บท
ตั้งค่า

เรื่องหมอแสนเลว บทที่ 1 - วัลดัส พลกฤต โคลต์ (เป้าโต) 1

“แม่งเอ้ย!” น้ำเสียงหยาบกระด้างสบถออกมาด้วยความกรุ่นโกรธเมื่อเดินเข้ามาในบ้านพอดีกับจังหวะที่ภัทร์รวี หงส์ฟ้า หรือแพม วัย 27 ปี อดีตเลขาของคุณตา เพราะตอนนี้หล่อนย้ายมาเป็นเลขาของเขาแล้ว เดินออกมาจากห้องหนังสือของคุณตาพอดี พร้อมกับคุณตาที่เดินยิ้มหัวเราะเคียงข้างกันมา

วัลดัส พลกฤต โคลต์ หรือที่คุณตากับคุณยายเขามักเรียกเขาว่า ‘เป้าโต’ วัย 33 ปี ชายหนุ่มลูกครึ่งไทย-อเมริกา เขามีพี่ชายฝาแฝด ซึ่งตอนนี้ก็แต่งงานไปเรียบร้อยแล้วกับเด็กในปกครองของคุณตาและคุณยายอย่างมัญชุสา ปากกับใจคนเราเนี่ยนะไม่ตรงกันตลอด และพี่ชายของเขาก็มาตายน้ำตื้น ตื้นแบบไม่ท่วมแม้แต่หลังเท้าเป็ด จะเปรียบกับหลังเป็ดก็ดูจะเยอะไป คิดแล้วก็น่าขันนัก โลเวล พชร โคลต์ หรือฉายาที่คุณตาและคุณยายเรียกไม่ต่างจากเขาว่า ‘เป้าตรง’ เนี่ยแหละ ผมไม่ใช่ลูกชายคนเดียว ผมมีพี่ชายฝาแฝด แฝดที่แสนดีเหรอ? ก็ไม่นะ ผมต่างหากคนดี และแม่ของเราก็เป็นลูกสาวคนเดียวของตระกูลใหญ่อย่างสมบัติไพศาลอนันต์ และแน่นอนธุรกิจที่เป็นที่รู้จักคือโรงพยาบาลเอกชนที่ชื่อว่า DHL Hospital ที่ก่อตั้งโดยคุณตาของเขาอย่างพลตำรวจเอกนายแพทย์อรุณ สมบัติไพศาลอนันต์กับคุณหญิงพลอยภัทรา สมบัติไพศาลอนันต์

คุณตา คุณยายก็มีลูกคนเดียวคือแม่ของเขา ทรัพย์สมบัติมากมายจะยกให้ใครได้ ถ้าไม่ใช่แม่ของพวกเขาทั้งสอง แต่แม่ก็ไปแต่งงานกับชาวต่างชาติที่เป็นพ่อของเขาอย่างมิสเตอร์ดอม รายนั้นก็รวยล้นฟ้า ไม่ใช่อวด แต่รวยจริงๆ คือแม่ก็พื้นฐานมาดี รวยอยู่แล้ว ไปเจอพ่ออีกยิ่งรวยมหาศาลคล้ายนามสกุลคุณตานั่นแหละ อ้อ...แม่ชื่อว่าพลอยเพชร และที่เล่ามาคือครอบครัวของผม และทำไมผมถึงได้มาอยู่เมืองไทยกับโลเวลเหรอ เพราะคุณตาอายุเยอะแล้ว จะว่าไปก็แก่นั่นแหละ แต่พูดดังให้ได้ยินไม่ได้เดี๋ยวงอน เขายังเตะปี๊บดังอยู่นะถึงจะอายุ 76 ปีแล้วก็ตาม ส่วนคุณยายก็ 72 ปี พ่อของเขามิสเตอร์ดอม 58 ปี ส่วนแม่ 54 ปี เล่ามาเยอะ เข้าเรื่องที่ต้องมารับช่วงต่อจากคุณตาบริหารโรงพยาบาลต่อ ผมมารับตำแหน่งรองประธาน ส่วนพี่ชายเป็นประธาน ผมเรียนจบหมอ และเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านระบบประสาท แน่นอนผมเป็นหมอที่ค่อนข้างเก่ง มีชื่อเสียงแม้จะอายุยังน้อย แต่ก็ใช่ว่าความสามารถผมจะน้อย ผมเป็นอาจารย์หมอแล้วครับ

ภัทร์รวีมองเห็นวัลดัสตั้งแต่ออกมาแล้ว แต่แสร้งทำเป็นไม่สนใจ และผู้เป็นตาที่เดินเคียงคู่กับเธอมาก็เห็นเหมือนกันและแสร้งทำไม่เห็นหลานชาย แต่กลับทำประชดไปอีกด้วยการโอบเอวเล็กคอดของเด็กสาวที่เดินข้างตนเองผ่านหลานชายไปโดยไม่คิดจะทักทาย

“วันนี้คุณท่านจะให้แพมทำอะไรบ้างคะ” เธอถามเสียงอ่อนหวานกับผู้มีพระคุณ เพราะท่านเป็นเจ้านายของพ่อ พ่อของเธอเป็นแค่จ่าเล็กๆ ในค่ายทหาร และแม่ก็มีอาชีพเป็นแม่ค้าร้านอาหารตามสั่งในค่ายทหาร โชคดีที่ท่านและคุณหญิงภรรยาของท่านเอ็นดูเธอและเมตตาเธอจึงได้มาทำงานกับท่านตั้งแต่เรียนจบบริหารมา

“ก็พาฉันกับคุณหญิงไปดูของตกแต่งสวนนั่นแหละหนูแพม วันนี้ไม่ไปหาจ่าชาญกับแม่วิเหรอถึงได้แวะมาหาฉันที่บ้านทั้งๆ ที่วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดแท้ๆ” เสียงทุ้มพร่าตามวัยของคนที่แก่แต่อายุเอ่ยถามเด็กสาว แต่ภัทร์รวียังไม่ทันตอบ เสียงทุ้มกระด้างของพ่อหลานตัวดีก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“นี่ขนาดในบ้านนะคุณตา คุณยายก็อยู่ คุณตายังทำแบบนี้ และเธอก็เหมือนกันจะมาเป็นเมียน้อยตาฉันทำไม ตาฉันแก่จะลงโลงแล้วยังมาเกาะ” คนที่พูดด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธลืมไปเลยว่าคำพูดของตัวเองนั้นทำให้คนเป็นตาไม่พอใจเช่นกัน

“นี่แกแช่งให้ตาแกตายเหรอไอ้เป้าโต!”

เสียงห้าวตามวัยเอ่ยตอกกลับหลานชายปากหมา! ของตนเอง ใครสั่งใครสอนให้พูดแบบนี้กัน และดันพูดไทยชัดอีกหลานเขา

“ผมก็แค่พูดไปตามน้ำ ตาออกจะแข็งแรงไม่ตายง่ายหรอก ส่วนหล่อนน่ะไปกับฉัน” ว่าแล้วคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในบ้านก็ฉวยโอกาสคว้ามือเล็กของภัทร์รวีดึงลากเดินตามตัวเองออกไปจากบ้านทันที

“อือ...ปล่อยฉันนะคุณวัลดัส” หล่อนดิ้นขืนตัวเองจิกเท้ากับพื้น แต่ก็ไม่เป็นผลเมื่อแรงของชายหนุ่มลูกครึ่งมีเยอะเหลือเกิน

“ไม่ปล่อย!” เขาหยุดเท้าหันมาตวาดตอบแล้วดึงลากเธอไปต่อ ส่วนคนแก่ก็ได้แต่มองยิ้มขำเอ็นดูหลานชายตัวเองที่มักคิดอกุศล คิดไปได้ยังไง หัวสมองมันมีแค่นี้รึไง

“เสียงดังอะไรกันคะคุณพี่” คุณหญิงเดินออกมาจากห้องนั่งเล่นเมื่อได้ยินเสียงดังอยู่ด้านนอก

“ก็ไอ้เป้าโตของน้องน่ะสิ หึงแทนคุณหญิง ดูมันคิดอะไรของมันว่าพี่กับหนูแพมเป็นชู้กัน ดูมันคิด สมองมันก็มีนะ ฉลาดแต่มาโง่เรื่องอะไรแบบนี้” อดีตพลตำรวจเอกเอ่ยกับภรรยาแล้วหันมาโอบเอวอวบของภรรยาสุดที่รักเข้าไปในห้องนั่งเล่น

“นี่ก็นะ เมื่อไหร่จะเป็นฝั่งเป็นฝา ใช้สะโพกไปทั่ว สำส่อนไม่เลือกที่” คุณหญิงเอ่ยกับสามีถึงหลานชายคนเล็ก เพราะตอนนี้โลเวลหลานชายคนโตได้แต่งงานไปแล้ว และกำลังจะมีเหลนให้ด้วย

“ก็รอดูมันต่อไปเนี่ยแหละน้อง แต่เหมือนว่าจะเร็วๆ นี่นะ และหลานสะใภ้คงเป็นหนูแพมแหละ ดูมันสิ ไปๆ มาๆ มันจะตกหลุมความร้ายกาจของมันเอง ดูสิ ปากก็หมาแบบนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะรักมัน ผู้หญิงที่มาติดมันน่ะ ก็เพราะเงินกับความหล่อมันนั่นแหละ ถ้านิสัย...หึ! เลวไม่มีที่ติ เป้าโตมันไม่เหมือนเป้าตรง นั่นยังพอมีดีหน่อย แต่ไอ้เป้าโตนี่สิ เลวบันเทิงศิลป์”

“คุณพี่ก็ช่างเปรียบ” นางอดนึกขำสามีไม่ได้ แล้วยกมือขึ้นลูบผมทรงตีโปร่งของตัวเองที่ลุกขึ้นให้เด็กรับใช้มาทำให้ตั้งแต่ตีห้าทุกวัน

“ก็มันจริง ไอ้เป้าโตน่ะมันร้ายกว่าพี่มันมาตั้งแต่เด็กแล้ว ว่าแต่เที่ยงนี้มีอะไรทานมั่งจ๊ะที่รัก” ท่านนายพลเอ่ยเสียงอ่อนหวานกับแม่ยอดรักของตนเอง

“ก็มีบัวลอยไข่หวานเป็นของหวาน และแกงเลียงกุ้งสดที่คุณพี่บ่นอยากกินเมื่อเช้า กับผัดบวบใส่ไข่ และก็มีไก่ผัดขิง”

“อือ...เยอะอยู่นะ เรากินกันสองคนเหรอ”

“อือ...ก็เป้าตรงพามัดหมี่ไปหาหมอแต่เช้าแล้ว”

“อือ...งั้นก็ไปนั่งเล่นจิบน้ำชากันในห้องนั่งเล่นก่อน ตอนนี้พี่ยังไม่หิวเลย” แล้วคนที่แก่แต่อายุก็โอบประคองเอวอวบภรรยาคู่ชีวิตของตัวเองเดินไปพูดคุยกันต่อในห้องนั่งเล่น

ด้านฝั่งวัลดัสลากภัทร์รวีออกมาก็ยัดขึ้นรถส่วนตัวตัวเองแล้วพาขับออกไปจากบ้านทันที ส่วนคนที่ถูกบังคับก็ได้แต่นั่งหน้าตึงตลอดทางไม่พูดจาอะไร ยิ่งทำให้คนตัวโตโกรธฉุน หงุดหงิด ไม่พอใจและยิ่งคิดถึงความสัมพันธ์ของหล่อนกับคุณตาตัวเองก็ยิ่งโกรธ

“เป็นใบ้รึไง ทำไมไม่พูดไม่ถามว่าจะพาไปไหน”

“ถ้าฉันบอกว่าให้จอดรถ ฉันจะลงจะจอดไหมล่ะ” หล่อนสวนกลับทันควัน

หึหึ

“ก็พูดได้นี่ ไม่จอด”

“นั่นไง แล้วจะให้พูดทำไมล่ะ แล้วคุณเป็นบ้ารึไง ฉันกับคุณท่านไม่มีอะไรกัน ไม่มีใครคิดอกุศลแบบคุณหรอกนะคุณวัลดัส”

“แต่คำพูดกับการกระทำมันไม่เหมือนกันเลยนะเท่าที่ผ่านมา เธอจะมาสวมเขาให้คุณยายฉันไม่ได้หรอกนะ ฉันไม่ยอม และเนี่ยเธอกล้าดียังไงในบ้านของท่านแท้ๆ ท่านออกจะรักเอ็นดูเธอ เธอก็ทำกับท่านได้”

“คุณอ่านนิยาย ดูละครเยอะไปหรือเปล่าคุณวัลดัส”

“ไม่เคยอ่านและไม่ดู แต่ฉันเห็นมากับตา และเนี่ยก็ไม่ใช่ครั้งเดียวด้วยที่เธอทำแบบนี้ และคุณยายฉันก็รักไว้ใจเธอมากด้วย เธอมันผู้หญิงร่าน!”

เผียะ!

ภัทร์รวีหันมายกมือขึ้นฟาดตบหน้าของคนที่กำลังขับรถทันทีด้วยความฉุนโกรธไม่แพ้กัน หล่อนปล่อยให้เขาดูถูกมามากพอแล้ว และมันพอแล้วกับคำหยาบคายของเขา ซึ่งไม่รู้ตัวเองจะทนทำงานกับคนความคิดต่ำทรามแบบนี้ได้นานเท่าไหร่ ถ้าไม่นึกถึงคุณท่านทั้งสอง เธอลาออกไปทำงานอื่นนานแล้ว แต่เพราะคุณท่านทั้งสองขอร้องไว้ถึงได้ทนกับความเลวปากเสียของหนุ่มลูกครึ่งคนนี้

วัลดัสรู้สึกเจ็บชาที่หน้าทันที เขากัดกรามแน่นแล้วหมุนพวงมาลัยหักเข้าข้างทางแล้วขึ้นเบรกมือหันมาหาคนที่กล้าดีตบหน้าตัวเอง เกิดมาไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำกับเขาแบบนี้ แต่ภัทร์รวีคิดว่าตัวเองเป็นใคร ทั้งๆ ที่เป็นแค่เลขากินเงินเดือนของเขาเท่านั้น

กรอด!

เสียงขบกรามดังลอดออกมาทำให้เธอขยับตัวชิดประตูข้างฝั่งที่นั่ง จะออกไปก็ออกไปไม่ได้ เมื่อเขากดล็อกประตูไม่ยอมปลดล็อกให้

“คุณจอดรถทำไม”

“ก็บอกให้จอดนี่” เขาตอบสั้นๆ แล้วยกมือไปตะปบหัวไหล่เล็กที่สั่นเทาพร้อมกับบีบหัวไหล่เล็กเต็มแรงโกรธ

“อือ...เจ็บ!”

เธอกุมมือเขาพร้อมพยายามแกะมือหนาออกจากหัวไหล่ตัวเอง แต่ยิ่งพยายามแกะ เขาก็ยิ่งบีบหัวไหล่เธอแรงขึ้น

“เจ็บแค่นี้มันยังน้อยไปกว่าความเจ็บในใจฉันที่เห็นเธอทำกับคุณยายฉัน แพม” มือข้างที่ว่างปลดเข็มขัดนิรภัยของตนเองออกพร้อมเคลื่อนตัวเข้ามาคร่อมกักเธอไว้กับประตูฝั่งของหล่อน

“คุณจะทำบ้าอะไรของคุณ คุณวัลดัส!” เธอดันหน้าที่โน้มเข้ามาใกล้ออกห่างทั้งๆ ที่เจ็บหัวไหล่ที่เขาบีบ

“เดาดูสิ ไม่น่าจะไม่รู้นะว่าฉันจะทำอะไรกับเธอแพม เธอมันก็ผู้หญิงใช้เรือนร่างหาเงินไม่ใช่เหรอ” เขาเคลื่อนโน้มมาแนบปลายจมูกโด่งกับแก้มนวลที่เจ้าตัวเบี่ยงหน้าหลบหนี และกลิ่นหอมอ่อนๆ แบบไม่เหมือนใครก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ หลายครั้งเพื่อสูดนำกลิ่นกายหอมอ่อนๆ ของภัทร์รวีเข้าปอด ‘หอมเป็นบ้า เมียน้อยคุณตา’ เขาพึมพำในใจแล้วก็หมายจะทำมากกว่านั้น แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิด เสียงสั่นเตือนโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้นก่อน

“ใครวะ!” วัลดัสรู้สึกไม่พอใจแต่ก็ผละเคลื่อนตัวกลับไปนั่งปกติ ส่วนภัทร์รวีก็จัดแต่งเสื้อผ้าตัวเองให้เข้าที่ ส่วนเขาก็มองมาทางเธอพร้อมล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดรับสายทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์ของโรงพยาบาล

“ครับ” แม้จะหงุดหงิดที่ปลายสายโทรมารบกวน แต่ก็ต้องรีบรับสาย

“ครับ ผมจะไปเดี๋ยวนี้” และเมื่อรู้ว่าปลายสายโทรมาทำไมก็รีบรับปากแล้วกดตัดสายทันที เพราะมีเคสผ่าตัดสมองด่วนเข้ามา และเคสนี้มีแค่เขาเท่านั้นที่ดูแลได้

“ลงไป” เขาหันมาสั่งคนที่บังคับออกมาด้วยลงไปจากรถทันที เมื่อตอนนี้ต้องรีบไปโรงพยาบาล และคำสั่งของเขาก็เล่นเอาหญิงสาวงงเมื่อเขากดปลดล็อกประตูรถให้แล้วสั่งอีกครั้ง

“ลงไป!” วัลดัสเอ่ยไล่เสียงดังกว่าครั้งแรกไม่พอยังยืดตัวไปเปิดดันประตูรถออกแล้วดันภัทร์รวีลงไปจากรถ และด้วยความไม่ทันได้ตั้งตัวทำให้เธอพลาดตกลงไปกับพื้น โชคดีที่มือเธอเท้ายันพื้นถนนไว้ได้ทันเลยไม่ทำให้หน้าฟุบไปกับถนน ส่วนคนที่ทำก็ทำแค่เพียงมองด้วยสายตาเย็นชาแล้วดึงประตูรถปิดพร้อมกับรัดเข็มขัดนิรภัยแล้วออกตัวรถไปทันที ไม่สนใจว่าคนที่ถูกทิ้งจะกลับยังไงและจะไปยังไง

“คนสารเลว!” ภัทร์รวีได้แต่ลุกขึ้นร้องตะโกนด่าไล่หลังรถยนต์คันหรูที่แล่นออกไปด้วยความเร็วสูง

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel