บทที่ 3 คุกคาม 1
วัลดัสผ่าตัดคนไข้เสร็จก็ห้าโมงเย็นก็ขึ้นมายังห้องทำงานของตัวเองและมองไปทางห้องทำงานของคุณตาของตนก็เห็นเลขาตัวเองออกมาจากห้องนั้น และนั่นก็ทำให้รู้เลยว่าหล่อนเข้าไปตั้งแต่เที่ยงที่เขาไปทานข้าวจนทำงานตรวจคนไข้ผ่าตัดเสร็จหล่อนเพิ่งจะออกมาจากห้องนั้น และคนที่เดินตามมาก็คือตาของเขานั่นเอง
“ไปนะหนูแพม”
“ค่ะ คุณท่าน เดินทางกลับบ้านดีๆ นะคะ”
เธอตอบกลับยิ้มแย้มแล้วเดินไปส่งท่านที่ลิฟต์โดยสาร โดยไม่รู้ว่ามีสายตาเกรี้ยวกราดของใครจ้องมองตนเองอยู่
วัลดัสมองภาพของตาตัวเองกับเลขาของตัวเองแล้วก็ได้แต่กำมือแน่น เขาเห็นชัดขนาดนี้แล้วยังบอกไม่มีอะไรอีกเหรอ และเกลียดเหลือเกินทำไมต้องเป็นภัทร์รวีด้วย ทำไมต้องเป็นหล่อน และพอเธอส่งคุณตาของเขาลงลิฟต์โดยสารไปแล้วก็หมุนตัวเดินยิ้มมาทางเขาด้วย ท่าทางมั่นคงตามแบบสาวมั่น เขาเกลียดเหลือเกินท่าทางที่ดูเก่งเกินตัวของหล่อน และยิ่งชุดที่ใส่หล่อนแต่งตัวด้วยชุดสูทตลอด แต่แปลกที่มันเหมาะกับหล่อนมาก
“กี่ชั่วโมงล่ะ ที่หายไปอยู่กับคุณตาฉัน” ทันทีที่เธอเดินมาถึงโต๊ะทำงาน เขาก็เอ่ยถากถางทันที
“ฉันว่าเราต้องคุยกันให้รู้เรื่องสักทีแล้วแหละคุณวัลดัส ฉันกับคุณท่านเราไม่มีอะไรกัน เลิกดูถูกฉันได้แล้ว และฉันก็เหนื่อยจะทนกับการที่ต้องทำงานกับคุณเต็มทนแล้ว”
ปัง!
ภัทร์รวีวางมือลงบนโต๊ะทำงานของตนเองด้วยความโกรธไม่แพ้กัน เธอทนมามากพอแล้ว ยอมที่ให้เขาต่อว่าดูถูกมามากพอแล้ว มันหลายเดือนแล้วและมันก็สุดแล้วกับความอดทนของเธอ และไม่สนใจว่าตัวเองจะตกงานด้วย เธอเชื่อว่ายังไงก็หางานใหม่ได้ไม่ยากหากต้องออกจากงานเลขาของเขา
“จะให้ฉันเชื่อทั้งๆ ที่เธอเพิ่งเดินยิ้มออกมาจากห้องของตาฉันเนี่ยนะแพม” เขายอมรับว่าตกใจอยู่ไม่น้อยที่เลขาของตนเองกล้าตอบกลับและจ้องตากลับแบบไม่กลัวตัวเอง ทั้งๆ ที่ผ่านมาเธอไม่เคยตอบโต้เขาแบบนี้มาก่อน แต่ก็ดี พูดมาเลยจะได้เคลียร์ๆ กันให้จบ
“บางทีความเป็นจริงกับภาพที่เห็นอาจไม่เหมือนกันก็ได้นะคะคุณวัลดัส”
“ไม่รู้สิ ผมเชื่อทุกอย่างที่ผมเห็น และคุณก็เลิกได้แล้ว เลิกพยายามจะมาแทนที่คุณยายของผมได้แล้ว เพราะยังไงคุณมันก็แค่ของเล่น ก็แค่เมียน้อยเท่านั้น พยายามยังไงก็ไม่มีทางมาแทนที่คุณยายผมได้หรอก เพราะคุณมันก็แค่...เผียะ!” เขายังพูดไม่ทันสุดประโยค มือน้อยก็ตวัดฟาดใส่หน้าของเขาทันที
กรอด!
เสียงกัดกรามแกร่งดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนาทันทีเมื่อโดนตบหน้าแบบไม่ได้ตั้งตัว นี่ครั้งที่สองแล้วที่หล่อนกล้าดีตบหน้าเขา วัลดัสยื่นมือไปทางฝั่งตรงข้ามหาคนที่ยืนอยู่อีกฝั่งโต๊ะทำงานแล้วกระชากข้อมือเล็กข้างที่ตบหน้าตนดึงรั้งเข้ามาหาตนเอง
โอ๊ย!
“เจ็บนะ”
เธอพยายามดึงมือข้างที่ถูกจับกระชากดึงไปออกจากอุ้งมือใหญ่ แต่ยิ่งพยายามวัลดัสก็ยิ่งกำข้อมือเล็กของเธอแน่นจนต้องเบ้ปากเจ็บ
“หรือจะให้ฉันตบหน้าเธอคืนแพม”
น้ำคำแข็งกระด้างเปล่งลอดออกมาจากริมฝีปากหนาพร้อมกับเคลื่อนตัวขึ้นไปบนโต๊ะทำงานที่ขวางกั้น แล้วกระโดดไปยืนข้างเธอ โดยที่มือใหญ่ยังคงจับข้อมือเล็กของภัทร์รวีอยู่
“คุณมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย คุณมันเลว เผียะ!” แล้วมือข้างที่ว่างก็ยกขึ้นตวัดใส่หน้าของหนุ่มลูกครึ่งอีกครั้ง โดยไม่คิดสนใจว่าตัวเองนั้นจะเจอกับอะไรหลังจากนี้
“เธอเก่งมากนะที่กล้าตบหน้าคนอย่างฉันได้สามครั้ง แล้วคิดว่าฉันจะยอมให้เธอตบฟรีๆ เหรอ ไม่มีอะไรที่ฟรี เธอก็รู้นี่แพม”
“ปล่อยมือฉันได้แล้ว ถ้าไม่ปล่อยฉันจะตบหน้าคุณอีกคุณวัลดัส” น้ำเสียงเล็กสั่งเด็ดขาดพร้อมกับแหงนเงยจ้องหน้าเอาเรื่องคนตัวสูงที่ก้มมองตนอยู่ในตอนนี้
หึ
วัลดัสได้แต่แสยะยิ้มแล้วกำมือข้างที่จับข้อมือเล็กให้แน่นกว่าเดิม
“อ่ะ! เจ็บ!” ใบหน้าสวยบิดเบี้ยวไปตามความเจ็บปวดของข้อมือเล็กพร้อมกับพยายามบิดข้อมือตัวเองให้เป็นอิสระ แต่ยิ่งพยายามมือใหญ่ของคนเถื่อนยิ่งกำแน่น
“เธอมันก็ผู้หญิงอ่อนแอแพม อย่าคิดมาอวดดีกับฉัน”
สะใจนักที่ได้ทำให้หล่อนเจ็บปวด และสายตาของเขามันก็ละจากริมฝีปากอวบอิ่มสีระเรื่อของสาวมั่นอวดดีตรงหน้าไม่ได้เลย มือใหญ่ข้างที่ว่างเคลื่อนไหวอัตโนมัติมาจับคางมนให้แหงนเงยขึ้นแล้วก็โน้มหน้าลงมาประกบปากบดจูบปากของคนดื้อรั้นทันที
“อ่ะ...อื้อ ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!”
ภัทร์รวีพยายามบิดหน้าเบี่ยงหนี แต่ถูกมือใหญ่บีบล็อกคางไว้ มือเล็กข้างที่เป็นอิสระก็ยกขึ้นทุบตีอกแกร่ง แต่ยิ่งเหมือนไร้ประโยชน์
“อ่ะ...อื้อ” ความหวานของปากน้อยทำให้วัลดัสรู้สึกตื่นเต้นจนไม่อยากละออก เขาปล่อยมือข้างที่จับเปลี่ยนมาตวัดโอบกอดรัดร่างเล็กกระแทกเข้าหาอกตัวเอง โดยไม่สนใจว่าเจ้าหล่อนจะดิ้นทุบตีอกตนเอง เรียวลิ้นหนาเคลื่อนไหวซุกไซ้ในโพรงปากเล็กควานกลืนความหวาน ต้อนเรียวลิ้นน้อยให้จนมุม ก่อนจะตวัดเกี่ยวรั้งดูดเร่า
“อ่ะ...อื้อ” จูบแรกที่ถูกคนต่ำทรามพรากไปทำให้หล่อนเจ็บแค้นในใจ ภัทร์รวีพยายามดิ้นและขืนตัวเองในวงแขนแข็งแรง แต่ยิ่งพยายามก็ยิ่งพ่ายแพ้ต่อแรงของบุรุษตัวใหญ่
“อ่า...อืม” มุมปากหนายกยิ้มเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ว่ามันคือจูบแรกของเจ้าหล่อ และก็รู้สึกแปลกในใจจนอยากพิสูจน์ต่อ เขาตวัดแขนโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นแนบอกโดยที่ปากยังวนเวียนจูบควานกินความหวานของปากอวบอิ่มของคนดื้อรั้นแล้วพาเดินไปยังห้องทำงานของตัวเอง
เท้าใหญ่ยกถีบเปิดประตูแล้วก้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานโดยใช้เท้าข้างเดิมถีบเตะปิดและกดล็อกประตูห้องให้เรียบร้อยแล้วพาเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานแล้วปล่อยให้ร่างน้อยที่อุ้มมาให้ยืนกับพื้น แต่ปากยังคงบดจูบกลืนกินความหวานเร่าของโพรงปากน้อย และยิ่งตอนนี้ภัทร์รวีเผลอจูบตอบ และมันเป็นการจูบตอบที่แสนจะไร้เดียงสาเหลือเกิน
“อ่า...อื้อ” หัวใจของหมอนิสัยไม่ดีเต้นเร่าผิดจังหวะไปกับการจูบตอบจนต้องโอบอุ้มประคองร่างเล็กที่ทำท่าจะทรุดลงไปกองกับพื้นไว้ มือใหญ่ทั้งสองลูบไล้แผ่นหลังเล็กผ่านเสื้อผ้า เขารู้ว่าตอนนี้เขาไม่ต้องการแค่เพียงจูบ เขาต้องการมากกว่านี้ มือเล็กอ่อนแรงก็ได้แต่พยายามดันหน้าอกของเขาออกห่าง แต่เขาก็เคลื่อนตัวบดเบียดเข้าหา
“อ่า...อื้อ” วัลดัสถอนจูบออกมาอย่างเสียดายเมื่อจำเป็นต้องผละออกมาให้หล่อนได้หายใจเต็มปอด
“อ่ะ...อื้อ” เลขาสาวหอบหายใจเข้าปอดแรงๆ เมื่อได้อิสระ ร่างเล็กอ่อนแรงแทบจะล้ม แต่ยังดีที่เซไปพิงกับขอบโต๊ะทำงานด้านหลัง มันคือจูบแรกที่ไม่คิดฝันว่าหมอแสนเลวคนนี้จะเป็นคนพรากมันไป จูบที่รักษาไว้ให้คนที่คู่ควร แต่เขากลับทำแบบนี้กับเธอ
“ทำเป็นเหมือนไม่เคยจูบ หรือคุณตาฉันลีลาไม่เด็ด ลองเปลี่ยนมาเป็นฉันดีกว่าไหม ฉันทั้งหนุ่มทั้งแน่น และบางทีอาจจะใหญ่กว่าด้วยซ้ำเพราะฉันเป็นลูกครึ่ง” น้ำคำหยาบคายดังลอดออกมาจากปากหนา และนั่นก็ยิ่งทำให้ภัทร์รวีเกลียดคนตรงหน้าจนต้องสูดลมหายใจเข้าปอดตัวเองแรงๆ แล้วรวบรวมแรงที่มีทั้งหมดแล้วกำหมัดแน่นแล้วยกขึ้นต่อยหน้าเขา จากที่ก่อนหน้านี้ตบก็เปลี่ยนมาเป็นต่อยแทน
ตุ้บ!
โอ๊ย!
เจ็บกว่าโดนตบก็ตอนโดนหมัดเล็กๆ อัดเข้าหน้าเนี่ยแหละ และมันก็ซ้ำตรงที่เธอตบด้วย และเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กจะเดินหนีหลังจากต่อยหน้าตัวเองแล้วก็คว้าข้อมือเล็กดึงรั้งไว้อีกครั้ง
ว้าย!
“คุณจะมาคุกคามฉันแบบนี้ไม่ได้นะ”
น้ำเสียงของสาวมั่นดังตวาดใส่เขาทันทีเมื่อเขาคว้าแขนเธอกระชากเข้าไปกอด และไม่พอคนโอหังยังโน้มหน้ามาซุกต้นคอเธอและทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เขากำลังถูปลายจมูกโด่งแนบกับผิวเนื้อลำคอระหงของเธอ
“หอม!” เขาผละจากต้นคอที่ซุกปลายจมูกถูไถออกมาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอและฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มนิ่มด้วย
“คุณ!” เธอยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นเช็ดถูแก้มตัวเองแรงๆ ด้วยความขยะแขยงสัมผัสจากคนตัวโต