EP 10 | ไม่ได้จีบ
“อืม เก่งนี่”
คนส่วนใหญ่เวลาได้ยินชื่อของเขามักจะขอให้เขาช่วยสะกดให้เพื่อความมั่นใจ เขาจึงตั้งใจแกล้งเพราะอยากเธอถามต่อแต่คนตัวเล็กตรงหน้ากลับเขียนชื่อของเขาถูกเสียอย่างนั้น
“แน่นอนอยู่แล้ว นามสกุลอะไรคะ”
น้ำหอมยิ้มหวานน้อมรับคำชมด้วยความภาคภูมิใจก่อนจะถามถึงนามสกุลของเขาและคำตอบที่ได้รับกลับมาก็ทำให้เธอยิ้มเจื่อนลงทันที
“สินธปกรณ์”
“แหะๆ สะกดด้วยได้มั้ย”
“หึ ไม่เก่งแล้วเหรอ”
“ก็มันเขียนยากนี่”
น้ำหอมหันไปทำหน้ามุ่ยใส่แทนทันทีเมื่อได้ยินเสียงเขาหัวเราะเยาะเธอในลำคอ ท่าทางของเธอทำให้แทนรีบเม้มปากตัวเองไว้แทบไม่ทันเพราะกลัวว่าตัวเองจะหลุดยิ้มออกมา
‘เวลางอนทำไมน่าฟัดจังวะ’
แทนเขียนนามสกุลของตัวเองใส่กระดาษแผ่นเล็กที่เธอยื่นมาให้ก่อนจะส่งคืนกลับไป
“เหลือของพี่บอสกับพี่กายค่ะ”
น้ำหอมยื่นกระดาษไปวางบนโต๊ะของแทนก่อนจะชะเง้อหน้าบอกบอสและกายที่นั่งรออยู่
“อ้าว น้องหอมไม่เขียนให้พี่ด้วยเหรอครับ”
ประโยคแซวของบอสทำให้แทนปรายตามองเขาด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ส่วนน้ำหอมเธอยื่นมือมาจับที่กระดาษอีกครั้ง
“ได้เลยค่ะ^^ พี่บอสชื่ออะไรเหรอคะ”
บอสแอบชำเลืองมองเพื่อนที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างเขากับน้ำหอมด้วยความหวาดระแวงในขณะที่กายก็เอาแต่สะกิดแขนเขาไม่หยุด
“เอ่อ พี่เขียนเองน่าจะปลอดภัยกว่า”
เมื่อเห็นบอสยื่นมือมาน้ำหอมจึงคืนกระดาษให้แบบงงๆ ก่อนหน้านี้เธอก็เป็นคนเขียนเองจะเขียนให้บอสต่อแล้วมันไม่ปลอดภัยตรงไหน
บอสรับกระดาษไปเขียนชื่อนามสกุลของตัวเองและกายก่อนจะเป็นคนลุกขึ้นเดินไปส่งที่โต๊ะอาจารย์ ซึ่งระหว่างนั่งรอนักศึกษากลุ่มอื่นๆ น้ำหอมจึงขยับเข้าไปหาแทนเพื่อชวนคุย
“พี่ชื่อแปลกจัง ไม่เคยได้ยินเลยแปลว่าอะไรเหรอคะ”
แทนขยับตัวเข้ามาหาเธอจนแขนของทั้งคู่ชนกันก่อนจะตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เบากว่าปกติเนื่องจากทั้งคู่นั่งอยู่ในห้องเรียน
“ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน”
“โหหห~ เท่จัง”
น้ำหอมตอบกลับไปด้วยความตื่นเต้น นอกจากหน้าตาจะหล่อแล้วชื่อก็ยังเท่อีก ดูจากรถที่ขับบ้านเขาก็น่าจะมีฐานะพอสมควรเลย ชาติที่แล้วทำบุญด้วยอะไรนะทำไมถึงได้เกิดมามีพร้อมทุกอย่างขนาดนี้
“แล้วเธอ”
“หอม ทำไมคะ”
“วาสิตาแปลว่าอะไร”
“อ๋อ! วาสิตาแปลว่ากลิ่นหอม หอมหวาน หอมอบอวลเหมือนน้ำหอมเลยค่ะ^^”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคำพูดของเธอหรือเพราะเขากับเธอนั่งตัวติดกันจึงทำให้แทนได้กลิ่นหอมอ่อนๆ จากเส้นผมสีน้ำตาลช็อกโกแลตที่เขาคิดว่าน่าจะเป็นกลิ่นของยาสระผมสักยี่ห้อ เพียงแค่เขาไม่เคยได้กลิ่นมันมาก่อน
“ครบแล้วนะคะ มาเข้าเรื่องรายงานที่อาจารย์จะสั่งเลย...”
เสียงของอาจารย์ที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนขยับตัวกลับไปนั่งปกติ น้ำหอมสัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังจ้องมองเธอมาจากทางด้านซ้ายและเมื่อปรายตาไปมองจึงเห็นว่าเพื่อนสนิททั้งสองคนของเธอกำลังมองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม
ไม่ต่างจากแทนที่รู้ตัวว่ากำลังถูกมองจากเพื่อนสนิททั้งสองคนของเขาเหมือนกันแต่เขาเลือกที่จะไม่สนใจ ไม่แม้แต่จะปรายตาไปมอง
@โรงอาหารคณะบริหารธุรกิจ
หลังเลิกคลาสกายจะต้องไปรอรับเฟิร์นที่คณะบริหารธุรกิจเหมือนทุกวันจันทร์ที่ผ่านมาซึ่งปกติเขาจะไปนั่งรอแฟนสาวที่ร้านน้ำเท่านั้นแต่วันนี้เพื่อนของเขากลับชวนกินข้าวที่โรงอาหารของคณะบริหารฯแทน
“พี่แทนจะกินข้าวที่นี่ด้วยเหรอคะ”
น้ำหอมเอ่ยถามด้วยความสงสัยเมื่อเห็นแทนและกลุ่มเพื่อนเดินเข้ามาในโรงอาหารพร้อมกับเธอ
“กายมารอรับเฟิร์น”
“อ๋อออ”
น้ำหอมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจในเหตุผล ส่วนคนที่โดยอ้างชื่อแทบอยากจะตะโกนบอกน้ำหอมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงแต่ทำได้เพียงแค่ยิ้มรับตามน้ำไปกับเพื่อนเท่านั้น
“แหม~ ผู้ชายตามมากินข้าวด้วยถึงในโรงอาหารเลยนะ”
แพทอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซวในขณะที่ทั้งสองคนกำลังต่อแถวรอซื้อก๋วยเตี๋ยวเรืออยู่
“คนมันสวยอ่ะจ้า”
“มั่นหน้าสุดๆ ฮ่าๆ”
“เอาจริงนะมึง เขาไม่ได้มีท่าทางว่าจะจีบกูเลยเว้ย”
น้ำหอมเริ่มพูดด้วยเสียงที่กระซิบกระซาบลงเมื่อเข้าสู่เรื่องจริงจังและไม่อยากให้คนที่ต่อแถวอยู่ด้วยได้ยิน
“เออ พี่เขานิ่งไปไหนวะ”
แพทตอบกลับอย่างเห็นด้วย แม้จะดูเหมือนว่าแทนสนใจน้ำหอมมากกว่าผู้หญิงคนอื่นๆ เพราะเขาแทบจะไม่มองใครเลยแต่การแสดงออกกับน้ำหอมก็ไม่ได้ชัดเจนมากขนาดที่ทำให้รู้ว่าชอบเพื่อนเธอแน่ๆ
“เอาไงดีวะ”
“สรุปคืออยากได้”
“ก็...ประมาณนึง”
น้ำหอมปรายตามองไปทางแทนที่กำลังต่อแถวซื้อน้ำอยู่ถัดไปอีกสองสามร้านก่อนจะเห็นว่าสาวๆ ในโรงอาหารก็กำลังมองไปทางเขาไม่ต่างกัน
“ถ้าอยากได้ก็จีบเองค่ะ”
“เออ ถ้าเขาจีบไม่เป็นกูจีบเองก็ได้”
“ถูกค่ะ! อยากกินของอร่อยถ้าไม่เดินไปซื้อก็ไม่ได้กินเนาะ”
“แต่กูก็อร่อยนะทำไมเขาไม่เดินมาซื้อวะ”
คำถามของน้ำหอมทำให้แพทกลอกตามองบนทันที เพื่อนสนิทของเธอเป็นคนสวยและน่ารักมากจริงๆ อันนี้เธอยอมรับแต่เรื่องแบบนี้มันต้องให้คนอื่นเป็นคนพูด
ทั้งหกคนกลับมานั่งที่โต๊ะพร้อมอาหารของตัวเองวางอยู่บนโต๊ะตรงหน้า น้ำหอม แพทและอิ่มนั่งอยู่ฝั่งเดียวกัน ส่วนฝั่งตรงข้ามของน้ำหอมก็คือแทนตามด้วยบอสและกาย
“ไม่กินผัก”
แทนเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้าเขากำลังตั้งหน้าตั้งตาคีบก้านผักบุ้งออกจากถ้วย
“กินบางอย่างค่ะ”
“อย่ามาใช้คำว่าบางอย่างค่ะเพราะมึงกินแค่คะน้ากับผักบุ้ง แถมกินแค่ใบด้วยนะก้านก็ไม่กินเรื่องมากสุดๆ”
แพทถือโอกาสทั้งฟ้องทั้งบ่นเพื่อนสนิทของตัวเองไปในเวลาเดียวกันเล่นเอาน้ำหอมรีบหันไปถลึงตาใส่ทันที
แทนหันไปมองหน้าแพทเพื่อรับฟังแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปก่อนจะยื่นมือไปช่วยตักก้านผักบุ้งในถ้วยของน้ำหอมออกมาใส่จานตัวเองท่ามกลางสายตาของทุกคน
“ขอบคุณค่ะ^^”
หลังจากนั้นต่างคนก็ต่างจัดการอาหารในจานของตัวเองซึ่งเป็นเรื่องปกติของน้ำหอมที่เธอจะกินไปได้แค่ครึ่งถ้วยก็อิ่มแล้ว เสียงวางตะเกียบของน้ำหอมทำให้สามหนุ่มเงยหน้าขึ้นมามองเธออีกครั้ง
“น้องหอมกินหรือดมครับ”
“ฮ่าๆ พี่บอสหอมกินไปตั้งเยอะแล้ว”
น้ำหอมหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำแซวของบอส ใครๆ ก็บอกว่าเธอเลี้ยงง่ายเพราะกินน้อยแล้วยังขยันทำงานอีก เธอเคยฝืนกินให้มากกว่านี้แล้วแต่สุดท้ายก็จบลงที่การปวดท้อง
ซึ่งแน่นอนว่าอาการที่เธอเป็นอยู่คืออาการของคนเป็นโรคกระเพาะนั่นเอง
“กินแค่นี้เมื่อไหร่จะโต”
“พี่แทนพูดเหมือนหอมห้าขวบเลยอ่ะ”
น้ำหอมทำหน้ายู่ขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินประโยคประชดประชันจากคนตรงหน้า
“หอมไม่ได้แค่กินน้อยนะคะ ยังกินข้าวแค่วันละมื้ออีกด้วย ตอนเช้ากินแค่ชาเขียวปั่นส่วนตอนเย็นมัวแต่ทำงานไม่กินอะไรเลยค่ะ”
น้ำหอมถึงกับนั่งอ้าปากค้างเมื่อคนที่กำลังฟ้องแทนอยู่คืออิ่ม ปกติอิ่มจะเป็นคนที่คอยเตือนให้เธอกินข้าวอยู่ตลอดรอบนี้คงจะหาเพื่อนเข้าอุดมการณ์แต่น้ำหอมก็ไม่คิดว่าเพื่อนของเธอจะกล้าฟ้องแทน
“พี่แทนแอดไลน์เราสองคนไว้ก็ได้นะคะ ถ้าจะจีบไอ้หอมแล้วอยากรู้เรื่องอะไรถามเราได้ทุกเรื่อง”
แพทรีบพูดเสริมทันทีแต่เธอไม่ได้ต้องการให้แทนแอดไลน์มาหาอย่างที่พูดออกไปหรอก เธอแค่อยากรู้ว่าแทนจะยอมรับไหมเรื่องที่กำลังจีบเพื่อนสาวของเธออยู่
น้ำหอมที่รู้ทันถึงกับรอลุ้นคำตอบไปด้วย แทนปรายตาไปมองแพทและอิ่มก่อนจะหันกลับมามองหน้าน้ำหอม
“ไม่ได้จะจีบ”
เพล้ง!
เสียงหน้าของน้ำหอมที่แตกละเอียดลงกลางโต๊ะ เธอรู้สึกเหมือนมีค้อนปอนด์ขนาดใหญ่ทุบลงมาตรงกลางศีรษะของตัวเอง