บท
ตั้งค่า

Ep : 3. พอกินได้

เมื่อวานไอ้จ้อนไปซื้อของสดมาไว้ในตู้เย็นของบ้านนายมัน แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไม แต่วันนี้เข้าใจแล้ว มันมาบ้านก็เห็นณปภัชตั้งโต๊ะอาหารรอนายของมัน เมนูอาหารแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น กลิ่นหอมๆ หอมโชยไปถึงด้านนอกจนมันต้องเดินตามกลิ่นอาหารมาที่ห้องรับประทานอาหารที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเนี่ยแหละ

“มาทำอาหารให้นายเหรอครับ”

“ค่ะ พี่จ้อน ไอซ์เพิ่งเตรียมเสร็จค่ะ”

“หูย! น่ากินทั้งนั้นเลย ทั้งหน้าตาและกลิ่นก็ห๊อมหอม...” ไอ้จ้อนก้มลงหาจานอาหารแล้วสูดลมหายใจนำกลิ่นหอมๆ ของอาหารเข้าปอดตัวเองด้วยความหิว

“พี่จ้อนกินไหมคะ ไอซ์ทำเยอะเลยเดี๋ยวตักแบ่งให้ค่ะ”

“ฉันอนุญาตให้แบ่งให้ไอ้จ้อนแล้วเหรอถึงจะแบ่งให้มัน...มึงมาทำไมแต่เช้าไอ้จ้อน”

​เสียงดังมาก่อนตัวจะเดินมาถึง ยอมรับว่ากลิ่นอาหารนั้นชวนให้เขาเจริญอาหารจริงๆ วันนี้ หฤทย์เดินเข้ามาดึงลากเก้าอี้หัวโต๊ะออกนั่ง มองไปยังอาหารตรงหน้าตัวเอง แต่ละเมนูเป็นของโปรดของเขาทั้งนั้น ณปภัชบังเอิญทำหรือตั้งใจทำกันแน่ และหล่อนรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบกินอะไร ยังไง หรือว่าพ่อของเขาบอกหล่อน บวบผัดไข่ ผัดพริกหยวกกุ้งสด น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด มันของโปรดเขาทั้งนั้น มองแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายจนต้องรีบบอกณปภัชรีบตักข้าวให้ตัวเอง

“ตักข้าวสิ ยืนโง่อะไรของเธออยู่ แล้วมึงมาทำอะไรไอ้จ้อน”

“ผมก็มาหานาย จะมาถามว่าวันนี้จะเข้าไปในเมืองด้วยกันไหมครับ”

“ไป กูมีธุระที่ร้านเจ๊ณี”

“แน่ใจว่ามีธุระกับเจ๊ณีไม่ใช่ลูกสาวเจ๊ณี” ไอ้จ้อนเอ่ยตอบกลับนายอย่างหยอกๆ

ส่วนณปภัชก็ได้แต่เก็บความสงสัยอยากรู้ว่าลูกสาวของเจ๊ณีที่จ้อนพูดนั้นเป็นอะไรกับชายหนุ่มหน้าเถื่อนคนนี้

“มึงเคยโดนตีนไหม แล้วจะกินไหมข้าว ถ้าจะกินก็มานั่งด้วยกัน เอาจานมาตักข้าวให้ไอ้จ้อนด้วย”

ณปภัชรีบเดินไปหยิบจานมาวางให้จ้อนที่ดึงเก้าอี้ออกนั่งทันทีเมื่อเจ้านายสั่ง เธอตักข้าวให้คนโอหังแล้วก็ตักให้จ้อน เมื่อตักเสร็จก็รินน้ำให้ทั้งสอง แล้วตัวเองก็เดินถอยไปยืนอยู่ที่มุมของห้องรับประทานอาหารมองทั้งสองทานข้าว

“ไปยืนโง่ทำอะไรตรงนั้น ถึงฉันจะเกลียดเธอ แต่ใช่จะใจดำไม่ให้กินข้าว ไปตักข้าวมานั่งกินด้วยกันจะได้ไปทำงาน อยู่ที่นี่ไม่สุขสบายเหมือนที่กรุงเทพหรอกนะ” หฤทย์เอ่ยเสียงห้าวพร้อมกับเริ่มตักกับข้าวใส่จานทาน คำแรกที่ได้ลิ้มรสรสมือของณปภัช เขาหลับตานิ่งเคลิ้มไปกับความอร่อยกลมกล่อม เป็นรสชาติที่ถูกปากเขาจนไม่อยากจะเชื่อว่ายัยเด็กนี่จะทำกับข้าวได้อร่อยถูกปากเขาขนาดนี้

“อร่อยไหมนาย” ​ไอ้จ้อนเห็นนายหลับตาเคลิ้มพร้อมมองไปทางหญิงสาวคนเดียวในห้องเดินไปตักข้าวมานั่งลงตรงข้ามตนเอง แม้จะสงสัยว่าสองคนเป็นอะไรกันแน่ แต่ก็ได้แต่สงสัย เพราะถามไปมีหวังโดนกระทืบปากแตกแน่ๆ ไอ้จ้อนยังรักชีวิตจึงได้แต่สงสัยเงียบๆ

“ดีกว่าเอาลิ้นถูกระเบื้องแล้วกัน” เขาตวัดตาแข็งกระด้างมาทางไอ้จ้อนอย่างไม่พอใจเมื่อโดนไอ้จ้อนถามแซว ยอมรับว่าฝีมือของเด็กนี่ดีจริงๆ ดีจนเขาต้องตักแล้วตักอีก ตักทุกเมนู ทุกเมนูรสชาติดีหมด ดีถูกปากจนเวลาผ่านไปไม่นานก็ยื่นจานข้าวให้ณปภัชตักเพิ่มข้าวให้ตัวเองอีกสองทัพพี

‘ดีกว่าลิ้นถูกระเบื้อง แต่เพิ่มข้าวจานที่สองเนี่ยนะ?’ ไอ้จ้อนพึมพำกับตัวเองในใจก้มหน้าทานต่อเงียบๆ เพราะทุกเมนูอร่อยทั้งนั้นเลย ใครจะคิดว่าคนตัวเล็กๆ จะฝีมือดีแบบนี้

“อืม” เขารับจานข้าวที่สาวน้อยไปตักมาให้แล้วก็ทานต่อ ส่วนณปภัชเดินไปนั่งลงที่เดิมตัวเองแล้วก้มหน้าทานข้าวของตัวเองต่อ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ก็สั่นเตือนทำให้ต้องวางมือจากช้อนส้อมมาล้วงกางเกงนำโทรศัพท์ออกมากดรับสาย เธอยิ้มให้กับชื่อที่โชว์หน้าจอแล้วเอ่ยขอตัวกับเจ้าของบ้านเพื่อไปรับสาย

“คุยที่นี่แหละ เปิดลำโพงด้วย” เขาสั่งเสียงห้าวเมื่อเหลือบสายตามองไปเห็นชื่อพ่อตัวเองที่โชว์หน้าจอ

ณปภัชลังเลว่าจะกดรับสายดีไหม และแล้วก็ต้องกดรับสายเมื่อเห็นสายตาคำสั่งของคนโอหัง เธอกดรับสายพร้อมทำตามที่เขาบอก

“หนูไอซ์ไปทำงานรึยังลูก” ​เสียงแหบแห้งตามวัยของศิวดลดังลอดออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์

“ยังครับพ่อ กำลังกินข้าวเช้ากันอยู่” เป็นเสียงเข้มของหฤทย์ที่ตอบกลับคนในสายตัดหน้าณปภัช

“ไอ้โหด มึงมารับมือถือหนูไอซ์ได้ยังไง” ศิวดลถามลูกชายตัวดีตัวเองทันที

“ไม่ได้รับ เด็กของพ่อรับเอง แต่ผมสั่งให้เปิดลำโพง”

“มึงเสือกเรื่องส่วนตัวคนอื่นแบบนี้ประจำเหรอไอ้โหด”

“เรื่องของพ่อคนเดียวเท่านั้นครับ ว่าไงครับ โทรหาเด็กนี่มีอะไร ห่วงนักก็มารับกลับไปสิ หรือให้ผมไปส่งดีครับผม”

“ให้พ่อคุยกับหนูไอซ์ได้ไหม” เสียงแหบแห้งตามวัยส่งกลับมา

“ก็คุยสิครับ คุยสิ พ่อฉันจะคุยด้วย” เขาตอบพร้อมหันไปสั่งเจ้าของโทรศัพท์ที่วางตรงหน้า และเมื่อเห็นเธอหยิบขึ้นจะปิดลำโพงคุย เขาก็สั่งอีก “เปิดลำโพงคุย ฉันจะฟังด้วย”

ณปภัชพยักหน้าทำตามคำสั่ง แล้วก็กรอกเสียงเล็กหวานทักทายคนในสาย

“สวัสดีค่ะคุณท่าน”

“สบายดีนะหนูไอซ์ หลับสบายดีไหมเมื่อคืน”

“หนูสบายดีค่ะคุณท่าน แล้วคุณท่านสบายดีไหมคะ”

“ห่างกันแค่คืนเดียวทำเป็นห่วง สบงสบายดี เฮอะ!” หฤทย์เอ่ยลอยๆ จงใจให้พ่อของตัวเองได้ยิน

“คนไม่มีหัวใจอย่างมึงไม่เข้าใจใครหรอกไอ้โหด เสือกไม่เข้าเรื่อง” ศิวดลว่าลูกชายตัวดีส่งกลับมาในสาย

“เอ่อ...ผมขอตัวไปทานข้าวข้างนอกนะครับ” ไอ้จ้อนเห็นว่าตัวเองเป็นคนนอกไม่ควรอยู่ที่นี่จึงเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมตักกับข้าวราดข้าวตัวเองแล้วเดินออกจากห้องรับประทานอาหารไปทันที โดยไม่รอให้นายตัวเองเอ่ยอนุญาต

“ไม่มีหัวใจผมก็ตายสิครับพ่อ”​ เขาตอบสวนกลับพ่ออย่างไม่รีรอ

หึหึ

ศิวดลหัวเราะส่งมาในสายแล้วก็ไม่สนใจจะพูดต่อความยาวสาวความยืดกับไอ้ตัวดีของตัวเองอีก

“หนูไอซ์ ถ้าไม่ไหวบอกฉันนะ เดี๋ยวฉันให้คนขับรถที่บ้านไปรับ”

“หนูไหวค่ะ งานที่นี่ไม่ได้หนักอะไร หนูทำได้ค่ะคุณท่าน”

“แน่ใจนะลูก หนูไม่ได้โกหกฉันนะ”

“สายแล้วนะพ่อ ใกล้ได้เวลาไปทำงานแล้ว ถ้าจะห่วงขนาดนี้มารับไปขังไว้ที่ห้องนอนสิครับ” แล้วเขาก็กดตัดวางสายท่านทิ้งทันที

ตู๊ด! ตู๊ด! ตู๊ด!

“เก็บโต๊ะ หมดอารมณ์จะกินต่อแล้ว อ้อ...อย่าให้รู้นะว่าโทรฟ้องพ่อฉันว่าอยู่ที่นี่ฉันใช้ทำอะไรบ้าง ถ้ารู้เจอดีแน่ ‘อี’ เด็กบ้า!” เขาพูดพร้อมคว้าแก้วน้ำดื่มใกล้ๆ มือมาดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

เอิ้ก!

พอกินน้ำหมดแก้วก็ปล่อยเสียงเรอออกมาอย่างไร้มารยาท ณปภัชเงียบไม่ตอบ เธอหยิบแก้วน้ำขึ้นจิบดื่มให้พออิ่มแล้วลุกขึ้นเก็บโต๊ะตามคำสั่งเขาเพื่อไปทำงานอย่างที่เขาต้องการ

หฤทย์ใช้เพียงหางตามองคนตัวเล็กเก็บโต๊ะ เพิ่งได้มองได้สังเกตก็ตอนนี้ว่าเธอแต่งตัวด้วยชุดที่เรียบง่าย เสื้อยืดกางเกงยีนส์ มัดรวบผมเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง ปล่อยปอยผมมาที่ข้างแก้มทั้งสองข้าง ใบหน้าสวยจิ้มลิ้ม ริมฝีปากสวยได้รูปไร้การแต่งแต้ม ไร้เครื่องสำอาง ปากอวบอิ่มน่าจูบก็ไม่ได้ทาลิปสติก มันเป็นสีอมชมพูธรรมชาติ ยิ่งมองยิ่งทำให้คอแห้งจนต้องเดินไปรินน้ำดื่มดับกระหายกามตัวเอง แต่สายตายังคงจดจ้องคนตัวเล็กเคลื่อนไหวโดยใช้หางตาเหมือนเดิม

แม้จะรู้ว่าเขาไม่สนใจ แต่ก็รู้สึกประหม่าอายเสียวสันหลัง เหมือนว่าเขากำลังจดจ้องมองตัวเองอยู่ มือน้อยที่กำลังเก็บจานนั้นสั่นเล็กน้อย แต่ก็พยายามประคองไม่ให้สั่นจนขายหน้า เธอหยุดมือแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบดื่มน้ำอีกเมื่อรู้สึกว่าด้านหลังเย็นเยือกแปลกๆ จนรับรู้ได้ ด้วยความประม่าเลยทำให้สำลักน้ำ

แค่ก! แค่ก! แค่ก!

เธอสำลักน้ำจนต้องรีบวางแก้วน้ำไว้แล้วหยิบทิชชูมาเช็ดคราบน้ำที่ไหลตามคางมายังลำคอระหง โดยไม่รู้เลยว่าคนที่ใช้เพียงหางตามองนั้นกำลังอดทนมากแค่ไหนกับปากจิ้มลิ้มน่าดูดเม้มของเธอจนต้องกำแก้วน้ำในมือแน่น ‘มึงต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ ไอ้โหด บ้าแล้วแน่ๆ ถึงมองว่าปากเด็กนี่น่าจูบ’ เขาต่อว่าตัวเองในใจพร้อมยกแก้วน้ำที่กำแน่นในมือกระดกดื่มรวดเดียวหมดแก้ว

ณปภัชเก็บโต๊ะต่อ เธอก็ว่าตัวเองเร็วแล้ว แต่ทำไมมันเหมือนช้าเหลือเกิน อยากออกไปจากตรงนี้ไวๆ ด้วยรู้สึกว่าตัวเองไม่ค่อยจะปลอดภัย และเป็นอย่างที่คิดเมื่อคนตัวโตเดินมาหยุดยืนด้านหลัง เธอรับรู้ได้ถึงการคุกคามจากด้านหลังจนต้องยืนเกร็งนิ่งไม่กล้าขยับตัวและเก็บจานต่อ

“เก็บต่อสิ” เสียงทุ้มห้าวดังขึ้นรดหัวเธอ เธอรับรู้ได้ถึงเสียงลมหายใจหอบถี่ของบุรุษที่มายืนอยู่ด้านหลังตัวเองจนไม่กล้าขยับตัวและมือ แต่เมื่อเขาสั่งก็ต้องข่มความตื่นกลัวตัวเองแล้วหยิบจาน แต่มือไม้กลับอ่อนแรงจนจานที่หยิบยกขึ้นหลุดมือ

เพล้ง!

“ขอโทษค่ะ” เธอเอ่ยขอโทษทั้งๆ ที่ตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะคนที่ผิดคือเขา และยิ่งทำให้เกร็งเมื่อมือหนาของหฤทย์ยื่นมาจับมือของเธอ และการยื่นมือของเขามานั้นมันอยู่ในท่าเหมือนเขายืนสวมกอดเธอจากด้านหลังก็มิปาน ตอนนี้มือเขายื่นมาจับมือเธอรั้งไว้ไม่ให้ขยับพร้อมกับอีกมือแข็งแรงจับหัวไหล่เธอพร้อมบีบแน่นบังคับให้หมุนเอี้ยวตัวมาเผชิญหน้ากับเขา ณปภัชต่อต้านแรงของคนเถื่อนไม่ไหวจึงต้องหมุนตัวตามแรงบังคับของเขา

“จะทำอะไร” เธอถามเขาเสียงสั่นไม่มั่นคงนักเมื่อถูกบังคับให้หันมาเผชิญหน้าเขา ตอนนี้สาวน้อยแหงนเงยมองหน้าเขาที่ก้มต่ำลงมามองเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว

อึก!

ไม่มีคำตอบให้เธอได้ยินมีเพียงเสียงกลืนน้ำลายเหนียวๆ ของคนตัวโตที่จับไหล่และมือเธอดังออกมาให้ได้ยิน เธอจ้องมองลูกกระเดือกของเขาที่เคลื่อนไหวยามเขาหายใจและกลืนน้ำลาย มือน้อยข้างที่ว่างจึงยกขึ้นดันอกแกร่งผลักเขาออกห่างเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตัวเองจะไม่ปลอดภัย หากยังอยู่ในท่าทางแบบนี้กับหฤทย์ ผู้ชายคนนี้คาดเดาความคิดไม่ได้ ยิ่งอยู่กันสองต่อสองแบบนี้ด้วยแล้วยิ่งอันตราย

ว้าย!

เธอผลักเขาออกห่าง แต่ถูกมือใหญ่ที่จับมือเล็กนั่นผละปล่อยมาตวัดรวบเอวเล็กคอดดึงรั้งตามไปจนเสียหลักเซไปซบอกแกร่งของคนหยาบกระด้าง

หึหึ

มีเพียงเสียงกลั้วขำในลำคอของเขาดังลอดออกมาพร้อมกับมือที่จับหัวไหล่เคลื่อนมาบีบคางเล็กของเธอให้แหงนเงยขึ้น ตอนนี้หฤทย์ไม่สนใจแล้วว่าผู้หญิงคนนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของพ่อ ยิ่งได้มองปากจิ้มลิ้มสีชมพูระเรื่อยิ่งทำให้เขารู้สึกวาบหวิวในทรวงอกจนต้องก้มหน้าโน้มลงไปบดขยี้กลีบปากอวบอิ่มของหล่อน

“อ่ะ...อื้อ” สาวน้อยเบิกตากว้างตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันคือจูบแรก เขากำลังบังคับจูบเธอ ณปภัชดิ้นขัดขืนทุบตีอกแกร่งต่อต้าน แต่เขาก็กอดรัดเธอแน่นพร้อมกับรั้งท้ายทอยเธอให้แหงนเงยขึ้นให้รองรับปากหนาที่บดขยี้เอาแต่ใจกับปากของเธอ

ปากน้อยที่เม้มแน่นถูกความชำนาญของเขาล่อลวงขบเม้มริมฝีปากบนของสาวน้อยจนต้องเผลอเปิดปากและจังหวะนั้นเองเขาก็ดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปในโพรงปากน้อย ความนุ่มนิ่มและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสาวน้อยที่ได้ขึ้นชื่อว่า ‘แม่เลี้ยง’ กำลังทำให้เขาเตลิดไปไกลจนกู่ไม่กลับในตอนนี้ หฤทย์ยกอุ้มร่างเล็กที่ดิ้นขัดขืนขึ้นนั่งบนโต๊ะด้านหลัง

“อ่ะ...อื้อ” ยิ่งได้สอดเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากเล็ก หฤทย์ก็ยิ่งหยุดตัวเองไม่ได้ หักห้ามความต้องการตัวเองที่เกิดขึ้นกับแม่เลี้ยงตัวน้อยของตัวเองไม่ได้ เรียวลิ้นสากไล่ต้อนเรียวลิ้นเล็กจนจนมุม ก่อนจะตวัดรั้งลิ้นเธอแล้วดูดคลึงควานกลืนความหวาน

“อ่า...อื้อ” เธอพยายามดิ้นเร่าต่อต้านขัดขืน แรงที่เคยมีตอนนี้มันไม่มี ร่างน้อยของสาวน้อยวัยสิบเก้าปีอ่อนระทวยรวยแรงไปกับรสจูบดิบเถื่อน เธอได้แต่หอบหายใจและพยายามบิดเบือนเบี่ยงหน้าหลบหนีปากร้ายกาจของคนป่าเถื่อน แต่ยิ่งพยายามเขาก็ยิ่งรั้งท้ายทอยเธอแน่นไม่ยอมให้ขยับบิดหน้าหนีปากหนาของเขา

“อ่า...หวานเป็นบ้า ให้ตายสิอีบ้า! อื้ม...” เขาถอนจูบออกมาพึมพำมองจ้องปากชมพูระเรื่อของณปภัชที่บวมเจ่อขึ้นเพราะฝีมือตัวเอง สีของมันน่าดูดเม้ม และแน่นอนเขาไม่ได้หยุด เขากระแทกปากลงไปจูบเธออีกครั้งเมื่อให้เธอได้หอบหายใจเข้าเต็มปอดแล้ว

“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้จากปากที่บดขยี้กันดังลอดออกมาอีกครั้ง และแน่นอนว่าคนที่เพิ่งเคยมีจูบแรกนั้นตั้งรับไม่ไหว ณปภัชพยายามแล้วพยายามจะหลุดจากความน่าอายนี้แล้ว แต่ก็ไม่รอดเมื่อเขานั้นแรงเยอะ

‘จูบแรกเหรอ?’ นี่คือเสียงที่ดังขึ้นในใจของคนเถื่อน ยิ่งได้ครอบครองปากจิ้มลิ้มแสนหวานยิ่งแน่ใจว่านี่คือจูบแรกของเจ้าหล่อน แล้วเรื่องระหว่างพ่อของเขากับเด็กนี่ล่ะ มันคืออะไรกัน ทั้งสองเป็นสามีภรรยากันงั้นเหรอ เป็นแน่เหรอ

“อื้อ...เหมือนว่าจะจูบไม่เป็นด้วยซ้ำ ไม่รู้หลอกพ่อกูได้ยังไง” เมื่อแน่ใจว่าคนตัวเล็กไม่เคยจูบใครมาก่อนก็ผละตัวถอยห่างทันทีราวกับว่าเธอเป็นของร้อนก็มิปาน ทั้งๆ ที่ตอนนี้เลือดในอกนั้นร้อนรุ่มเหลือเกินและหัวใจก็เต้นแรงเมื่อได้มองจ้องปากบวมเจ่อเพราะจูบของตนเอง

ฮือ!

ไม่มีเสียงตอบกลับมีเพียงเสียงหอบหายใจของสาวน้อยที่ตอนนี้ดูไร้เดียงสาเหลือเกิน หฤทย์มองคนที่อ่อนปลวกเปียกเพราะจูบของตนแล้วอดขำเยาะเย้ยไม่ได้

เฮอะๆๆ

“อ่อนว่ะ! มารยาสินะ แบบนี้สินะ พ่อกูถึงได้หลงมึง” แล้วเขาก็เดินเช็ดปากตัวเองออกไปจากห้องทานอาหารทันที ส่วนณปภัชเมื่อเหลือตัวคนเดียวก็ยกมือขึ้นเช็ดถูปากตัวเองแรงๆ ด้วยความเจ็บปวดและเสียใจ ภาพที่เขาเดินออกไปคือภาพที่เขาเช็ดถูปากตัวเองอย่างรังเกียจปากของเธอที่แนบถูกับปากของเขา เมื่อเขารังเกียจเธอ เธอก็รังเกียจเขาเช่นกัน

“คนสารเลว!” เธอได้แต่ด่าว่าเขาลับหลังแล้วก็หันมาสนใจเก็บโต๊ะอาหารต่อ ชีวิตของณปภัชไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการได้มาเจอหฤทย์แล้ว เธอไม่น่าตกปากรับคำทำสัญญากับคุณท่านเลย ไม่น่าเลย ไม่น่าตัดสินใจพลาดแบบนี้เลย ในเมื่อตัดสินใจมาที่นี่แล้วก็ได้แต่กัดฟันฝืนทนอยู่ต่อให้ครบสามเดือนตามสัญญา และหลังจากนั้นเธอจะมีชีวิตที่เป็นอิสระจริงเหรอ?

“อึก! ห้ามร้องนะยัยไอซ์ ห้ามร้อง แกไม่ใช่คนอ่อนแอ” เธอสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองแรงๆ เมื่อก้อนสะอื้นตีตื้นมาจุกที่ลำคอจนมีเสียงสะอื้นหลุดออกมา เธอรีบแหงนเงยมองบนเพื่อไม่ให้น้ำตาที่เอ่อล้นดวงตาไหลอาบสองแก้มตัวเองพร้อมมือน้อยยกเช็ดน้ำตาที่จะไหลทิ้ง

“สู้นะไอซ์ แค่สามเดือนเท่านั้นที่เราต้องทนอยู่กับไอ้คนหน้าโหดใจโหดต่ำทรามพรรค์นั้น” เธอบอกตัวเองแล้วเช็ดน้ำมูกที่ไหลออกมาพร้อมน้ำตาที่กำลังอาบล้นดวงตาตัวเองออกมาทั้งๆ ที่พยายามแล้ว แต่สุดท้ายก็ปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาอยู่ดี

ฮือๆๆๆ

เธอเก็บโต๊ะอาหารไปด้วยร้องไห้ไปด้วย ยกมือเช็ดน้ำตาไปด้วย วันนี้วันเดียวเท่านั้นที่เธอจะร้องไห้ ได้แต่บอกตัวเองในใจแม้ว่าอนาคตวันข้างหน้าจะร้องไห้เหมือนตอนนี้อีกก็ได้

ฮือๆๆ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel