บทย่อ
บอกว่ากำลัง "ท้อง" แน่นอนลูกของเขา แต่เมื่อเขาไม่พร้อมจะมีทั้งเธอและลูก เขาจึงไล่หล่อนไป "ทำแท้ง" และออกจากชีวิตของเขาไป.... +++++ “เธอปล่อยให้ตัวเองท้องได้ยังไงหมิง” “หมิงก็กินยาคุมตลอด แต่ก็อย่างที่คุณเห็นค่ะว่าเขามาเกิดแล้ว” “ไปเอาเด็กออกซะ! ผมไม่ต้องการ คุณก็รู้ว่าผมยังไม่พร้อม” นี่คือสิ่งที่เจตน์คิดได้ในตอนนี้ แม้ว่าภายในใจจะสับสนกับความรู้สึกมากเพียงไรก็ตามในตอนนี้ คำว่าไม่พร้อมของเขามันคืออะไร ไม่พร้อมด้านไหนกันแน่ ถ้าเรื่องเงินทองไม่ใช่แน่นอน เขาเป็นถึงลูกชายคนเดียวของ 'ตระกูลเกียรติบดินทร์' มีหรือจะไม่พร้อมกับเด็กหนึ่งคนที่จะเกิดมา นอกเสียจากเขาไม่พร้อมมีเธอและลูกอยู่ในอนาคตของเขา “ไม่พร้อมเหรอคะ? ที่ไม่พร้อมหรือเพราะว่าฉันเป็นผู้หญิงชั้นต่ำ” เธอตัดสินใจถามสิ่งที่คาใจมาตลอดกับชายหนุ่ม แม้ว่าตลอดเวลาเขาทำเหมือนมีใจให้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอคิดผิด คิดเข้าข้างตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว “คุณเป็นคนฉลาดหมิง อย่าให้ผมต้องพูดเลยดีกว่า” “โอเคค่ะ คุณจะให้ฉันทำแท้งเหรอคะ” “ใช่ ผมจะให้คุณทะ...เผียะ!” เขายังพูดไม่ทันจบ มือน้อยก็ตวัดฟาดเต็มแรงใส่หน้าของเขาอย่างแรง “สารเลว! ไปให้พ้นหน้าฉัน ฉันจะเลี้ยงเขาเอง เขาเป็นลูกฉันคนเดียว” “แล้วแต่คุณนะ ผมให้คุณทำแท้งแล้วนะ แล้วอย่าเอาเด็กมารีดไถเงินจากผมล่ะ สัญญาของเราสิ้นสุดกันตรงนี้” แม้จะเดือดดาลที่โดนตบ แต่เขาก็ข่มอารมณ์เดือดดาลไว้ในใจแล้วกำมือแน่นเดินออกจากห้องไปโดยไม่สนใจจะเหลียวกลับมามองคนที่ทำให้ตัวเอง ‘สับสน’ “คนอำมหิต!” เมื่อใจเขาเลือดเย็น เขาก็เป็นแค่เพียงอดีตที่เธอเคยพลาดไปเท่านั้น พอร่างใหญ่ออกไปจากห้อง ว่าที่คุณแม่มือใหม่ก็ทรุดนั่งกับพื้นกำมือแน่นเข้าหากัน เธอไม่น่าเปิดโอกาสให้ผู้ชายเห็นแก่ตัว ใจทรามคนนั้นเข้ามามีอิทธิพลกับชีวิตของตน ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยสักนิด... “แม่จะเลี้ยงลูกเอง และเขาจะไม่มีสิทธิ์ในตัวลูกอีก วันนี้เขาฆ่าลูกด้วยคำพูดไปแล้ว และต่อไปนี้หนูคือลูกแม่นะคะ หนูคือลูกแม่คนเดียว” เธอก้มลงลูบท้องที่ยังแบนราบตัวเองพร้อมกับน้ำตาหยดลงบนพื้นพรมของห้อง อึก! ฮือ... ------------------------- กุหลาบเปื้อนราคี เพราะความโกรธชั่ววูบทำให้ "พุฒิเมธ" บังคับยัดเยียดความเป็น "ผัว" ให้ "ศรีญา" และเพราะความโกรธนี้ทำให้เกิดหนึ่งชีวิตขึ้นมา แต่ทุกอย่างมันไม่ง่าย เมื่อดอกกุหลาบดอกนี้ไม่ต้องการความรับผิดชอบจากพ่อของลูก..... ++++ “พี่พุฒบ้าไปแล้ว” “นั่นสิ ฉันบ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน และคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้ก็คือนาง พี่สาวของเธอไงน้อง และฉันบอกแล้วไงว่าเธอต้องรับผิดชอบที่ช่วยพี่สาวเธอกับผู้ชายหนีฉันไป มันก็ถูกต้องแล้วนี่ที่เธอต้องรองรับความต้องการของฉันแบบนี้ เธอต้องรับผิดชอบ” คำว่า ‘รับผิดชอบ’ อีกแล้วที่เขาพูดใส่หน้าของเธอ ทั้งๆ ที่เธอไม่ได้ผิดอะไร แต่ทำไมต้องเป็นเธอกันที่ต้องมารับผิดชอบเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น จริงอยู่ที่เป็นคนช่วยพี่สาวในการหนีครั้งนี้ แต่แล้วทำไมพุฒิเมธถึงยัดเยียดความผิดทุกอย่างให้เธอรับผิดชอบ “น้องผิดที่ช่วยพี่นางหนีงานแต่งงาน แต่ก็แค่ข้อหาเดียวเท่านั้น แล้วทำไมพี่พุฒถึงต้องข่มเหงรังแกน้องแบบนี้ด้วย ทำไมพี่พุฒถึงทำให้ร่างกายของน้องเปื้อนราคี” “แล้วยังไง ยุคสมัยนี้ใครเขาแคร์เขาสนสาวพรหมจรรย์กันล่ะ เนี่ยมันยุคไหนแล้ว มันก็แค่พรหมจรรย์ สมัยนี้ผู้หญิงที่ไหนเขาเก็บพรหมจรรย์ไว้ตอนแต่งงานกัน ไม่มี! อะ...อื้อ” จบคำพูดของเขาปากหนาก็ทาบทับปิดปากน้อยของคนใต้ร่างที่กำลังจะตอบกลับคำพูดของตนเอง เรียวลิ้นอุ่นร้อนซอกซอนเข้าไปในโพรงปากแสนหวาน มือหนาลูบไล้ไปตามเรือนร่างเปราะบางของสาวเจ้าเล้าโลมสวาท.... ++++ “ไม่นะน้อง ที่ผ่านมาพี่ทำร้ายน้อง พี่รู้ แต่น้องให้โอกาสพี่นะ” เขาคว้าจับมือเล็ก แต่ถูกมือน้อยสะบัดทิ้งอย่างรังเกียจ “รู้ไหมคะ สิ่งที่พี่พุฒทำ ไม่ได้ทำให้แค่ใจน้องเจ็บ แต่มันเจ็บไปทั้งตัว เพราะความเห็นแก่ตัวของพี่!” เธอยกมือขึ้นทุบอกตัวเองแล้วก็ยกขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเม้มปากแน่นหมุนหันหลังจะเดินจากไป แต่ก็ถูกคนใจร้ายสวมกอดรั้งไว้จากด้านหลัง “ขอโทษ พี่ขอโทษน้อง” คนปากหนักเอ่ยขอโทษข้างแก้มนวลชื้นน้ำตาแล้วซบหน้ากับไหล่เล็กที่ไหวสะอื้น กลัวเหลือเกินว่าถ้าปล่อยศรีญาไปตอนนี้ ตัวเองจะไม่ได้ใกล้ชิดอีก “ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องยอมพี่ตลอด แล้วทำไมวันนี้น้องถึงทิ้งพี่ไปง่ายๆ แบบนี้ น้องไม่คิดถึงวันเวลาที่เรามีร่วมกันเหรอ” “ปล่อยน้องค่ะ และที่พี่พุฒบอกว่าน้องยอมตลอด เพราะน้องมันง่ายและโง่ยังไงคะ และน้องก็คิดมาตลอดว่าจะจบความสัมพันธ์นี้ของเราและวันนี้ก็มาถึง ส่วนวันเวลาที่มีร่วมกัน น้องไม่คิดถึงมันค่ะ เพราะมันเต็มไปด้วยความทุกข์ความเจ็บปวด” เธออยากได้ยินคำ ‘ขอโทษ’ ของพุฒิเมธมาตลอด แต่วันนี้มันไม่สำคัญอะไรแล้วสำหรับศรีญา ใจของเธอมันเจ็บและพังไปแล้ว และคนที่ทำให้มันเจ็บปวดและพังจนไม่สามารถต่อติดได้อีกก็คือเขาเอง “ไม่เอาน้อง ไม่ไปนะคนดีของพี่” พุฒิเมธกอดรัดเธอแน่นขึ้นเมื่อเธอดิ้นขัดขืนและพยายามแกะมือที่ประสานกอดแน่นที่หน้าท้องของศรีญาออก “ปล่อยน้องพี่พุฒ ยังไงน้องกับพี่พุฒก็ไม่ได้แต่งงานจดทะเบียนกันอยู่แล้ว ส่วนความรู้สึกของน้องที่ผ่านมาถือว่ามันไม่เคยมีก็แล้วกันพี่พุฒ ส่วนลูก น้องจะบอกเขาว่าใครเป็นพ่อและพี่ไปหาเขาได้ค่ะ ส่วนเรื่องผู้ใหญ่ น้องจะพูดกับพวกท่านเองค่ะ ส่วนเราสองคนก็ให้มันจบเท่านี้พอค่ะ ลาก่อนพี่พุฒคนใจร้าย ส่วนเรื่องของพี่กับพี่นาง น้องจะไม่ขอยุ่งเกี่ยว” แล้วเธอก็รวบรวมแรงทั้งหมดดึงมือของพุฒิเมธออกแล้วเดินจากไปด้วยใบหน้านองน้ำตา ศรีญาไม่คิดแม้แต่จะหันกลับไปมองพุฒิเมธด้วยกลัวว่าตนเองจะใจอ่อนวิ่งกลับไปหาเขาอีกครั้ง ครั้งนี้เธอขอทำเพื่อตัวเอง เมื่อก่อนเธอทำเพื่อคนอื่นมาเยอะแล้ว พุฒิเมธได้แต่ยืนมองดูแผ่นหลังเล็กที่ห่างออกไปเรื่อยๆ แล้วก็แหงนเงยหน้าขึ้นมองบนด้วยน้ำตาที่คลอดวงตาสีสนิมเข้มกำลังจะไหลล้นทะลักออกมา มันต่างจากตอนที่ศิตาพรหนีงานแต่งงาน ตอนนั้นในใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่างจากตอนนี้ที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมานจนแทบทรงตัวไม่ไหว “ทำไมน้องไม่ให้โอกาสพี่อีกครั้ง น้องหมดรักพี่แล้วจริงๆ เหรอ” เขาพึมพำกับตัวเองแล้วนึกย้อนถึงอดีตที่ผ่านมา ไม่เคยคิดว่าตนเองจะมีสภาพแบบวันนี้ เคยคิดมาตลอดว่าศรีญาเป็นของตายที่ตนควบคุมได้ แต่วันนี้เธอทำให้เขาเหมือนโดนค้อนทุบแสกหน้าก็มิปาน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน หรือศรีญาตั้งใจไว้นานแล้วที่จะทิ้งเขาไปแบบนี้ และยิ่งเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าเธอกำลังอุ้มท้องลูกของตนอยู่ --------------------------------- สัญญาเถื่อนเมียบำเรอ ผิดเหรอที่ผู้ร้ายอย่างเขาจะมีหัวใจเหมือนคนทั่วไป ผิดเหรอที่ความรักของเขานั่นแสดงออกให้เห็นมากกว่าคำพูด ผิดเหรอที่คำว่ารักมันไม่สำคัญเท่ากับการกระทำที่ทำให้เห็นในแต่ละวัน แม้เธอจะเกลียดสองมือที่เปื้อนเลือดของเขา แต่เขาก็จะใช้มือทั้งสองข้างกอดรั้งเธอไว้กับตัว เพราะเขา "รักเธอ" ตัวอย่าง.... “ฉันต้องปกป้องตัวเอง และเธอเชื่อเหรอว่าฉันฆ่ามันเจน อีกอย่างถ้ามันไม่ตาย ฉันก็ต้องตาย” คลังแสงอยากจะอธิบาย แต่สายตาของคนที่เขารักที่จ้องมองมานั้น มันบอกชัดว่าเจนจิราตัดสินเขาเป็นผู้ร้ายไปแล้ว หล่อนไม่เคยเชื่อเขาเลย ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเชื่อเขา “คนเลวๆ อย่างคุณ ตายไปก็ไม่มีใครนึกถึงหรอก” เจนจิราโต้ตอบกลับไปด้วยความเกลียดชังคนตัวโต เพราะเขา...ชีวิตของเธอถึงพัง ความฝันที่มีทุกอย่างต้องหักมุมเพราะเขา และตอนนี้เธอยังต้องอุ้มท้องลูกของเขาอีก ไม่ได้...ลูกของเธอจะต้องไม่มีพ่อระยำแบบเขา “เธออยากให้ฉันตายมากใช่ไหมเจน เธอเกลียดฉันมากใช่ไหม เธอเกลียดแต่ฉันรัก รู้ไหม...ฉันรักเธอ” หนุ่มใหญ่เดินมาเขย่าไหล่มนแรงๆ พร้อมตะโกนย้ำคำรักให้เธอได้ยิน แม้ว่าหล่อนจะเกลียด แต่หล่อนก็ควรให้โอกาสหัวใจของเขาได้โอบกอดหล่อนและลูกน้อยบ้าง “ใช่ ฉันเกลียดคุณ และหยุดพูดว่ารักฉันสักที ฉันเกลียดความรักของผู้ชายเลวระยำอย่างคุณ” เธอปัดมือของเขาออกจากไหล่มนของตัวเองทั้งน้ำตา เธอทั้งเกลียดทั้งแค้นคลังแสง และอีกใจก็เจ็บปวด เพราะเผลอไปรักผู้ร้ายอย่างเขาไปแล้ว เกลียด! เกลียดตัวเองที่สุดตอนนี้ “ฉันเข้าใจแล้ว ถ้าฉันตาย เธอจะสบายใจและยินดีใช่ไหม” เขาถามคนตัวเล็กแล้วก้าวถอยห่างออกไปจากเธอ ก่อนจะหมุนตัวแล้วเดินจากไปทั้งน้ำตา ซึ่งน้ำตาของเขา เจนจิราก็ไม่มีโอกาสได้เห็นมัน เธอไม่รู้หรอกว่าผู้ชายหยาบกระด้างอย่างเขานั้นรักเธอมากแค่ไหน และตอนนี้กำลังร้องไห้เพราะเธอด้วยเช่นกัน ตลอดชีวิตของคลังแสงไม่เคยเสียน้ำตาให้ใคร แต่มาวันนี้เขากลับต้องร้องไห้เพราะหล่อน เพราะคนที่เขารักสุดหัวใจ “ฉันไม่ได้ต้องการแบบนั้น” หล่อนตอบเขาแผ่วเบาขณะที่เขาเดินจากไปไกลแล้ว เจนจิรานั่งทรุดกายลงกับพื้นหญ้าแล้วร้องไห้กับตัวเองเมื่อเหลือตัวคนเดียว จริงอยู่ที่เธอเกลียดเขา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอยากให้เขาตาย ให้ตายสิ...เธอเกลียดเขามากและก็รักผู้ชายที่แสนเลวคนนั้นมากเช่นกัน ฮือๆๆๆ
หวงรักราคีร้าย บทที่ 1
วงตาสีสนิมเข้มจดจ้องที่ร่างเล็กเพรียวระหงเหมือนทุกครั้งที่มายังผับแห่งนี้ และเขาชอบมองดูพนักงานสาวเวลาเดินและพูดคุยกับลูกค้าแต่ละโต๊ะ เธอเป็นมิตรกับทุกคน และยิ้มของเจ้าหล่อนก็ทำให้เขารู้สึกอิ่มเอมทุกครั้งที่ได้มอง เวลาเครียดจากงานแล้วมาเจอเธอที่นี่ ขอแค่ได้นั่งมองไกลๆ ก็ทำให้เขาหายเครียดกังวลกับเรื่องที่บริษัทกับที่บ้านได้
“เฮ้ย! มองจนตาจะหลุดอยู่แล้วนะไอ้เจตน์” มือใหญ่ทุบไหล่หนาของเพื่อนรักเมื่อมองตามสายตาของเพื่อนที่จดจ้องมองตั้งแต่เข้ามาในร้าน และมักเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่มาที่นี่
“อะไรของมึงไอ้กตตน์” เจตน์ปัดมือของเพื่อนที่วางบนไหล่ตัวเองออกอย่างรำคาญแล้วคว้าหยิบแก้วน้ำสีอำพันตรงหน้ามาจิบดื่มแล้วมองไปทางเดิม รอว่าเมื่อไหร่สาวน้อยหน้าหวานจะเดินมาทางตนเอง
“ความอยากของแกมันชัดบนหน้าขนาดนี้ยังจะปากแข็งอีกนะมึง” กตตน์พูดยิ้มๆ แล้วคว้าหยิบแก้วน้ำสีอำพันของตัวเองมาจิบดื่มบ้าง
“หึหึ...ขนาดนั้นเชียวเหรอวะไอ้กตตน์”
“เออ! ชัดบนหน้ามึงแหละไอ้เจตน์”
“แต่เธอยังเด็กอยู่ไอ้กตตน์” เจตน์ เกียรติบดินทร์ หรือเจตน์ วัย 38 ปี ทายาทของตระกูลผู้ดีเก่า เจ้าของธุรกิจจิวเวลรี่เจ้าดังและร่ำรวยที่สุดในประเทศก็ว่าได้ แค่พูดถึงนามสกุล ทุกคนต้องยกมือขึ้นทาบอกและเคารพยำเกรงชายหนุ่ม
“สิบแปดแล้วไอ้เจตน์ กูไปถามมาแล้ว และตอนนี้เด็กนั่นก็กำลังต้องการเงินไปรักษาน้อง มึงไม่ยื่นมือไปช่วยหน่อยเหรอวะ ถือว่าช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์”
กตตน์ เพื่อนสนิทหนึ่งเดียวของชายหนุ่มบอกแล้วก็ถือแก้วน้ำสีอำพันไปหาสาวๆ ที่ยกแก้วเชิญชวนเขาอยู่ก่อนหน้า ทิ้งให้เพื่อนนั่งอยู่คนเดียวเพื่อใช้ความคิด ก็เพื่อนเฝ้ามองเด็กสาวมานานแล้ว มีหรือกตตน์จะไม่รู้ความคิดความอ่านของเพื่อนรัก แค่มองตาก็รู้ถึงตับไตไส้พุง
เจตน์จิบน้ำสีอำพันในแก้วทีละน้อยพร้อมมองดูสาวน้อยที่เดินไปมาในร้าน ทุกการเคลื่อนไหวของหญิงสาวทำให้หัวใจของเขาสั่นไหว ผ่านผู้หญิงมามากคน แต่ก็ไม่เคยมีความรู้สึกปรารถนาแรงกล้าเท่าเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนนี้เลยสักคน และยิ่งไปกว่านั้นเขาอยากจะดูแลเธอ ไม่อยากให้มาทำงานลำบากแบบนี้
“ไม่มีอะไรที่คนอย่างเจตน์ต้องการแล้วไม่ได้ครอบครอง” เขาพึมพำกับตัวเองท่ามกลางเสียงเพลงดังในผับแล้วลุกขึ้นเดินตามคนที่กำลังเดินไปทางหลังร้าน
เท้าหนาสาวเท้าก้าวเดินเร็วๆ ผ่านผู้คนไปทางหลังร้านเพื่อจะให้ทันคนตัวเล็ก พอเดินออกมาถึงหลังร้านก็เห็นสาวน้อยกำลังคุยโทรศัพท์พร้อมกับร้องไห้ เขาจึงเดินเข้าไปหาเธอโดยอัตโนมัติโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว พอเดินมาถึงตัวของสาวน้อย เขาก็ตวัดแขนแข็งแรงรวบร่างเล็กเข้ามากอดแนบแน่นอย่างปลอบประโลม ส่วนคนที่ถูกจู่โจมรวบเข้าไปกอดแน่นตกใจ เบิกตากว้าง อ้าปากค้างพร้อมกับดิ้นผลักไสคนแปลกหน้าออกห่างตัวเอง
“อือ...ปล่อยฉันนะคะ” เธอดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดแข็งแรงที่เต็มไปด้วยกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งออกมาจากร่างใหญ่และมีกลิ่นบุหรี่ปะปนออกมาด้วย เธอไม่ชอบกลิ่นแบบนี้แม้จะทำงานในที่อโคจร แต่ก็ไม่ชินสักทีกับกลิ่นน่าสะอิดสะเอียนพวกนี้ สาวน้อยดิ้นต่อต้านแรงขึ้นพร้อมกับสั่งคนตัวโตให้ปล่อยตัวเองอีกครั้ง
“ปล่อยค่ะคุณลูกค้า ดิฉันว่าคุณเมามากแล้วนะคะ” เธอพูดพร้อมดันเขาออกห่าง แต่เขากลับกอดรัดเธอแน่นขึ้นพร้อมกับพูดกระซิบข้างหูเธอในมุมมืดสลัวว่า
“ต้องการเงินเท่าไหร่ ฉันจ่ายไม่อั้นเด็กน้อย” น้ำเสียงแหบพร่าทรงเสน่ห์เอ่ยกระซิบข้างหูให้ได้ยินกันแค่สองคน แม้เสียงเพลงในผับจะดังออกมาถึงด้านนอก แต่คำพูดของคนพาลก็ดังชัดเจนในหูของสาวน้อย
“คุณพูดบ้าอะไรของคุณ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ถ้าไม่ปล่อย ฉันจะร้องให้คนมาช่วยแล้วนะ”
“เฮอะ! ไม่มีอะไรที่ฉันต้องการแล้วไม่ได้หรอกเด็กน้อย ว่าไง...ต้องการเท่าไหร่บอกฉันมา เดี๋ยวฉันจ่ายให้ ไม่อยากได้เงินไปรักษาน้องแล้วเหรอ” คำพูดของคนพาลฉวยโอกาสทำให้เธอผละเงยหน้าที่อยู่ระหว่างอกแกร่งเงยขึ้นมองหน้าของเขาในความมืดสลัวแล้วก็กลืนน้ำลายเหนียวๆ ลงคอด้วยความยากลำบาก ขนาดในความมืดสลัวเห็นเพียงแค่เสี้ยวหน้าและเงาของใบหน้าก็ยังรู้สึกถึงอำนาจของบุรุษคนนี้ และรู้สึกใจสั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก
“คุณรู้เรื่องของฉันได้ยังไง?”
หึหึ
เจตน์ไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่นขำในลำคอแล้วปล่อยเธอให้เป็นอิสระจากอ้อมกอดของตัวเองทั้งๆ ที่อยากกอดสาวเจ้าไว้นานๆ
“ถ้าอยากมีเงินรักษาน้องก็ตามฉันออกไปข้างนอก แล้วชีวิตของเธอจะเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ” เขาบอกสาวน้อยจบประโยคก็เดินจากไป ทิ้งให้เด็กสาวยืนตกอยู่ในภวังค์ความคิดตัวเองตามลำพัง