หวงรักราคีร้าย บทที่ 2
หทัยกานต์ เอกพิชัย หรือหมิง วัย 22 ปี สาวน้อยสู้ชีวิตครุ่นคิดตามคำพูดของคนแปลกหน้าที่เต็มไปด้วยอำนาจพูดทิ้งท้ายก่อนเดินจากไปพร้อมกับยกมือขึ้นปาดเช็ดคราบน้ำตาที่เปื้อนแก้มตัวเองแล้วก้มมองโทรศัพท์ในมือของตนเองที่ยังมีสายค้างอยู่ สายที่ค้างคือสายของน้องชาย ใช่...เธอลืมไปเลยว่าคุยกับน้องชายก่อนหน้านี้ จึงยกขึ้นแนบหูอีกครั้ง
“กล้ายังอยู่ในสายไหม” เธอกรอกเสียงและควบคุมให้เป็นปกติ แต่น้องชายก็จับได้อยู่ดีว่าเธอร้องไห้
“พี่หมิงร้องไห้?” หาญกล้า วัย 16 ปีเอ่ยถามพี่สาวกลับมาในสาย
“คะ...ใครร้องไห้ ไม่มี๊!” เธอปฏิเสธเสียงสูงส่งกลับไปในสายแม้รู้ดีว่าตัวเองปิดบังน้องชายไม่ได้
“กล้ารู้จักพี่หมิงดี พี่หมิง...กล้าไม่อยากรักษาแล้ว” หาญกล้าบอกพี่สาวกลับมาในสายถึงเรื่องการรักษา เพราะมันต้องใช้เงินจำนวนมาก
“ไม่เอาสิกล้า ไม่พูดแบบนี้ กล้าต้องรักษา ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน พี่หาได้ กล้าต้องอยู่กับพี่นานๆ นะ อย่าท้อนะกล้า พี่ยังไม่ท้อแล้วกล้าจะท้อได้ยังไง พี่รักกล้านะ” เธอบอกน้องชายเสียงสั่นพร้อมยกมือขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตาของตัวเองไปด้วย
‘พี่มึงเหรอไอ้กล้า!’ เสียงแข็งห้วนดังแทรกเข้ามาในสาย เธอรู้ทันทีว่าพ่อบังเกิดเกล้าเมามาอีกแล้ว
“พ่อเมาอีกแล้วใช่ไหมกล้า?” เธอถามน้องชายในสายและน้องชายก็ตอบกลับมา
“ครับ พี่หมิง”
‘เอามาให้กูพูดกับพี่มึงหน่อยสิไอ้กล้า พี่มึงรู้ไหมว่าตอนนี้กูจะโดนพวกเจ้าหนี้ที่บ่อนตามฆ่าอยู่แล้ว แม่ง! เงินแค่ไม่กี่หมื่นก็ไม่มีปัญญาหามาใช้ให้กู อีลูกเลว!’
เสียงของพ่อดังแทรกเข้ามาในสายทำให้เธอเหนื่อยและท้อกับชีวิต แม้จะบอกตัวเองให้เข้มแข็ง แต่ก็อย่างที่เห็น ชีวิตเธอมันเหมือนกับนางเอกละครหลังข่าวไม่มีผิด
“พ่อเอามือถือผมมา” เสียงน้องดังขึ้นและเสียงของพ่อก็ดังส่งมาในสาย เธอรู้ทันทีว่าตอนนี้โทรศัพท์ในมือน้องชายถูกพ่อแย่งไปแล้ว
“อีหมิง มึงจะไม่ดูดำดูดีพ่ออย่างกูแล้วใช่ไหมถึงไม่เอาเงินมาใช้หนี้ที่บ่อนให้กู มึงจะรักษาไปทำไมไอ้กล้า ยังไงน้องมึงก็ต้องตายอยู่ดี” วิทย์กรอกเสียงส่งมาในสาย แม้จะได้ยินพ่อพูดแบบนี้ประจำ แต่เธอก็ไม่ชินอยู่ดี
“พ่อพูดแบบนี้ได้ยังไง ถ้าหมิงไม่ดูดำดูดีพ่อ หมิงคงไม่ทำงานหาเงินงกๆ ใช้หนี้ให้พ่อครั้งแล้วครั้งเล่าหรอก อีกอย่างกล้าเป็นน้องของหมิง จะหายไม่หายหมิงก็จะรักษา”
เธอบอกพ่อกลับไปทั้งน้ำตาและยกมืออีกข้างขึ้นปาดเช็ดน้ำตาแรงๆ ด้วยความเจ็บปวดใจ เธอเสียใจที่พ่อไม่รักเธอกับน้องชาย แต่ยังไงก็สำนึกบุญคุณที่ท่านให้ชีวิตเสมอ ส่วนแม่ได้จากไปตั้งแต่น้องชายอายุได้สี่ขวบด้วยทนความเห็นแก่ตัวของพ่อไม่ไหว จนตอนนี้ผ่านมาหลายปีก็ยังไม่รู้ว่าแม่หนีไปอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่ไหม และสุขสบายดีไหม แต่เธอไม่เกลียดและโกรธแม่หรอกที่ทิ้งเธอและน้องไปแบบนั้น แม่คงสุดจะทนกับพ่อแล้วจริงๆ ถึงได้หนีไปแบบนั้น แต่ก็น้อยใจ ทำไมแม่ถึงกล้าทิ้งเธอและน้องได้ลงคอ หรือว่าท่านไม่ ‘รัก’ เธอกับน้องจึงทิ้งไปแบบนั้น
“ทำไมกูจะพูดไม่ได้ ปากก็ปากกู รีบมาจ่ายหนี้ให้กูซะ ก่อนที่กูจะโดนอุ้มฆ่าอีหมิง” เสียงเข้มห้วนแข็งกระแทกส่งกลับมาในสายทำให้เธอพูดไม่ออก คำพูดพวกนี้คือคำพูดของคนที่เป็นพ่อของเธอ แม้จะได้ยินบ่อย แต่เธอก็ไม่ชินอยู่ดีกับคำพูดเช่นนี้
“ถ้าหมิงจ่ายหนี้ให้รอบนี้ได้ พ่อจะเลิกเล่นการพนัน เลิกเหล้าไหมคะ อึก!” เธอถามกลับไปด้วยเสียงสะอื้น
“มันชีวิตกู กูจะหยุดตอนไหนก็เรื่องของกู แต่มึงเป็นลูกมีหน้าที่รับผิดชอบก็รับผิดชอบไป ส่วนไอ้กล้า มึงจะรักษาให้ได้อะไรขึ้นมา เปลืองเงิน รักษาไปก็เท่านั้น สู้เอาเงินมาให้กูลงทุนไม่ดีกว่ารึไงอีหมิง” วิทย์กระแทกเสียงส่งกลับมาในสายด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราด
“อึก! พ่อเคยรักหมิงกับกล้าบ้างไหม?” เธอถามกลับไปเสียงแผ่ว
“อุวะ! มึงก็ถามโง่ๆ ถ้าไม่รัก กูจะเลี้ยงมึงสองคนพี่น้องมาจนโตขนาดนี้เหรอวะ ตอนนี้มึงควรตอบแทนบุญคุณกูได้แล้วอีหมิง ตู๊ด!...” แล้วปลายสายก็กดตัดสายของเธอทิ้งโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้ตอบกลับคนเป็นพ่อ เธอนำโทรศัพท์ที่แนบหูมาจดจ้องหน้าจอที่มีรูปคู่ของตนเองและน้องชายแล้วยกมือขึ้นปาดป้ายเช็ดน้ำตา ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ แล้วเดินออกจากตรงนี้ไป