EP 6 | เรื่องบังเอิ๊ญบังเอิญ
“นี่ของวันนี้จ้า”
ทรายเป็นรุ่นพี่พริตตี้ที่อยู่ในวงการมานานเธอจะคอยรับงานและส่งต่อให้กับรุ่นน้องที่รู้จัก ทรายชอบน้ำหอมเพราะเธอเป็นเด็กที่น่ารัก มีความรับผิดชอบ ไม่งอแงเวลางานและไม่เคยเทงาน เสียดายที่น้องรับงานแค่วันเสาร์อาทิตย์ ไม่งั้นเธอคงจะมีงานที่คอยส่งให้มากกว่านี้
“ขอบคุณค่ะพี่ทราย…อ่ะ ทำไมพันห้าละคะ”
น้ำหอมรับซองสีขาวซึ่งเป็นซองค่าจ้างสำหรับงานวันนี้ ข้างในมีเงินอยู่เต็มจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยบาท ไม่ได้มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายสามเปอร์เซ็นเหมือนทุกครั้ง
“เอาไปเถอะ ที่หักอ่ะเดี๋ยวพี่จ่ายเอง”
“ไม่เอาพี่ทราย พี่ส่งงานให้หอมไม่หักส่วนแบ่งสักบาทแล้วจะมาจ่ายค่าภาษีให้หอมอีกได้ไง”
แม้จะเป็นเงินไม่กี่บาทแต่น้ำหอมก็ไม่อยากรู้สึกว่าเธอกำลังเอาเปรียบคนอื่น เธอทำงานเยอะและรู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ ยิ่งทรายคอยช่วยเหลือส่งงานให้เธอตลอดเธอก็ยิ่งเกรงใจ
“แก! มันไม่ถึงร้อยด้วยซ้ำถือว่าพี่เลี้ยงกาแฟ โอเคมั้ย”
ทรายยื่นมือไปจับมือของน้ำหอมที่กำลังยืนมองหน้าเธอตาละห้อย ยัยเด็กคนนี้ถ้าลองได้อ้อนใครรับรองว่าตายเรียบ ขนาดเธอเป็นผู้หญิงยังรู้สึกหลงเสน่ห์ของน้ำหอมเลย
“ขอบคุณนะคะพี่ทราย”
“เออๆ ไม่ต้องมาทำซึ้งหรอก รีบเก็บของไปได้แล้วเมื่อกี้พี่เข้ามาเหมือนฝนใกล้จะตกแล้วนะ”
“จริงเหรอคะ งั้นหอมไปก่อนนะสวัสดีค่ะพี่ทราย”
น้ำหอมรีบเอ่ยลาก่อนจะหันกลับไปเก็บของใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ของเธอแล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำของห้าง
เนื่องจากงานเอ็มซีวันนี้เลิกหกโมงเย็นน้ำหอมจึงพับชุดพีอาร์ใส่เป๋าเป้มาเปลี่ยนที่ห้างให้เรียบร้อยก่อนจะนั่งรถไปทำงานต่อที่ร้านประจำของเธอ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชุดพริตตี้ เอ็มซีหรือพีอาร์น้ำหอมจะมีเสื้อคลุมแขนยาวตัวใหญ่ใส่ทับไว้เสมอ
“ฮืออออ~ ทำไมรีบตกจังเลยคะพี่ฝน”
คนตัวเล็กยืนโอดครวญอยู่หน้าประตูห้างสรรพสินค้าเมื่อเธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกมาก็พบว่าสายฝนกำลังเทกระหน่ำลงมาแล้ว
น้ำหอมตั้งใจจะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไปที่ร้านประจำแต่ฝนตกหนักขนาดนี้สงสัยจะต้องเปลี่ยนแผนใช้บริการแอปพลิเคชันเรียกรถแทน
ปรี๊นน!
เสียงแตรรถยนต์ที่ขับเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้าน้ำหอมพอดิบพอดีทำให้เธอถึงกับสะดุ้งเพราะรถที่จอดอยู่ตรงหน้าของเธอคือรถ TOYOTA Camry สีขาวปีล่าสุดซึ่งเธอไม่รู้จักใครที่ขับรถยี่ห้อนี้มาก่อนและตอนนี้เธอก็ยืนอยู่หน้าประตูห้างแค่คนเดียว
“ขึ้นรถ”
กระจกรถเลื่อนลงจนเห็นใบหน้าของโชเฟอร์ที่กำลังมองมาทางเธอพลางเอ่ยเรียกให้ขึ้นรถด้วยใบหน้าหงุดหงิดเล็กน้อย
“พะ...พี่แทน”
น้ำหอมถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นว่าเจ้าของรถเป็นใครแถมตอนนี้เขายังเรียกให้เธอขึ้นรถอีกด้วย เพื่อความมั่นใจว่าเธอไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองน้ำหอมจึงหันมองซ้ายมองขวามองข้างหลังอีกครั้งเผื่อว่าจะมีคนอื่นยืนอยู่ตรงนี้ด้วยนอกจากเธอ
“เร็วๆ”
คำเร่งด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดพร้อมการกดปุ่มเลื่อนกระจกขึ้นทำให้น้ำหอมรีบวิ่งไปเปิดประตูรถ
น้ำหอมยกแขนกอดอกทันทีเมื่อเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยเพราะวิ่งจากประตูห้างมาขึ้นรถจะต้องฝ่าฝนออกมา แม้ไม่ไกลมากแต่มาเจอกับแอร์ยี่สิบองศาบนรถก็ทำให้ร่างบางรู้สึกหนาวจนขนลุกไปทั้งตัว
รถเคลื่อนตัวออกจากห้างท่ามกลางความเงียบ น้ำหอมได้แต่ชำเลืองตามองไปทางคนขับรถพร้อมกับคำถามมากมายในหัวที่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
“หนาวเหรอ”
แทนเอ่ยถามในขณะที่สายตาจ้องมองไปยังถนนข้างหน้า มือข้างขวายังคงจับอยู่ที่พวงมาลัยส่วนมือข้างซ้ายยื่นมากดปรับเพิ่มอุณหภูมิแอร์จากยี่สิบเป็นยี่สิบสามองศา
“นิดหน่อยค่ะ”
ใจจริงเธออยากจะตอบกลับไปว่ายี่สิบสามองศาก็ยังหนาวอยู่ค่ะคุณพี่! แต่ในเมื่อเขาเป็นเจ้าของรถแถมยังใจดีรับเธอขึ้นมาด้วย ใครจะกล้าไปเรื่องมากกับเขากันล่ะ
“พักอยู่ที่ไหน”
เจ้าของคำถามยังคงไม่หันมามองหน้าเธอเหมือนเดิม คิดในแง่ดีคือฝนกำลังตกหนักเขาคงไม่อยากให้เกิดอุบัติเหตุแต่ถ้าคิดในแง่ร้ายคือเขาไม่อยากมองหน้าเธอแต่ถ้าไม่อยากมองหน้าจะรับขึ้นรถมาทำไม
“เอ่อ...ถ้าพี่แทนจะไปส่งหอมไม่ได้จะกลับหอค่ะหอมต้องไปทำงานต่อ”
คราวนี้แทนหันหน้ามามองเธอเล็กน้อยพลางขมวดคิ้ว เธอเพิ่งเลิกงานมาแต่ยังต้องไปทำงานต่ออีก หนึ่งวันเธอรับกี่งานกันแน่
“ที่ไหน”
“ร้านคูลบาร์ค่ะ^^”
น้ำหอมหันไปตอบพลางส่งยิ้มให้แต่แทนกลับไม่ได้หันมามองหน้าเธอสักนิด เขาทำเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น
ที่พี่เฟิร์นเคยบอกว่าเขาชอบเธออาจจะเป็นเรื่องจริงก็ได้แต่เขาเป็นคนนิ่งๆ ขรึมๆ ก็เลยทำให้แสดงออกไม่เก่งหรือตอนนี้อาจจะกำลังเขินที่ได้อยู่ใกล้เธอ
‘แกนี่มันมโนเก่งสุดๆ ไปเลยน้ำหอม’
“ถอดเสื้อตัวนั้นออก”
เมื่อเห็นมาสักพักว่ามือเรียวทั้งสองข้างยังไม่ยอมหยุดลูบแขนของตัวเอง แทนจึงหันไปบอกเธอในระหว่างที่รถกำลังจอดติดไฟแดงเพราะคิดว่าเธอน่าจะรู้สึกหนาว
“คะ?”
จู่ๆ จอดรถแล้วมาบอกให้เธอถอดเสื้อเนี้ยนะ เวลาไม่พูดก็เงียบกริบเวลาจะพูดขึ้นมานี่รุกแรงขนาดนี้เลยเหรอ
“มันชื้น”
“แหะๆ”
คำตอบของเขาทำให้น้ำหอมส่งยิ้มแห้งๆ กลับไป ดูจากสายตาเขาก็รู้แล้วว่าเขาต้องรู้ทันความคิดของเธอแน่ๆ จะว่าไปเสื้อตัวนี้มันก็เปียกจริงๆ นั่นแหละยิ่งมานั่งในรถที่เปิดแอร์เย็นขนาดนี้ยิ่งหนาว
มือเรียวจัดการรูดซิปเสื้อแขนยาวลงจนสุดก่อนจะถอดออกแล้วเอามาห่มไว้ที่ตักของตัวเอง
แทนลอบกลืนน้ำลายเมื่อเห็นว่าชุดที่เธอใส่อยู่ด้านในคือมินิเดรสเข้ารูปสีแดง ตรงหน้าอกออกแบบเป็นโบว์ขนาดใหญ่เน้นให้เห็นทรวงอกอวบอิ่มไซส์สามสิบหกของเธออย่างชัดเจน แถมใต้หน้าออกยังเว้าโชว์ความเซ็กซี่ของหน้าท้องแบนราบสีขาวอมชมพูก่อนจะเป็นกระโปรงที่มีความยาวแค่คืบเดียวเท่านั้น
‘จ่ายเงินไม่ครบหรือไงร้านถึงให้มาแค่เศษผ้า’
ลมแอร์ที่ลอยมาปะทะกับผิวโดยตรงทำให้น้ำหอมนั่งตัวสั่นมากกว่าเดิม มือทั้งสองข้างยกขึ้นลูบต้นแขนเรียวของตัวเองอย่างห้ามไม่อยู่
‘หนาวกว่าเดิมอีกค่ะ ถอดเสื้อทำไมก่อน’
แทนตัดสินใจปลดล็อกสายเข็มขัดนิรภัยก่อนจะเอี้ยวตัวไปข้างหลังเพื่อหยิบเสื้อช็อปสีกรมท่าของเขาที่แขวนอยู่มาวางลงบนตักของน้ำหอม
“คลุมไปก่อน”
พูดจบมือหนาก็ยื่นไปปรับเพิ่มอุณหภูมิแอร์อีกครั้งจากยี่สิบสามเป็นยี่สิบห้า การกระทำของเขาทำให้น้ำหอมหลุดอมยิ้มออกมา เหมือนว่าเขาจะไม่ได้มองมาทางเธอเลยแต่เขากลับสังเกตเห็นว่าเธอกำลังหนาว
“ขอบคุณค่ะ”
น้ำหอมยกเสื้อช็อปขึ้นมาคลุมไหล่ทั้งสองข้างจากด้านหน้า เมื่อรถเคลื่อนตัวอีกครั้งเธอจึงค่อยๆ ก้มหน้าลงเพื่อดมกลิ่นที่ติดอยู่บนเสื้อช็อป
‘หอมจัง เอาหน้าซุกลงไปเลยได้มั้ยนะ’
“ซักแล้ว”
“ฮ่าๆ หอมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะคะ”
ประโยคของแทนทำให้น้ำหอมหลุดหัวเราะออกมาทันที เธอแค่อยากดมกลิ่นดูเท่านั้นเอง
“เธอก้มลงดม”
“หอมก็แค่ลองดมดูเฉยๆ เองค่ะ^^”
น้ำหอมตอบกลับปนขำ เขาคิดว่าเธอกลัวเสื้อยังไม่ได้ซักแล้วเอามาให้เธอคลุมหรือไง เธอไม่ได้เป็นคนเรื่องเยอะขนาดนั้นเสียหน่อย
“แล้วพี่แทนไปซื้อของที่ห้างเหรอคะ”
ไหนๆ เขาก็ยอมพูดแล้ว เธอก็เลยถือโอกาสชวนคุยเสียเลยถ้ารอให้เขาเป็นคนพูดก่อนล่ะก็...วันนี้คงได้คุยกันไม่ถึงสิบประโยคแน่ๆ
“เปล่า”
“อ้าว แล้วไปทำอะไรคะ”