บทย่อ
หมอแสนเลว+พ่ายรักหมอเถื่อน โปรย...#หมอแสนเลว ว้าย! “คุณจะมาคุกคามฉันแบบนี้ไม่ได้นะ” น้ำเสียงของสาวมั่นดังตวาดใส่เขาทันทีเมื่อเขาคว้าแขนเธอกระชากเข้าไปกอด และไม่พอคนโอหังยังโน้มหน้ามาซุกต้นคอเธอและทำสิ่งที่ไม่คาดคิด เขากำลังถูปลายจมูกโด่งแนบกับผิวเนื้อลำคอระหงของเธอ “หอม!” เขาผละจากต้นคอที่ซุกปลายจมูกถูไถออกมาเอ่ยกระซิบข้างหูเธอและฉวยโอกาสหอมแก้มนุ่มนิ่มด้วย “คุณ!” เธอยกมืออีกข้างที่ว่างขึ้นเช็ดถูแก้มตัวเองแรงๆ ด้วยความขยะแขยงสัมผัสจากคนตัวโต หึหึ “ทำไม รังเกียจเหรอ แต่ผมว่าคุณน่าจะชอบนะ เปลี่ยนจากเป็นเมียเก็บคุณตามาเป็นนางบำเรอผมดีกว่าไหม ผมยังหนุ่มยังแน่น และผมก็ใหญ่ด้วยนะ” เขาคว้ามือที่เช็ดถูแก้มมาคลึงเป้ากางเกงตัวเอง “อย่ามาใส่ร้ายฉันกับคุณท่านนะ” “เหรอ แต่ผมเห็นนี่ว่าคุณมันก็แค่ผู้หญิงใช้เต้าไต่” เผียะ! มือเล็กข้างที่ถูกบังคับดึงกลับมาพร้อมกับตวัดใส่หน้าท่านรองประธานหนุ่มทันที “อย่ามาดูถูกฉันถ้ายังไม่รู้จักฉันดีพอ และก็ปล่อยได้แล้ว” เธอบิดข้อมือเล็กออกจากอุ้งมือใหญ่ แต่ไม่เป็นผล เขากลับบีบกำข้อมือเธอแรงขึ้น กรอด! เสียงขบฟันดังลอดออกมาจากริมฝีปากหนา ริ้วรอยความโกรธเห็นได้ชัดบนหน้าหนุ่มลูกครึ่งตัวโตอย่างวัลดัส “เกิดมาไม่เคยมีใครกล้าตบหน้าฉันมาก่อน เธอกล้าดียังไงฮะ! และไม่ใช่แค่ครั้งเดียวแต่วันนี้เธอตบฉันหลายครั้งแล้วนะแพม ทั้งตบทั้งต่อย คิดเหรอว่าจะรอดไปจากห้องนี้ได้ถ้าฉันไม่ได้สิ่งตอบแทนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น” ว้าย! ตุ้บ! แล้วร่างเล็กก็ถูกเหวี่ยงกระแทกไปกับโต๊ะทำงานด้านหลังทันที พร้อมร่างใหญ่ของคนโอหังเคลื่อนตัวไปกดคร่อมทับอย่างรวดเร็ว +++++++ โปรย...#พ่ายรักหมอเถื่อน "ตรีทศ" เขาเป็นหมอทหารยศพันเอก แต่ "นินทิชา" มองว่าเขาเป็น "หมอเถื่อน" และแถม "เผด็จการ" ที่สุด แล้วเธอจะหนีรอดเงื้อมมือหมอเถื่อนจอมเผด็จการคนนี้ได้หรือไม่.... +++++ “พี่หมอตั้มจะทำอะไรคะ?” “อย่าไร้เดียงสาหน่อยเลยหนูนิ่ม หนูนิ่มก็รู้ว่าผัวเมียเขาอยู่บนเตียงกันเขาทำอะไร และนี่คือบทลงโทษของคนดื้ออย่างหนูนิ่ม คืนนี้ไม่ต้องนอน!” “นิ่มดื้อที่ไหน นิ่มพูดความจริงทุกอย่าง” “นั่นมันเมื่อก่อน แต่ตอนนี้มันไม่เหมือนกัน หนูนิ่มควรจะหึงพี่หวงพี่ไม่ใช่ผลักไสพี่ให้คนอื่นแบบนี้” “คนอื่นที่ไหน หมอแนนก็คนกันเองกับพี่หมอตั้มนี่คะ” “หนูนิ่มควรหึงพี่ได้ยินไหม” “ก็ไม่ได้ ‘ชอบ’ จะหึงได้ไงคะ” “ไม่ชอบก็ต้อง ‘หึง’ เพราะพี่เป็น ‘ผัว’ หนูนิ่ม เป็นพ่อของลูกหนูนิ่ม” “นิ่มรู้ค่ะว่าพี่หมอตั้มเป็นพ่อของลูกนิ่ม แต่นิ่มไม่ได้อยากเป็น ‘เมีย’ ของพี่หมอตั้มนี่คะ ไม่อยากแต่งงานกับพี่หมอตั้ม” “ไม่อยากเป็น ‘เมีย’ แล้วยังไง กลับตัวตอนนี้ไม่ทันแล้ว ก็เป็นจนป่องไปแล้วนี่ ไม่ต้องอาบน้ำ แปรงฟันมันแล้ว ‘เอา’ ทั้งแบบนี้เนี่ยแหละ อะ...อื้อ” แล้วปากหนาก็ปิดปากอวบอิ่มนุ่มนวลของคนดื้อใต้ร่างไม่ให้โอกาสเธอได้โต้ตอบกลับ เพราะยิ่งพูดก็ยิ่งยาว หาที่ยุติเรื่องนี้ไม่ได้ เรียวลิ้นอุ่นร้อนทแยงซอกซอนเข้าไปในโพรงปากน้อยด้วยความดุดัน +++++++ “อือ! ปล่อยนิ่มนะพี่หมอตั้ม ได้ยินไหมว่าปล่อยนิ่ม” “ไม่ปล่อย! พี่รู้นะว่าก่อนหน้านี้เราเห็นอะไร” “แล้วไงคะ จะบอกว่านิ่มเข้าใจผิดเหรอคะ” “ใช่ เข้าใจผิด ทำไมไม่รอดูให้จบล่ะว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น อีกอย่าง ‘หึง’ พี่ใช่ไหม” ความเกรี้ยวกราดและไฟโทสะที่กำลังคุกรุ่นก่อนหน้าเปลี่ยนเป็นความสุขทันทีเมื่อคิดว่าน้องน้อยเริ่มมีความ ‘หึงหวง’ ในตัวของตนเองบ้างแล้ว “ไม่ได้หึง! และจำไว้ด้วยพี่หมอตั้มไม่ได้สำคัญมากพอจนนิ่มต้องเสียใจเสียน้ำตาให้” เธอเถียงออกไปทั้งๆ ที่เพราะเขาทำให้ตัวเองร้องไห้จนตาบวมแดงจนตอนนี้ “งั้นเหรอ แล้วทำไมตาบวมแดง จมูกก็แดง ร้องไห้เพราะ ‘หึง’ พี่กับหมวดหญิงก็ว่ามาเถอะ” “นิ่มจะไปหึงพี่หมอตั้มทำไมกัน ปล่อยนิ่มได้แล้ว นิ่มจะกลับกรุงเทพ และนิ่มจะ ‘หย่า’ กับพี่หมอตั้มด้วย” “จะ ‘หย่า’ กับพี่เหรอ ชาติหน้าเถอะแม่คุณเอ๊ย! อยากกลับใช่ไหม งั้นก็กลับได้ แต่อย่าคิดว่าพี่จะ ‘หย่า’ ให้” เมื่อเธออยากกลับ เขาก็จะให้กลับ แต่อย่าคิดหวังว่าเขาจะ ‘หย่า’ ให้
เรื่องหมอแสนเลว บทที่ 1 - วัลดัส พลกฤต โคลต์ (เป้าโต) 1
“แม่งเอ้ย!” น้ำเสียงหยาบกระด้างสบถออกมาด้วยความกรุ่นโกรธเมื่อเดินเข้ามาในบ้านพอดีกับจังหวะที่ภัทร์รวี หงส์ฟ้า หรือแพม วัย 27 ปี อดีตเลขาของคุณตา เพราะตอนนี้หล่อนย้ายมาเป็นเลขาของเขาแล้ว เดินออกมาจากห้องหนังสือของคุณตาพอดี พร้อมกับคุณตาที่เดินยิ้มหัวเราะเคียงข้างกันมา
วัลดัส พลกฤต โคลต์ หรือที่คุณตากับคุณยายเขามักเรียกเขาว่า ‘เป้าโต’ วัย 33 ปี ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา เขามีพี่ชายฝาแฝด ซึ่งตอนนี้ก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้วกับเด็กในปกครองของคุณตาและคุณยายอย่างมัญชุสา ปากกับใจคนเราเนี่ยนะไม่ตรงกันตลอด และพี่ชายของเขาก็มาตายน้ำตื้น ตื้นแบบไม่ท่วมแม้แต่หลังเท้าเป็ด จะเปรียบกับหลังเป็ดก็ดูจะเยอะไป คิดแล้วก็น่าขันนัก โลเวล พชร โคลต์ หรือฉายาที่คุณตาและคุณยายเรียกไม่ต่างจากเขาว่า ‘เป้าตรง’ เนี่ยแหละ ผมไม่ใช่ลูกชายคนเดียว ผมมีพี่ชายฝาแฝด แฝดที่แสนดีเหรอ? ก็ไม่นะ ผมต่างหากคนดี และแม่ของเราก็เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลใหญ่อย่างสมบัติไพศาลอนันต์ และแน่นอนธุรกิจที่เป็นที่รู้จักคือโรงพยาบาลเอกชนที่ชื่อว่า DHL Hospital ที่ก่อตั้งโดยคุณตาของเขาอย่างพลตำรวจเอกนายแพทย์อรุณ สมบัติไพศาลอนันต์กับคุณหญิงพลอยภัทรา สมบัติไพศาลอนันต์
คุณตา คุณยายก็มีลูกคนเดียวคือแม่ของเขา ทรัพย์สมบัติมากมายจะยกให้ใครได้ ถ้าไม่ใช่แม่ของพวกเขาทั้งสอง แต่แม่ก็ไปแต่งงานกับชาวต่างชาติที่เป็นพ่อของเขาอย่างมิสเตอร์ดอม รายนั้นก็รวยล้นฟ้า ไม่ใช่อวด แต่รวยจริงๆ คือแม่ก็พื้นฐานมาดี รวยอยู่แล้ว ไปเจอพ่ออีกยิ่งรวยมหาศาลคล้ายนามสกุลคุณตานั่นแหละ อ้อ...แม่ชื่อว่าพลอยเพชร และที่เล่ามาคือครอบครัวของผม และทำไมผมถึงได้มาอยู่เมืองไทยกับโลเวลเหรอ เพราะคุณตาอายุเยอะแล้ว จะว่าไปก็แก่นั่นแหละ แต่พูดดังให้ได้ยินไม่ได้เดี๋ยวงอน เขายังเตะปี๊บดังอยู่นะถึงจะอายุ 76 ปีแล้วก็ตาม ส่วนคุณยายก็ 72 ปี พ่อของเขามิสเตอร์ดอม 58 ปี ส่วนแม่ 54 ปี เล่ามาเยอะ เข้าเรื่องที่ต้องมารับช่วงต่อจากคุณตาบริหารโรงพยาบาลต่อ ผมมารับตำแหน่งรองประธาน ส่วนพี่ชายเป็นประธาน ผมเรียนจบหมอ และเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท แน่นอนผมเป็นหมอที่ค่อนข้างเก่ง มีชื่อเสียงแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ใช่ว่าความสามารถผมจะน้อย ผมเป็นอาจารย์หมอแล้วครับ
ภัทร์รวีมองเห็นวัลดัสตั้งแต่ออกมาแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ และผู้เป็นตาที่เดินเคียงคู่กับเธอมาก็เห็นเหมือนกันและแสร้งทำไม่เห็นหลานชาย แต่กลับทำประชดไปอีกด้วยการโอบเอวเล็กคอดของเด็กสาวที่เดินข้างตนเองผ่านหลานชายไปโดยไม่คิดจะทักทาย
“วันนี้คุณท่านจะให้แพมทำอะไรบ้างคะ” เธอถามเสียงอ่อนหวานกับผู้มีพระคุณ เพราะท่านเป็นเจ้านายของพ่อ พ่อของเธอเป็นแค่จ่าเล็กๆ ในค่ายทหาร และแม่ก็มีอาชีพเป็นแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งในค่ายทหาร โชคดีที่ท่านและคุณหญิงภรรยาของท่านเอ็นดูเธอและเมตตาเธอจึงได้มาทำงานกับท่านตั้งแต่เรียนจบบริหารมา
“ก็พาฉันกับคุณหญิงไปดูของตกแต่งสวนนั่นแหละหนูแพม วันนี้ไม่ไปหาจ่าชาญกับแม่วิเหรอถึงได้แวะมาหาฉันที่บ้านทั้งๆ ที่วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดแท้ๆ” เสียงทุ้มพร่าตามวัยของคนที่แก่แต่อายุเอ่ยถามเด็กสาว แต่ภัทร์รวียังไม่ทันตอบ เสียงทุ้มกระด้างของพ่อหลานตัวดีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“นี่ขนาดในบ้านนะคุณตา คุณยายก็อยู่ คุณตายังทำแบบนี้ และเธอก็เหมือนกันจะมาเป็นเมียน้อยตาฉันทำไม ตาฉันแก่จะลงโลงแล้วยังมาเกาะ” คนที่พูดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธลืมไปเลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นทำให้คนเป็นตาไม่พอใจเช่นกัน
“นี่แกแช่งให้ตาแกตายเหรอไอ้เป้าโต!”
เสียงห้าวตามวัยเอ่ยตอกกลับหลานชายปากหมา! ของตนเอง ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้กัน และดันพูดไทยชัดอีกหลานเขา
“ผมก็แค่พูดไปตามน้ำ ตาออกจะแข็งแรงไม่ตายง่ายหรอก ส่วนหล่อนน่ะไปกับฉัน” ว่าแล้วคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ฉวยโอกาสคว้ามือเล็กของภัทร์รวีดึงลากเดินตามตัวเองออกไปจากบ้านทันที
“อือ...ปล่อยฉันนะคุณวัลดัส” หล่อนดิ้นขืนตัวเองจิกเท้ากับพื้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงของชายหนุ่มลูกครึ่งมีเยอะเหลือเกิน
“ไม่ปล่อย!” เขาหยุดเท้าหันมาตวาดตอบแล้วดึงลากเธอไปต่อ ส่วนคนแก่ก็ได้แต่มองยิ้มขำเอ็นดูหลานชายตัวเองที่มักคิดอกุศล คิดไปได้ยังไง หัวสมองมันมีแค่นี้รึไง
“เสียงดังอะไรกันคะคุณพี่” คุณหญิงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอก
“ก็ไอ้เป้าโตของน้องน่ะสิ หึงแทนคุณหญิง ดูมันคิดอะไรของมันว่าพี่กับหนูแพมเป็นชู้กัน ดูมันคิด สมองมันก็มีนะ ฉลาดแต่มาโง่เรื่องอะไรแบบนี้” อดีตพลตำรวจเอกเอ่ยกับภรรยาแล้วหันมาโอบเอวอวบของภรรยาสุดที่รักเข้าไปในห้องนั่งเล่น
“นี่ก็นะ เมื่อไหร่จะเป็นฝั่งเป็นฝา ใช้สะโพกไปทั่ว สำส่อนไม่เลือกที่” คุณหญิงเอ่ยกับสามีถึงหลานชายคนเล็ก เพราะตอนนี้โลเวลหลานชายคนโตได้แต่งงานไปแล้ว และกำลังจะมีเหลนให้ด้วย
“ก็รอดูมันต่อไปเนี่ยแหละน้อง แต่เหมือนว่าจะเร็วๆ นี่นะ และหลานสะใภ้คงเป็นหนูแพมแหละ ดูมันสิ ไปๆ มาๆ มันจะตกหลุมความร้ายกาจของมันเอง ดูสิ ปากก็หมาแบบนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะรักมัน ผู้หญิงที่มาติดมันน่ะ ก็เพราะเงินกับความหล่อมันนั่นแหละ ถ้านิสัย...หึ! เลวไม่มีที่ติ เป้าโตมันไม่เหมือนเป้าตรง นั่นยังพอมีดีหน่อย แต่ไอ้เป้าโตนี่สิ เลวบันเทิงศิลป์”
“คุณพี่ก็ช่างเปรียบ” นางอดนึกขำสามีไม่ได้ แล้วยกมือขึ้นลูบผมทรงตีโปร่งของตัวเองที่ลุกขึ้นให้เด็กรับใช้มาทำให้ตั้งแต่ตีห้าทุกวัน
“ก็มันจริง ไอ้เป้าโตน่ะมันร้ายกว่าพี่มันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าแต่เที่ยงนี้มีอะไรทานมั่งจ๊ะที่รัก” ท่านนายพลเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับแม่ยอดรักของตนเอง
“ก็มีบัวลอยไข่หวานเป็นของหวาน และแกงเลียงกุ้งสดที่คุณพี่บ่นอยากกินเมื่อเช้า กับผัดบวบใส่ไข่ และก็มีไก่ผัดขิง”
“อือ...เยอะอยู่นะ เรากินกันสองคนเหรอ”
“อือ...ก็เป้าตรงพามัดหมี่ไปหาหมอแต่เช้าแล้ว”
“อือ...งั้นก็ไปนั่งเล่นจิบน้ำชากันในห้องนั่งเล่นก่อน ตอนนี้พี่ยังไม่หิวเลย” แล้วคนที่แก่แต่อายุก็โอบประคองเอวอวบภรรยาคู่ชีวิตของตัวเองเดินไปพูดคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น
ด้านฝั่งวัลดัสลากภัทร์รวีออกมาก็ยัดขึ้นรถส่วนตัวตัวเองแล้วพาขับออกไปจากบ้านทันที ส่วนคนที่ถูกบังคับก็ได้แต่นั่งหน้าตึงตลอดทางไม่พูดจาอะไร ยิ่งทำให้คนตัวโตโกรธฉุน หงุดหงิด ไม่พอใจและยิ่งคิดถึงความสัมพันธ์ของหล่อนกับคุณตาตัวเองก็ยิ่งโกรธ
“เป็นใบ้รึไง ทำไมไม่พูดไม่ถามว่าจะพาไปไหน”
“ถ้าฉันบอกว่าให้จอดรถ ฉันจะลงจะจอดไหมล่ะ” หล่อนสวนกลับทันควัน
หึหึ
“ก็พูดได้นี่ ไม่จอด”
“นั่นไง แล้วจะให้พูดทำไมล่ะ แล้วคุณเป็นบ้ารึไง ฉันกับคุณท่านไม่มีอะไรกัน ไม่มีใครคิดอกุศลแบบคุณหรอกนะคุณวัลดัส”
“แต่คำพูดกับการกระทำมันไม่เหมือนกันเลยนะเท่าที่ผ่านมา เธอจะมาสวมเขาให้คุณยายฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ยอม และเนี่ยเธอกล้าดียังไงในบ้านของท่านแท้ๆ ท่านออกจะรักเอ็นดูเธอ เธอก็ทำกับท่านได้”
“คุณอ่านนิยาย ดูละครเยอะไปหรือเปล่าคุณวัลดัส”
“ไม่เคยอ่านและไม่ดู แต่ฉันเห็นมากับตา และเนี่ยก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยที่เธอทำแบบนี้ และคุณยายฉันก็รักไว้ใจเธอมากด้วย เธอมันผู้หญิงร่าน!”
เผียะ!
ภัทร์รวีหันมายกมือขึ้นฟาดตบหน้าของคนที่กำลังขับรถทันทีด้วยความฉุนโกรธไม่แพ้กัน หล่อนปล่อยให้เขาดูถูกมามากพอแล้ว และมันพอแล้วกับคำหยาบคายของเขา ซึ่งไม่รู้ตัวเองจะทนทำงานกับคนความคิดต่ำทรามแบบนี้ได้นานเท่าไหร่ ถ้าไม่นึกถึงคุณท่านทั้งสอง เธอลาออกไปทำงานอื่นนานแล้ว แต่เพราะคุณท่านทั้งสองขอร้องไว้ถึงได้ทนกับความเลวปากเสียของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้
วัลดัสรู้สึกเจ็บชาที่หน้าทันที เขากัดกรามแน่นแล้วหมุนพวงมาลัยหักเข้าข้างทางแล้วขึ้นเบรกมือหันมาหาคนที่กล้าดีตบหน้าตัวเอง เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้ แต่ภัทร์รวีคิดว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขากินเงินเดือนของเขาเท่านั้น
กรอด!
เสียงขบกรามดังลอดออกมาทำให้เธอขยับตัวชิดประตูข้างฝั่งที่นั่ง จะออกไปก็ออกไปไม่ได้ เมื่อเขากดล็อกประตูไม่ยอมปลดล็อกให้
“คุณจอดรถทำไม”
“ก็บอกให้จอดนี่” เขาตอบสั้นๆ แล้วยกมือไปตะปบหัวไหล่เล็กที่สั่นเทาพร้อมกับบีบหัวไหล่เล็กเต็มแรงโกรธ
“อือ...เจ็บ!”
เธอกุมมือเขาพร้อมพยายามแกะมือหนาออกจากหัวไหล่ตัวเอง แต่ยิ่งพยายามแกะ เขาก็ยิ่งบีบหัวไหล่เธอแรงขึ้น
“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปกว่าความเจ็บในใจฉันที่เห็นเธอทำกับคุณยายฉัน แพม” มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองออกพร้อมเคลื่อนตัวเข้ามาคร่อมกักเธอไว้กับประตูฝั่งของหล่อน
“คุณจะทำบ้าอะไรของคุณ คุณวัลดัส!” เธอดันหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ออกห่างทั้งๆ ที่เจ็บหัวไหล่ที่เขาบีบ
“เดาดูสิ ไม่น่าจะไม่รู้นะว่าฉันจะทำอะไรกับเธอแพม เธอมันก็ผู้หญิงใช้เรือนร่างหาเงินไม่ใช่เหรอ” เขาเคลื่อนโน้มมาแนบปลายจมูกโด่งกับแก้มนวลที่เจ้าตัวเบี่ยงหน้าหลบหนี และกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบไม่เหมือนใครก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งเพื่อสูดนำกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของภัทร์รวีเข้าปอด ‘หอมเป็นบ้า เมียน้อยคุณตา’ เขาพึมพำในใจแล้วก็หมายจะทำมากกว่านั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นก่อน
“ใครวะ!” วัลดัสรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ผละเคลื่อนตัวกลับไปนั่งปกติ ส่วนภัทร์รวีก็จัดแต่งเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ส่วนเขาก็มองมาทางเธอพร้อมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาล
“ครับ” แม้จะหงุดหงิดที่ปลายสายโทรมารบกวน แต่ก็ต้องรีบรับสาย
“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” และเมื่อรู้ว่าปลายสายโทรมาทำไมก็รีบรับปากแล้วกดตัดสายทันที เพราะมีเคสผ่าตัดสมองด่วนเข้ามา และเคสนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่ดูแลได้
“ลงไป” เขาหันมาสั่งคนที่บังคับออกมาด้วยลงไปจากรถทันที เมื่อตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาล และคำสั่งของเขาก็เล่นเอาหญิงสาวงงเมื่อเขากดปลดล็อกประตูรถให้แล้วสั่งอีกครั้ง
“ลงไป!” วัลดัสเอ่ยไล่เสียงดังกว่าครั้งแรกไม่พอยังยืดตัวไปเปิดดันประตูรถออกแล้วดันภัทร์รวีลงไปจากรถ และด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เธอพลาดตกลงไปกับพื้น โชคดีที่มือเธอเท้ายันพื้นถนนไว้ได้ทันเลยไม่ทำให้หน้าฟุบไปกับถนน ส่วนคนที่ทำก็ทำแค่เพียงมองด้วยสายตาเย็นชาแล้วดึงประตูรถปิดพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วออกตัวรถไปทันที ไม่สนใจว่าคนที่ถูกทิ้งจะกลับยังไงและจะไปยังไง
“คนสารเลว!” ภัทร์รวีได้แต่ลุกขึ้นร้องตะโกนด่าไล่หลังรถยนต์คันหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง