บท
ตั้งค่า

4 - ฝันหรือจริง 2

น้ำเสียงเยือกเย็นดังขึ้นจากด้านหลังทำให้คนที่กำลังล้วงมือไปในทวารของเจ้าควายเพื่อช่วยทำคลอดนั้นชักดึงมือกลับออกมาแล้วหันมาทางต้นเสียงทรงเสน่ห์ที่จำได้ แม้จะเย็นเยือกจับใจ แต่มันก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นในน้ำเสียงของนาสูร

“ครับท่าน” เป็นพลชเองที่เอ่ยตอบแล้วถอยออกไปจากเจ้าควายที่กำลังเจ็บท้องคลอดเล็กน้อยเพื่อให้นายของตนได้มองดูเจ้าควายตัวเมีย

“อือ...ก็ทำต่อสิ ทำคลอดเสร็จแล้วไปคุยกับฉันที่ออฟฟิศด้วยหมอน้อง”

พูดจบเขาก็หมุนตัวเดินจากไปทันทีโดยไม่สนใจจะฟังคำตอบของพุดซ้อน ส่วนพุดซ้อนแทบเข่าอ่อน เพราะยังไม่พร้อมจะเจอเขาในตอนนี้ แม้ว่าตลอดระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์จะคิดถึงและโหยหาอ้อมกอดของเขามากแค่ไหนก็ตาม

พาทีเดินอมยิ้มตามผู้เป็นนายกลับไปยังออฟฟิศเล็กๆ ที่ทุกครั้งแทบไม่เฉียดกรายเข้ามาใกล้เลยสักครั้ง แต่กลับมาจากบำเพ็ญเพียรครั้งนี้เหมือนนายท่านของมันจะรู้ใจตัวเองแล้วว่าตอนนี้ตัวเองมีความรักให้มนุษย์หญิงนามว่าพุดซ้อนเสียแล้วในตอนนี้

“มาทำคลอดต่อเถอะครับหมอน้อง เจ้าควายจะได้หายทรมานสักที” เสียงอ่อนโยนของสัตวแพทย์หนุ่มดึงสติเธอกลับมาให้สนใจกับงานตรงหน้า

“คะ...ค่ะพี่หมอไม้” แล้วทั้งคู่ก็ช่วยกันทำคลอดเจ้าควายต่อ เพียงเวลาไม่นานเจ้าควายตัวน้อยก็ออกมาจากท้องแม่

“เป็นตัวผู้” หมอไม้บอกคนงานที่รอจดเวลาคลอดของเจ้าควายทันที

“นึกว่าจะได้ตัวเมียอีกสักตัว แต่เป็นตัวผู้ก็ดีเหมือนกันค่ะ อนาคตจะได้เป็นพ่อพันธุ์” พุดซ้อนเอ่ยพร้อมถอดถุงมือยางที่ใส่ทำคลอดออกโยนทิ้งในถังขยะใกล้ๆ ทันที

“หมอน้องไปพบคุณท่านเถอะครับ อย่าให้คุณท่านต้องรอนานเลย ทางนี้พี่จัดการเอง” พลชเอ่ยเมื่อทำคลอดให้ควายเสร็จแล้ว

“แต่..” คนยังไม่พร้อมและยังไม่อยากเจอก็บิดตัวไปมา ก็ตอนนี้เธอกลัวเขานี่ แม้จะอยากรู้ความจริงแต่ก็ยังมีความกลัวอยู่ หากว่าเขาเป็นยักษ์จริง เธอกลัว กลัวว่านาสูรจะจับเธอฉีกแข้งฉีกขากัดกินทั้งตัวเหมือนในนิทานและละครพื้นบ้านของไทยที่เคยดูมา

“ไปเถอะครับ ทางนี้พี่จัดการเอง”

แม้จะแปลกใจว่าทำไมนายท่านถึงสั่งให้พุดซ้อนเข้าไปพบด้วย แต่ก็คงอยากพูดคุยกับลูกน้องแหละมั้ง เท่าที่รู้มาตั้งแต่พุดซ้อนมาทำงานยังไม่เคยเจอนายท่านเลยสักครั้ง และตอนสัมภาษณ์งานก็สัมภาษณ์งานผ่านคุณพาทีคนสนิทของท่าน

