เทียนเผารัก - 3
ประเทศไทย , 1:45 AM.
ล้อลากของกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่สองใบกำลังถูกลากผ่านทางเดินของประตูผู้โดยสารขาเข้า เจ้าของกระเป๋าที่ว่าเป็นสาวสวยหุ่นบอดี้เอสส่วนสูงมาตรฐานนางแบบ ผมยาวสลวยถึงกลางหลังหากแต่ทำสีผมเป็นสองสี ช่อผมด้านหน้าทำสีขาวตัดกับสีที่เหลือที่เป็นสีน้ำตาลธรรมชาติดูเป็นสาวแสบเฟี้ยวเปรี้ยวได้ใจ
ทุกย่างก้าวที่อยู่บนรองเท้าบู้ทครึ่งแข้งสีน้ำตาลเข้มราคาหลักหมื่นต่างถูกสายตาหลายคู่จ้องมองจนคอแทบเคล็ด
บ้างก็มองว่าเธอช่างสวย เป็นสาวมั่นดี หากบางคนก็มองว่าเป็นเด็กสก๊อยเพราะสีของผมและการแต่งการที่กึ่งโป๊มากกว่าเซ็กซี่
ทำไมคนจำพวกหลังนี้ถึงไม่เข้าใจว่านี่คือแฟชั่นกันนะ
โลกหมุนมาจนถึงปีสองพันยี่สิบสองแล้ว กะอีแค่การแต่งกายแบบนี้ของเธอกลับดูมองว่ามันต่ำเป็นเด็กสก๊อยนั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์กอดเอวคนขับร้องเฮ้ว ๆ ไปได้
เธอไม่สนใจสายตาใครหน้าไหนทั้งนั้นเพราะไม่มีผลประโยชน์อะไรกันสักนิด ลากกระเป๋าเดินทางมาถึงจุดรับผู้โดยสารขาเข้าเพื่อรอคนมารับ
ก่อนจะมาที่นี่ พ่อบุญธรรมกำชับไว้หลายอย่างจนต้องท่องจำแล้วท่องจำอีกให้ขึ้นใจ แถมยังมีเอกสารเป็นจดหมายฉบับหนึ่งถูกปิดผนึกไว้อย่างดีเพื่อมามอบให้คนที่เธอต้องทำลาย
เฮ้อ งานนี้เหมือนจะหมู ๆ ในตอนแรก ทว่าตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันดูวุ่นวายชอบกล แต่ก็นั่นแหละท้าทายความสามารถของเธอดี
ครืน...
โทรศัพท์มือถือเครื่องหรูสั่นขึ้นหลังจากที่เธอยืนรอคนมารับได้ราว ๆ นาทีเศษ มือเรียวล้วงเข้าไปในกระเป๋ากุชชี่สีพาสเทลแสนน่ารักใบใหญ่กว่าโทรศัพท์ขนาดหน้าจอหกนิ้วของเธอเพียงไม่กี่เซนติเมตร ทว่าราคานั้นมากกว่าความยาวของเครื่องมือสื่อสารเป็นหมื่นเท่าตัว
คิ้วสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเห็นเบอร์โทรที่ไม่มีในบันทึกของเธอก่อนจะกดรับสาย "สวัสดีค่ะ" เสียงใสกล่าวทักทายพลางดูทีท่าจากเบอร์ปริศนานี้
[นั่นเบอร์ของคุณเซินใช่ไหมครับ]
"ใช่ค่ะ" เธอตอบปลายสายที่เสียงดูเข้มน่าจะเป็นคนค่อนข้างเย็นชาไม่สนฟ้าสนอากาศ รู้จักแซ่จีนของเธอแบบนี้คงไม่ใช่ใครที่ไหน ต้องเป็นคนที่พ่อบุญธรรมบอกว่าจะมารับเธอแน่นอน
เอาจริง ๆ แผนการ 'ทำลาย' เป้าหมายในครั้งนี้เธอไม่รู้รายละเอียดอะไรด้วยซ้ำ รู้เพียงแค่ว่ามีคนว่าจ้างพ่อบุญธรรมเธออีกทีให้มาทำลายเขา แต่ต้องทำลายเขาหลังจากที่อยู่ที่นี่แล้วสามเดือน จะว่าแปลกก็แปลกแหละ ทำไมต้องรอหลังจากสามเดือนไปแล้วก็ไม่รู้
[คุณคือผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงลายหมากฮอต เสื้อเชิ้ตสีขาว]
คนปลายสายอธิบายการแต่งกายของเธอถูกทุกอย่าง
"รถคุณคันไหนคะ?" ไม่ต้องถามไถ่มากความว่าเขารู้ได้อย่างไรในเมื่ออธิบายได้ชัดเจนขนาดนี้ เขาต้องอยู่ในรถสักคันที่จอดอยู่ไม่ไกลจากเธอแน่นอน
"เข้าใจแล้วค่ะ" เพียงแค่อีกคนบอกลักษณะยานพาหนะที่เขานั่งอยู่ หญิงสาวมองซ้ายทีขวาทีไม่กี่วินาทีก็เห็นรถคันที่ว่า
สีน้ำเงินมันวาวของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ราคาเหยียดยี่สิบล้านที่จอดปะปนอยู่ท่ามกลางรถแท็กซี่นับสิบคันสะดุดตาเธอทันที
เมื่อเจอเป้าหมายแล้วรุ้งนภาจึงลากกระเป๋าเดินทางไปทิศทางที่รถคันนั้นจอดอยู่ ทว่าตอนนี้มันเป็นเวลาตีหนึ่งกว่า ๆ สนามบินค่อนข้างเปลี่ยว ทำให้ตอนนี้ร่างบางกำลังตกเป็นเป้าสายตาและเป้าหมายของคนขับแท็กซี่บางคนที่มีนิสัยชอบเอารัดเอาเปรียบชาวต่างชาติ เวลาเห็นคนชาติอื่นที่พูดไทยไม่ชัดหรืออาจจะพูดไม่ได้เลยต้องรีบแจ้นเข้าไปวอแวเพื่อให้คนเหล่านั้นมาใช้บริการรถพวกเขา
"Hi" เสียงทักทายจากคนขับแท็กซี่คันหนึ่งที่เธอกำลังจะเดินผ่านเพื่อไปขึ้นคันเป้าหมายที่จอดอยู่ด้านหลังคันนี้ดังขึ้นพร้อมเสียงปิดประตูรถฝั่งคนขับที่ดังหนึ่งครั้งเมื่อเจ้าของรถเดินมาหาเธอที่เขาคิดว่าเป็นชาวต่างชาติ
"ยูโกทูโฮเทลมั้ย?" เป็นการพูดอังกฤษแบบผสมไทยคำที่ทำให้คนฟังถึงกับกรอกตามองบน
คิ้วเรียวโก่งสวยขมวดเล็กน้อยรู้สึกแปลกใจที่คนขับแท็กซี่ที่อายุน่าจะราว ๆ สามสิบปลาย ๆ คิดว่าเธอเป็นคนต่างชาติ อ้อ ลืมไป ตอนนี้เธอใส่คอนแทคเลนส์สีฟ้าอ่อน ๆ นี่นา ไม่แปลกที่บุคคลแปลกหน้านี้จะเข้าใจผิด
กึก!!
รุ้งนภาตกใจที่จู่ ๆ แท็กซี่ที่ถามเธอว่าจะไปโรงแรมไหมก็เข้ามากระชากกระเป๋าเดินทางเธอพร้อมเข็นไปขึ้นท้ายรถอย่างหน้าตาเฉย
"Go go"
แถมมีการบังคับขี้นิ้วให้เธอขึ้นรถอีกด้วย
ทว่าคนขับแท็กซี่คันนี้คงไม่รู้ว่ากำลังเล่นอยู่กับใคร
ปึง!
เสียงประตูที่คนขับแท็กซี่เปิดไว้เพื่อรอเธอเข้าไปนั่งประจำที่ถูกมือเรียวผลักปิดจนตัวรถสั่น
"เฮ้ย! ทำอะไรวะ?" เสียงฉุนขาดทันทีเมื่อรถที่เช่ามาสั่นสะเทือนจนกลัวอะไหล่จะหลุด
เจ้าของการกระทำไม่สนใจเธอแย่งรีโมทรถจากมือคนขับแท็กซี่เพื่อปลดล็อกท้ายรถเตรียมเอาข้าวของเธอออกมา
"อีหมวยนี่อยากลองดีเหรอวะ! รถคันนี้ถ้าเอาของขึ้นแล้วจะเอาลงต้องจ่ายเงิน"
ถ้าให้เทียบเรื่องของหุ่นคนขับแท็กซี่กินขาดอยู่แล้วแถมยังเป็นผู้ชายด้วย แต่น่าเสียดายตรงที่ผู้หญิงที่เขามองว่าเป็นแค่เพศที่อ่อนแอคนนี้ไม่ธรรมดา
มือหยาบกร้านเพราะต้องทำมาหากินจับพวงมาลัยรถหามรุ่งหามค่ำทุกวันแบออกพร้อมกระดิกปลายนิ้วทั้งห้ายิก ๆ
"ถ้าน้องอยากได้ของเอาเงินมา มันนี่น่ะ เข้าใจมั้ย?"
รุ้งนภายืนย่นขาข้างหนึ่งพร้อมยกมือกอดอก ตอนนี้เธอเริ่มจะทนผู้ชายตรงหน้าไม่ไหวแล้ว
เซ้าซี้เป็นบ้า! นี่ไม่ได้อยู่เมืองไทยมาสิบกว่าปีสันดานมนุษย์เปลี่ยนไปขนาดนี้เลยหรือ เอ๊ะ! หรือว่าเป็นแค่ผู้ชายคนนี้
น่าจะใช่แหละ คงเป็นสันดานของเขาตั้งแต่เกิด
"จ่ายมาสิวะ วันทาวน์ซั่นบาท"
ออกเสียงจากวันเธาเซินด์ที่แปลว่าหนึ่งพันเป็นสำเนียงแปลกเสียงั้น
"เดี๋ยวให้อย่างอื่นแทนเอามั้ย"
รุ้งนภาสุดจะทน อีกทั้งไม่อยากให้เขาคิดว่าที่ผ่านมาเธอฟังภาษาไทยที่เป็นภาษาบ้านเกิดไม่ออกจึงเอ่ยเสียงเรียบ
"อ้าว คนไทยนี่หว่า แล้วทำไมไม่บอกตั้งแต่แรกวะ!" น้ำเสียงหงุดหงิดดังขึ้นพร้อมมือที่ยกขึ้นเสยผมอย่างแรง
'พลาดโอกาสจะได้หลอกเงินฝรั่งแล้วกู!'
"ก็ไม่ถามเอง ทีนี้หลบได้ยัง?" พื้นเพไม่ใช่คนหยาบกระด้าง ทว่ากับคนที่นิสัยเสียแบบคนตรงหน้าก็ไม่อยากญาติดีด้วย
"เดี๋ยว!" แขนกำยำกางออกกันร่างบางที่กำลังจะเดินผ่านตัวเขาเพื่อไปเอาสัมภาระออกมาจะได้กลับไปพักผ่อนเสียที
"อย่าคิดว่าเป็นคนไทยแล้วพี่จะยอม นี่ใช้บริการรถพี่มาหลายนาทีแล้วต้องจ่ายค่าโดยสารนะรู้มั้ย?"
"ค่าโดยสารบ้าบออะไรฉันยังไม่ทันได้เหยียบขึ้นไปบนรถคุณเลย"
อย่ามาหัวหมอ! คนที่เป็นฝ่ายเสียเวลาคือเธอมากกว่า นี่ก็ยื้อกันไปมาตั้งหลายนาทีแล้วทำไมคนที่พ่อบุญธรรมส่งมารับเธอถึงไม่ลงมาช่วยจัดการบ้าง
จะบอกว่ามองไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็ไม่ใช่ ในเมื่อเขาบอกเองว่ารถที่มารับคือเมอร์เซเดสเบนซ์สีน้ำเงินคันนั้นซึ่งจอดจ่อตูดแท็กซี่คันนี้อยู่
"ตาบอดหรือไงไม่ลงมาช่วยสุภาพสตรีสักที"
ลิ้มฝีปากจิ้มลิ้มสบถให้คนที่เพิ่งวางสายจากเธอไปอย่างหัวเสีย
อย่าให้เจอหน้านะแม่จะบ่นให้หูชา พร้อมรายงานพ่อบุญธรรมเธอให้จัดการเขาขั้นเด็ดขาดไปเลย