EP 7 | ไม่ทักรักไม่เกิด
แทนชะงักไปเล็กน้อย เขาไม่ได้ไปซื้อของที่ห้างจริงๆ เพราะวันนี้เขาแวะไปกินข้าวเที่ยงกับกลุ่มเพื่อนแต่มันก็เสร็จตั้งแต่เที่ยงแล้ว แถมเขายังขับรถเวียนกลับไปที่บ้านเพื่อเปลี่ยนเป็นรถยนต์แทนเพราะดูจากชุดของเธอแล้วคงไม่สามารถนั่งรถบิ๊กไบค์ของเขาได้แน่ๆ
จะให้ตอบกลับไปว่าอะไรเพราะตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจเลยว่าตัวเองยกเลิกนัดทำโปรเจคแล้วมานั่งเล่นอยู่ในห้างสรรพสินค้าตั้งสามสี่ชั่วโมงไปทำไม
“เดินเล่น”
“อ่อ มาเดินเล่นคนเดียวไม่เหงาเหรอคะ”
น้ำหอมไม่ได้แปลกใจในคำตอบของเขาเพราะคนส่วนใหญ่ก็มาเดินเล่นในห้างสรรพสินค้ากันถมเถไป
“พี่แทนจอดตรงนี้ก็ได้ค่ะ”
ยังไม่ทันที่แทนจะตอบน้ำหอมก็พูดแทรกขึ้นมาเสียก่อนเพราะเห็นว่ารถขับมาเกือบถึงหน้าร้านแล้ว
แทนเลี้ยวเข้าไปจอดตรงจุดที่นิ้วเรียวชี้บอก สายตาคมกวาดมองไปรอบๆ บริเวณถึงจะรู้จักร้านนี้แต่เขาก็ยังไม่เคยเข้าไปนั่งในร้านมาก่อน
“คืนค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่มาส่ง”
น้ำหอมพูดพลางยื่นเสื้อช็อปคืนให้เจ้าของก่อนจะหยิบเสื้อแขนยาวตัวใหญ่ของตัวเองขึ้นมาใส่แทน
“กลับยังไง”
มือเรียวที่กำลังจะยกกระเป๋าเป้ขึ้นจากที่วางเท้าชะงัก ใบหน้าสวยหันไปมองเจ้าของคำถามก่อนจะระบายยิ้มหวานออกมา
“กลับกับพี่ในร้านได้ค่ะ พี่เขาอยู่หอเดียวกับหอม”
ตอนนี้น้ำหอมขอคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาต้องชอบเธอหนึ่งพันเปอร์เซ็นต์เพียงแต่เป็นคนที่พูดไม่เก่งอย่างที่พี่เฟิร์นเคยบอก ถึงจะพูดไม่เก่งแต่การแสดงออกของเขากลับทำให้เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจน
“อืม...”
แทนตอบรับในลำคอเบาๆ ท่าทางของเขาเหมือนมีอะไรจะพูดต่อแต่ก็เงียบไป น้ำหอมจึงลังเลว่าเธอควรจะเปิดประตูลงจากรถไปเลยดีไหมก่อนจะสังเกตเห็นเม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นตรงขมับของแทน
น้ำหอมเข้าใจทันทีว่าทำไมเขาถึงเปิดแอร์ในรถอุณหภูมิตั้งยี่สิบองศาเพราะปกติเขาต้องเป็นคนขี้ร้อนแน่ๆ แต่ก็ยังยอมปรับแอร์เพราะกลัวว่าเธอจะหนาว
‘ทำไมน่ารักจัง’
‘แทนเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ พูดไม่เก่งเท่าไหร่อ่ะถ้าแกชอบก็อ่อยๆ มันหน่อยแล้วกัน’
ประโยคของเฟิร์นที่ดังแทรกขึ้นมาในหัวทำให้น้ำหอมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าแทนอีกครั้ง
“ไลน์หอมพี่ก็มีแล้วนี่คะ อยากรู้ว่าหอมถึงบ้านหรือยังก็แค่ทักมาถามเอง”
พูดจบก็ได้แต่รอลุ้นว่าแทนจะตอบกลับมาอย่างไรถ้าเขาบอกว่าไม่อยากรู้เธอจะได้รีบโกยเศษหน้าของตัวเองลงจากรถ
“เธออ่อยฉัน?”
แทนถามพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องมองมาทางเธอ แขนข้างขวาพาดอยู่บนพวงมาลัยด้วยท่าทางสบายๆ แต่กลับส่งเสริมให้เขาดูหล่อขยี้ใจสุดๆ ในสายตาของน้ำหอม
‘เอาวะไอ้หอม! ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า’
“ไม่ทักรักไม่เกิดนะคะ”
น้ำหอมตอบพร้อมกับขยิบตาอย่างที่เธอชอบทำเวลาอยู่กับเพื่อนๆ ก่อนมือเรียวจะรีบเปิดประตูลงจากรถพร้อมกระเป๋าเป้ใบใหญ่ของตัวเอง
ร่างบางกอดกระเป๋าเป้เดินเร็วๆ จนแทบจะวิ่งเข้าร้านด้วยความเขินอายในประโยคของตัวเอง งานพีอาร์ทำให้เธอพูดจาหยอกล้อกับลูกค้าในร้านบ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกหัวใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน
ส่วนคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยก็เผลอหลุดยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตากลมโตที่มองมาทางเขาตาแป๋ว รอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวย ไหนจะเสียงหวานที่คอยถามเจื้อยแจ้วตลอดเวลาแต่เขากลับไม่รู้สึกรำคาญ รวมๆ แล้วมันทำให้เธอดูน่ารักน่าเอ็นดูจนเขาไม่อยากละสายตาไปไหนเลย
‘บ้าเอ้ย! กูมานั่งยิ้มคนเดียวอะไรตรงนี้วะ’
@Cool Bar
“หอม! ผู้จัดการมองหลายรอบแล้ว”
เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานทำให้น้ำหอมสะดุ้งรีบเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าของตัวเองทันที
ตั้งแต่ลงจากรถเธอก็เอาแต่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูทุกห้านาทีเผื่อว่าจะมีแจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนเข้ามาทางไลน์หรือเฟสบุ๊คบ้าง
‘อาการหนักแล้วไอ้หอม’
หลังจากนั้นน้ำหอมก็กลับไปทำงานโดยไม่ได้สนใจหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกเพราะกฎของทางร้านคืออนุญาตให้พกโทรศัพท์ติดตัวได้เผื่อมีเหตุฉุกเฉินแต่ไม่อนุญาตให้หยิบขึ้นมาเล่นโซเชียลหรือตอบแชทอยู่ตลอดเวลา
“วันนี้ลูกค้าเยอะมาก ขาลากหมดแล้วเนี้ย”
ชมพูรุ่นพี่พีอาร์ที่พักอยู่อพาร์ทเม้นท์เดียวกับน้ำหอมบ่นพลางทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาหลังร้านอย่างหมดสภาพ
“วันเสาร์อ่ะพี่ ปกติอยู่แล้ว”
น้ำหอมพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ รุ่นพี่ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมาเปิดดูแจ้งเตือนอีกครั้ง
‘Tan WR
เพิ่มเพื่อนด้วยหมายเลขโทรศัพท์’
“กรี๊ดดดด!”
“เชี่ย! เป็นไรไอ้หอม”
แจ้งเตือนการเพิ่มเพื่อนทางแอปพลิเคชันไลน์ที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ทำให้น้ำหอมดีดตัวขึ้นจากโซฟาพลางส่งเสียงกรี๊ดออกมาจนชมพูที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับสะดุ้งไปตามๆ กัน
“มะ...ไม่เป็นไรพี่^^”
น้ำหอมตอบกลับในขณะที่ปากของเธอยังยิ้มไม่หุบ ดวงตาคู่สวยจ้องมองไปยังแจ้งเตือนบนหน้าจออย่างเป็นประกายแถมยังยืนบิดซ้ายบิดขวาอย่างคนเสียอาการสุดๆ
“แล้วมึงกรี๊ดเพื่อ! กูนึกว่าผีเข้า”
“แหะๆ”
“แล้วยืนบิดไปบิดมาแบบนี้คือไร มีผู้ชายมาติดเบ็ดหรือไง”
“เฮ้ย! พี่เป็นหมอดูป่ะเนี้ย”
น้ำหอมหันขวับไปมองหน้าชมพูก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาข้างๆ รุ่นพี่สาวอีกครั้ง
“แหม~ อาการนองอกขึ้นมาทางจมูกขนาดนี้ไม่ต้องเป็นหมอดูกูก็ทายถูกค่ะ”
“นอที่ไหน จมูกน้องโด่ง”
น้ำหอมตอบกลับพลางยกมือขึ้นลูบปลายจมูกตัวเองด้วยท่าทางขี้เล่น ดวงตากลมโตทำตาแป๋วเหมือนเด็กน้อยไร้เดียงสา
“ไม่ต้องมาทำตาแป๋วเดี๋ยวกูทิ่มตาบอด กูไม่ใช่ผู้ชายค่ะไม่หลงมารยามึงหรอกเนาะ”
“ฮ่าๆๆ เขาเรียกว่าเสน่ห์ค่ะ ไม่ใช่มารยา”
“เหรอคะน้องน้ำหอม”
ชมพูตอบกลับมาเสียงหวานพลางกัดริมฝีปากล่างด้วยท่าทางเซ็กซี่ยั่วยวนอย่างที่เธอเคยใช้กับลูกค้าผู้ชายในร้าน
“เลิกเถอะ! ขนลุกจริงๆ”
น้ำหอมพูดพลางยกมือขึ้นลูบต้นแขนของตัวเองเมื่อเห็นท่าทางที่ชมพูทำส่งมาให้ อย่างที่เขาพูดกันจริงๆ ว่าผู้หญิงด้วยกันน่ะดูออก
ผีเห็นผีชัดๆ!
“กลับเลยไป กูง่วงแล้ว”
“โอเคๆ”
น้ำหอมตอบกลับก่อนจะก้มลงสนใจโทรศัพท์ในมือของตัวเองอีกครั้ง เธอกดรับเพื่อนแล้วเลื่อนไปดูที่ช่องแชทสนทนาแต่กลับไม่มีการทักทายของคนที่เพิ่งเพิ่มเพื่อนเข้ามา
“ไอ้หอม!”
“กลับจ้าาา”
ร่างบางรีบลุกขึ้นจากโซฟาด้วยความรวดเร็วเพราะกลัวจะโดนทิ้งเอาไว้ที่ร้าน สองสาวใช้เวลาขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับอพาร์ทเม้นท์ประมาณสิบห้านาที ชมพูพักอยู่ชั้นสามส่วนน้ำหอมพักอยู่ชั้นสี่
ติ๊ง!
เสียงสัญญาณดังขึ้นพร้อมประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสาม ชมพูยกมือขึ้นหนึ่งครั้งเพื่อโบกลาเป็นสัญลักษณ์ง่ายๆ ของคนที่เจอกันทุกวัน
“ฝันดีพี่”
“เออ ฝันเปียก”
น้ำหอมส่ายหน้าเบาๆ กับคำลาของรุ่นพี่ ถึงชมพูจะเป็นคนพูดจาขวานผ่าซากและเอนเอียงไปทางหยาบคายแต่จริงๆ แล้วเธอเป็นคนที่จริงใจและใจดีกับน้ำหอมมากๆ อีกอย่างเธอรู้จักกาลเทศะไม่ได้พูดแบบนี้กับทุกคน
“เฮ้อออ~ เหนื่อยจัง”
น้ำหอมทิ้งตัวลงนอนแผ่หลาบนเตียงทันทีที่เข้ามาภายในห้องพักของตัวเอง วันนี้เธอตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อแต่งหน้าทำผมไปทำงานเอ็มซีในห้างแล้วก็ยิงยาวมาจนตอนนี้ซึ่งเป็นเวลาตีสองของอีกวัน
ติ๊ง!
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ทำให้คนที่ตากำลังจะปิดใช้มือควานหาไปทั่วเตียงก่อนจะหยิบขึ้นมาเปิดดู
Line | Tan WR
Tan WR: เลิกงานยัง
ชื่อแชทที่ส่งเข้ามาทำให้คนที่นอนหมดแรงเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างกลับมามีพลังวังชาแล้วเด้งตัวลุกขึ้นนั่งทันที
“ยังไม่นอนอีกเหรอเนี้ยหรือว่าจะรอเรา”
Line | Tan WR
Khunhom: เลิกแล้วค่ะ
Khunhom: นี่อยู่หอแล้ว
Khunhom: พี่ยังไม่นอนเหรอคะ
ถ้ามีใครผ่านมาเห็นคงจะรีบพาตัวเธอส่งโรงพยาบาลเพื่อเช็คสมองแน่ๆ เพราะตอนนี้เธอกำลังนั่งยิ้มหวานอยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ของตัวเอง