“งั้นน้องไปนะคะพี่หมอไม้”

“ครับ”

แล้วพุดซ้อนก็เดินไปล้างมือล้างหน้าตัวเองก่อนทันที เมื่อตอนนี้เจ้าของฟาร์มกำลังรอให้เธอไปหาที่ห้องทำงาน

นาสูรมองประตูที่ถูกผลักออกพร้อมกับร่างเล็กที่แสนคะนึงหาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า ใจของนาสูรนั้นอยากกระโจนเข้าไปโอบกอดกระแทกจูบปากอวบอิ่มที่เม้มแน่นเสียจริง แต่ยังคงไว้ท่าเจ้านายผู้น่าเกรงขามไว้พร้อมส่งสายตาไล่พาทีให้ออกไปจากห้อง และทันทีที่พาทีออกไปพร้อมประตูห้องปิดแนบสนิท

“ยะ...อย่ากินฉันเลยนะคุณนาสูร”

เธอบอกสิ่งที่กลัวกับเขาทันทีเมื่อเห็นเขาลุกขึ้นเดินมาหาตนเอง จะหมุนตัวกลับหลังก็ไม่ทันเสียแล้ว เพราะประตูห้องปิดล็อกสนิทแล้ว

“เธอกลัวฉันเหรอเด็กน้อย”

นาสูรเดินมาหยุดตรงหน้าปล่อยลมหายใจเป่ารดใบหน้านวลเนียนเปียกชื้นน้ำและเหงื่อของเธอให้แหงนเงยขึ้นสบดวงตาสีไฟลุกของตน เวลานี้สีตาของเขาเป็นปกติเพียงแต่มีคิ้วแบบยักษ์และเขี้ยวแบบยักษ์เท่านั้นเอง

“ฉันกลัว กลัวว่าคุณจะจับฉันกิน คุณเป็นยักษ์จริงๆ เหรอคะ” เธอถามทั้งๆ ที่ครั้งก่อนก็ชัดเจนอยู่แล้ว

“ให้ฉันเปิดเผยหน้าที่แท้จริงให้ดูไหมล่ะ” เขาถามพร้อมกับโน้มลงไปบดจูบปากอวบอิ่มสั่นเทาของสาวเจ้าทันที

“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากของทั้งสอง แม้ใจหล่อนจะหวาดกลัว แต่เพียงแค่ปากหนาอุ่นร้อนของนาสูรทาบทับลงมาบดจูบ เธอก็แอ่นคอและเขย่งเท้าจูบตอบเขากลับ

“ฉันจะกินเธอได้ยังไงน้อง ฟังนะเด็กน้อยของฉัน ฉันเป็นยักษ์ แต่ใช่ว่าฉันจะไม่เหมือนมนุษย์อย่างพวกเธอ ฉันแค่มีรูปร่างหน้าตาและชอบกินเนื้อสดๆ แต่ฉันไม่กินเนื้อมนุษย์จำไว้ ฉันมีฟาร์มและมีโรงฆ่าสัตว์ของตัวเอง อาหารของฉันมีมากมายเด็กน้อย”

เมื่อผละปากออกมาก็เอ่ยอธิบายให้หล่อนคลายความหวาดกลัว และเหมือนมันจะได้ผล เมื่อเห็นแววตาของเธอที่เปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ ก่อนหน้านี้มันเต็มไปด้วยความกลัว แต่ตอนนี้มันกลับมีความสงสัยและอยากรู้เข้ามาแทนที่

แข้งขาของหล่อนอ่อนแรงเมื่อนาสูรผละจูบออก รู้สึกเสียดาย เพราะเธออยากได้มากกว่านี้ ปากบวมเจ่อขึ้นมาทันทีพร้อมกับดวงตาพร่ามัวไปด้วยไฟสวาท ปากน้อยอวบอิ่มของพุดซ้อนเม้มแน่นพร้อมแหงนเงยหน้าขึ้นสบดวงตาที่ทรงเสน่ห์ของเขา ยอมรับในหลายวันที่ผ่านมากลัวเขาพอได้รู้ตัวตนที่แท้จริง แต่พอได้อยู่ในวงแขนแข็งแรงกลับรู้สึกให้ความปลอดภัยและอบอุ่น

“คุณจะไม่กินฉันใช่ไหมคะ?” พุดซ้อนถามย้ำเสียงแผ่ว

“ไม่...เด็กน้อย” นาสูรบอกตอบกลับเสียงหนักแน่น

“แล้วเราสองคนจะยังไงต่อคะ?” เธอถามเพราะอยากรู้ถึงสถานะตัวเองกับคนตัวโต

“แล้วอยากเป็นอะไรล่ะ ไอ้ฉันเองก็อายุหนึ่งพันสามร้อยปีแล้ว” เขาบอกถึงอายุจริงของเขาให้กับหล่อนฟัง

“มะ...แม่เจ้า...คุณแก่ขนาดนี้เลยเหรอคะ แล้วทำไมผิวหน้าตาถึงหนุ่มแน่น”

มือน้อยยกขึ้นไปลูบไล้จับหน้าของเขาบิดบี้ไปมาเพื่อมองให้ชัดๆ ว่าผิวของเขานั้นดีมากไม่ได้เหี่ยวย่นตามวัยแม้แต่น้อย

“ใช่...ฉันแก่มากแล้ว แต่ฉันก็ยังหนุ่มแน่นอย่างที่เธอเห็นยังไงล่ะน้อง ว่ายังไง ยังกลัวฉันอยู่ไหม หรือว่ายังกลัวฉันอยู่เด็กดีของฉัน”

เขาลูบแก้มนวลเนียนของหล่อนไปมาพร้อมกับเชยคางมนให้หล่อนแหงนเงยขึ้นสบตาตนอีกครั้ง ตอนนี้ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต

“สวย ฉันชอบสีตาสีเขียวมรกตของคุณ มันแปลกตาดี ส่วนกลัวไหม บอกไม่ได้หรอกว่ากลัวไม่กลัว เพราะคุณไม่ใช่มนุษย์ คุณเป็นยักษ์ และใครจะเชื่อว่าในโลกของเราจะยังมียักษ์หลงเหลืออยู่ แล้วคุณพาทีล่ะคะ เขาเป็นเหมือนคุณรึเปล่า” เธอถามถึงคนสนิทของเขา

“อือ...พาทีก็เป็นแบบฉันเด็กน้อย และโปรดอย่ากลัวฉันเลยน้อง ฉันไม่เคยกินมนุษย์มาก่อน และไม่คิดจะกินด้วย สิ่งที่ฉันกินก็มีแต่สัตว์ในฟาร์มเท่านั้นแหละ”

เขาบอกเสียงทุ้มพร่าเมื่อตอนนี้กลิ่นกายหอมๆ ของสาวเจ้านั้นช่างยั่วยวนเหลือเกิน ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ไปบำเพ็ญเพียรเขาต้องทนกับความทรมานกลางหว่างขา เพราะมันเฝ้าร้องแต่คิดถึงความฉ่ำแฉะคับแน่นของหล่อน นาสูรยกอุ้มร่างเล็กแล้วพาไปนั่งยังโต๊ะทำงานที่โล่งเตียนของตัวเอง

“อะ...อุ้มฉันมาทำไม และอย่านะ ที่นี่ห้องทำงาน และฉันก็ไม่ อ่ะ...อื้อ”

ยังพูดไม่ทันสุดความดี ปากหนาอุ่นร้อนของนาสูรก็ทาบทับบดขยี้ลงมายังกลีบปากอวบอิ่มของเธออีกครั้ง พุดซ้อนแหงนเงยหน้าจูบตอบปากอุ่นร้อนของชายหนุ่มพร้อมกับปล่อยให้เขาสอดเรียวลิ้นเข้ามาควานกินความหวานตวัดเกี่ยวรั้งเรียวลิ้นเล็กตัวเองไปมาในโพรงปากอย่างดูดดื่ม

“อ่ะ...อื้อ” เสียงครางกระเส่าดังลอดออกมาบอกได้ชัดว่าหล่อนไม่ขัดขืนหรือต่อต้าน แถมตอบสนองเขาดีเหลือเกิน ตลอดหนึ่งอาทิตย์ไม่เจอกัน เขารู้ว่าพุดซ้อนเองก็โหยหาสัมผัสเช่นนี้จากเขา นาสูรไม่รอช้าจะจัดการถอดกางเกงยีนส์ขายาวของเจ้าหล่อนที่ใส่ทำงานออก และเสื้อยืดกับเสื้อคลุมลายสก๊อตของเธอด้วย เพียงเวลาไม่นานสาวน้อยก็เหลือแต่ร่างกึ่งเปลือยบนโต๊ะทำงาน ตอนนี้หญิงสาวกำลังแอ่นเด้งไหวยกร่างขึ้นหาแรงเสียดสีจากเขา มือใหญ่หยาบกร้านของนาสูรกอบกุมสองเต้าที่ยังมียกทรงปกปิดอยู่ ก่อนจะโอบกอดไปด้านหลังเพื่อปลดตะขอยกทรงออกทิ้งไปให้พ้นมือ และตามด้วยกางเกงชั้นในตัวน้อยเช่นกัน

“อ่า...อื้อ” นึกว่าจะขาดอากาศหายใจตายเสียแล้วสำหรับพุดซ้อน แต่พอได้รับอิสระก็ต้องนั่งตัวเกร็งเมื่อเห็นว่าตอนนี้ตัวเองนั่งเปลือยบนโต๊ะทำงานของเขา ส่วนเขายังมีเสื้อผ้าครบ เขามันร้ายจริงๆ สมแล้วที่ไม่ใช่มนุษย์อย่างพวกเธอ

“ทะ...ทำไมคุณทำแบบนี้” เธอถามเขาเสียงสั่น

“ฉันหิว”

เขาตอบสั้นๆ แล้วปลดกระดุมกางเกงสแล็คที่ตัวเองใส่อยู่ออกพร้อมกับรูดซิปแล้วดึงรั้งกางเกงลงไปกองไว้ที่ข้อเท้า ก่อนจะยกเท้าถอดออกพร้อมกับกางเกงบ็อกเซอร์สีขาวที่ใส่อยู่เช่นกัน ส่วนเสื้อเชิ้ตสีดำก็ถูกถอดออกตามมาติดๆ

“นี่ห้องทำงานนะ” หล่อนรู้ว่าเขาหิวอะไร เพราะเขาถอดเสื้อผ้า

“ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอกน้อง ตอนนี้มันเป็นเวลาของเราสองคน อย่ากลัวฉัน ยอมรับในสิ่งที่ฉันเป็นได้ไหม” นาสูรคาดหวังเหลือเกินให้พุดซ้อนยอมรับตัวตนที่แท้จริงของตนเอง อยากให้เธอชอบและชื่นชมในรูปลักษณ์ที่แท้จริงของตนเองไม่ใช่หวาดกลัวจนตกใจเป็นลมเหมือนครั้งก่อนหน้านี้

“ฉันบอกไม่ได้หรอกนะว่ายอมรับได้ แต่ยอมรับว่ายังมีความกลัวในตัวคุณอยู่ แต่ก็ไม่ได้มากเหมือนครั้งก่อนที่คุณให้เห็นหน้าที่แท้จริง” เธอบอกเขาพร้อมกับมองร่างสูงใหญ่ย่อตัวคุกเข่ากับพื้น เธองงไม่เข้าใจเขาคุกเข่าทำไม แต่แล้วก็ได้รู้เมื่อเขาจับเรียวขาของเธอแยกกางออกแล้วซุกหน้ามายังความเป็นสาว

“อ่ะ...อื้อ ยะ...อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ คุณนาสูร อ่ะ...อ่อย” มือเล็กจับหัวไหล่ของเขาแน่นพร้อมพยายามดันให้เขาผละตัวถอยห่าง แต่เหมือนว่าลิ้นของนาสูรจะทำตรงข้าม เขาสอดแทรกเรียวลิ้นถูไถตามความเป็นสาวของเธอ และยิ่งไปกว่านั้นเธอร้อนรุ่มต้องการให้เขาสอดเร่าเข้าออก

“อ่ะ...อื้อ พะ...พอก่อนได้ไหมคะ อ่า...อื้อ” เธอบอกให้เขาหยุด แต่เขาไม่ยอมหยุด นาสูรเคลื่อนไล้ปลายลิ้นสากตัวเองไปตามกลีบสวาทอวบฉ่ำแฉะของเจ้าหล่อน พร้อมขบเม้มดูดเร่าเม็ดเกสรกลางหว่างขาไปด้วย

“อ่า...อย่าห้ามฉันน้อง ฉันหิว ฉันบอกแล้วไงว่าฉันหิว อ่า...หอมและหวานเหลือเกิน น้ำของเธอเหนียวหนึบดีมากเด็กน้อย อ่า...อืม”

นาสูรผละหน้าออกมาเงยหน้าขึ้นบอกเจ้าของหว่างขาฉ่ำแฉะที่นั่งอ่อนปวกเปียกบนโต๊ะทำงานของตัวเอง เขามองริมฝีปากอวบอิ่มและใบหน้าชื้นเหงื่อของเธอแล้วก็น่าเอ็นดูเหลือเกิน มือใหญ่ทั้งสองที่ดันโคนขาของหล่อนแยกกว้างนั้นก็จับเรียวขาทั้งสองมาพาดไหล่หนาตัวเอง ส่วนมือน้อยที่จับหัวไหล่เขาก็เปลี่ยนไปจับขอบโต๊ะทำงานแน่นแทน

“ผ่อนคลายไปกับฉันน้อง ปล่อยตัวให้ฉันได้ลิ้มรสหวานของเธอเด็กน้อย อ่า...รู้ไหมฉันคิดถึงเธอมากแค่ไหนหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ฉันทรมานมากดูสิ ดูฉันสิ แค่ได้เสียดสีสัมผัสเธอแค่นี้มันก็ตื่นพร้อมจะกระแทกเธอแล้ว” เขาบอกเสียงพร่าพร้อมก้มต่ำมองความใหญ่โตอลังการตัวเองกลางหว่างขาที่มันเหยียดตัวขยายท่อนลำอวบใหญ่เพื่อจะเข้าไปกระแทกหนักหน่วงในความคับแน่นของเจ้าหล่อน

‘อ่า! มันใหญ่ขนาดนี้ ฉันไม่อยากเชื่อว่าครั้งก่อนๆ ฉันรอดมาได้ ใหญ่และเต็มไปด้วยเส้นเลือด เนี่ยสินะ องคชาตของผู้ชาย’ หล่อนโอดครวญในใจ และเหมือนทุกครั้งเขาตอบความคิดเธอกลับมาทั้งๆ ที่ไม่ได้พูด นี่สินะ ความสามารถพิเศษของเขา

“มันทำให้เธอมีความสุข เธอเองก็รู้นี่น้อง ทุกครั้งมันไม่ทำให้เธอตาย แต่มันทำให้เธอร้องสนุกและสุขสมไปกับมันเด็กน้อยของฉัน เธอโอบกอดมันได้เต็มตัวเลยแหละ...หึหึ”

“เลิกอ่านความคิดฉันได้ไหมคุณนาสูร ฉันอาย”

“ก็เลิกคิดในใจสักทีสิจะได้ไม่อาย ไปกันต่อเถอะ ไม่ไหวแล้ว หิวจะลงแดงตายอยู่แล้วเด็กดีของฉัน”

แล้วนาสูรก็ก้มหน้าลงไปซุกซบกับความเป็นสาวฉ่ำแฉะของหล่อนอีกครั้ง พร้อมกับนิ้วแกร่งของเขาดุนดันสอดเร่าเข้าออกในโพรงสวาทคับแน่น ยิ่งสอดลึกภายในหล่อนยิ่งตอดรัดคลึงหนักหน่วง เอวเล็กคอดเหมือนรู้งาน เจ้าตัวนั่นแหละรู้งานและหัวไวจับขอบโต๊ะยกร่างตัวเองขึ้นตอบสนอง เรียวขาเล็กที่พาดบนไหล่หนาก็เกี่ยวตวัดกอดลำคอหนาเขาแน่นด้วยกลัวว่าขาทั้งสองจะตกลงพื้น

“โอว์...หวานเหลือเกิน อืม...”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel