สึกอะไร ลืมฉันได้แล้วงั้นเหรอ

ทำไมถึงทำเหมือนไม่รู้จักฉัน

ทำไมฉันถึงเจ็บปวดมากมายเหลือเกิน