Chapter - 01 / 2
กึก...
คนเดินนำหยุดเดินกะทันหันจนหน้าผากฉันชนกับแผงปีกไหล่แสนกำยำนั้น
"พี่นทีหยุดทำไมคะ"
"อยากเช็กว่าเรายังมีสติดีพอจะขับรถกลับเองได้หรือเปล่า"
"ต๊อปสร่างแล้วจริง ๆ ค่ะ" ฉันยืนกรานกับเขาเสียงขึงขัง ก่อนจะค่อย ๆ ดึงมือที่ถูกกุมไว้ออกช้า ๆ แล้วเดินนำหน้าเขาหมุนโชว์ไปหนึ่งรอบ
"เห็นไหมคะ ต๊อปอยู่บนส้นสูงได้ตั้งหนึ่งรอบไม่ล้ม พี่นทีสบายใจหายห่วงได้ค่ะ" ฉันฉีกยิ้มจนแก้มปริ
อีกคนเลยยิ้มขำแล้วเดินมาขยี้ผมฉันอย่างมันเขี้ยว
"งั้นถ้าถึงบ้านแล้วโทร.บอกพี่ด้วยนะ"
"รับทราบค่ะ" ยกมือขึ้นตะเบ๊ะรับทราบ
อีกคนเห็นท่าทางที่ฉันทำก็ส่ายหัวไปมาแต่แอบยิ้มนะ เขาเห็น...
"พรุ่งนี้พี่ต้องบินแต่เช้า ต๊อปไม่ต้องตื่นมาส่งพี่ก็ได้นะ"
เหมือนรู้ทันว่าฉันอยากจะขอไปส่งเขาขึ้นเครื่อง
"งั้นต๊อปขอให้พี่เดินทางปลอดภัยนะคะ"
ครั้งนี้เป็นฉันเองที่ปรี่เข้าไปจับมือใหญ่ของเขาไว้ด้วยมือทั้งสองข้างของตัวเอง
"ขอบคุณครับ แล้วอย่าลืมรอสัญญาจากพี่ล่ะ"
คนบ้า! อุตส่าห์ลืมไปแล้วนะยังจะมาพูดให้หัวใจฉันทำงานหนักอีก
"ต๊อปกลับบ้านดีกว่า"
หมับ!
"อ๊ะ! พี่นที"
ร่างทั้งร่างฉันถูกรวบเข้าไปกอดไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว
ความอุ่นจากร่างหนาแผ่ซ่านมายังฉันจนรับรู้ได้
อกข้างซ้ายเต้นระรัวราวจะทะลุออกมาเพื่อไปฝังไว้กับกายของอีกคน
"พี่พูดจริงนะสโรวิตา ถ้ากลับมาครั้งนี้เรายังไม่มีใครพี่จะเดินหน้าจีบเราอย่างเป็นทางการแล้วนะ"
ตึกตัก ตึกตัก...
เหมือนร่างกายฉันไร้เรี่ยวแรง แข้งขาล้าเมื่อถูกจู่โจมขอจีบแบบชนิดระยะตัวติดกันแบบนี้
"อา... ได้กำลังใจพอที่จะไปสู้งานหนึ่งปีแล้ว ไว้วันไหนกำลังใจนี้จะหมดพี่จะบินกลับมาขอกำลังใจใหม่นะครับ"
ขนาดถูกผละออกจากอ้อมกอดเขาแล้วนะ ทำไมฉันยังรู้สึกอบอุ่นเหมือนยังถูกกอดอยู่เลย
"ต๊อปกลับก่อนดีกว่าค่ะ"
รีบชิ่งดีกว่า ขืนอยู่นานกว่านี้ไม่รู้พี่นทีจะงัดไม้ไหนมาทำให้หัวใจฉันอ่อนแรงไปมากกว่านี้
"ขับรถดี ๆ นะครับ คนดี"
เสียงเพราะหู รอยยิ้มที่โชว์เขี้ยวเสน่ห์ ทำฉันจ้องหน้าเขาเหมือนตกอยู่ในห้วงภวังค์ของเวทมนตร์อะไรสักอย่าง
"ไหวแน่นะครับ"
"อ๊ะ! หวะ...ไหวค่ะ"
นี่เผลอมองความน่ารักของผู้ชายคนนี้ไปนานเท่าไหร่แล้วนะ รีบปิดประตูรถแล้วกลับบ้านดีกว่าฉัน
"อย่าลืมโทร.หาพี่ด้วยนะ"
เสียงตะโกนไล่หลังดังขึ้น ฉันมองกระจกมองข้างเห็นร่างสูงโบกมือหยอย ๆ จนรถฉันลับสายตา
"นี่ใช่พี่นทีตัวจริงเสียงจริงหรือเปล่านะ"
พี่นทีที่ฉันรู้จักก่อนหน้าไม่เห็นจะรุกฉันแรงขนาดนี้เลย ออกจะอบอุ่นให้กลิ่นอายปลอดภัยเหมือนพี่กับน้อง
แต่มาวันนี้ พี่นทีคนนี้กลับให้ความอบอุ่นปนเซ็กซี่ขยี้ใจสต๊อปมากค่ะ
หรือเพราะพี่เขาเมา?
แต่เท่าที่เห็นพี่นทีดื่มไม่กี่แก้วเองไม่น่าจะเมานะ
เออช่างเถอะ! จะเพราะเมาหรือสติพี่แกครบถ้วนก็ดีต่อใจสต๊อปคนนี้ละเว้ย!
สายวันต่อมา
"ยิ้มไม่หุบเลยนะแก"
เสียง 'ชะเอม' เพื่อนสนิทตั้งแต่เรียนปี 1 แซวขึ้น
"ก็คนมันมีความสุข" ไม่องไม่แอ๊บมันแล้วเวลาอยู่กับเพื่อน
"แหม... ทีเมื่อคืนละทำแอ๊บแบ๊วขวยเขิน"
เพียะ!
ตีไหล่เพื่อนตัวดีไปหนึ่งทีโทษฐานพูดความจริง
ก็ไม่มีไรมากหรอก ฉันเล่าเรื่องที่พี่นทีขอจีบเมื่อคืนให้เธอฟัง ทำให้ตอนนี้ยัยชะเอมเจ้าแม่ดีไซน์เนอร์เลยเอาแต่ล้อฉัน
"มันก็ต้องเล่นตัวบ้างเปล่าวะแก เดี๋ยวพี่นทีก็รู้หมดสิว่าฉันเองก็แอบปลื้มพี่เขาอยู่เหมือนกัน"
"เล่นตัวตอนที่เขาจะบินไปทำงานเป็นปีเนี่ยนะ เอาอะไรคิดเพื่อนฉัน"
ยัยชะเอมกลอกตามองบนกับความคิดของฉัน
"แต่จะว่าไป ทำไมพี่นทีถึงเพิ่งมาคิดจะจีบแกตอนนี้วะ"
ถ้ายัยเอมไม่ทักขึ้นมาฉันก็คิดไม่ได้เหมือนกันนะ
"จะบอกว่าเพิ่งมาชอบแกก็ดูแปลก ๆ เปล่าวะ รู้จักกันมาตั้งหลายปีไม่เห็นมีอาการ แต่พอจะไปอยู่ที่อื่นก็ดันมาพูดให้ความหวังแก"
สิ่งที่เพื่อนคนนี้พูดมาทำเอาใจฉันแทบจะพังฮวบ
"แกคิดว่าพี่นทีแกล้งหยอดฉัน?"
ชะเอมมองหน้าฉันแวบหนึ่งก่อนจะทำหน้าครุ่นคิดในโลกส่วนตัว
"อาจจะไม่แกล้ง แต่เพิ่งรู้ใจตัวเองตอนจะห่างกันงี้ปะ?"
"ก็มีเหตุผลนะคะ"
"เฮ้ย / เฮ้ย!"
เสียงฉันกับเพื่อนสนิทประสานกันอย่างไม่ได้นัดหมายเมื่อมีเสียงอีกคนแทรกขึ้นมา
"พี่แฟง!"
ชะเอมมองแรงใส่พี่ฟักแฟง ผู้ช่วยร้านเสื้อผ้าของเธอที่มาถึงตอนไหนก็ไม่รู้ แต่ดูจากการพูดแทรกขึ้นมาเมื่อกี้น่าจะมานานแล้วละ
"ตกใจอะไรกันคะ"
"พี่มาตอนไหนเนี่ย แล้วได้ยินพวกเราคุยกันนานยังคะ" ชะเอมถามพนักงานในร้าน
"พี่เปิดประตูเข้ามาไม่มีใครได้ยินเลยเหรอคะ"
แทนที่พี่ฟักแฟงจะตอบคำถาม เธอกลับถามพวกเราแทน
"ช่างเถอะแก" เห็นชะเอมจะอ้าปากพูดอะไรต่อฉันเลยรีบห้าม
"พี่ขอโทษนะคะ แต่สาบานว่าไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง พอเข้ามาแล้วเห็นพวกน้อง ๆ กำลังคุยกันแบบกึ่งซีเรียสพี่เลยไม่กล้าเรียกค่ะ"
สีหน้าเธอดูรู้สึกผิดจริง ๆ