บทที่ 3 ไม่เคยพอ
บทที่ 3
ไม่เคยพอ
เย่เจียวหั่วพลันผละกายออกจากมือเล็ก แล้วจับแก่นกายของตนถูไถที่ร่องหวานที่บัดนี้มีน้ำหวานไหลเยิ้มออกมา เขาไม่ได้เร่งรีบเพราะรู้ดีว่าครั้งแรกของสตรีจะเจ็บมาก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมให้กับนาง
ปลายหัวหยักถูไถที่ปากทางคับแคบ เพียงแค่หัวของมันแทรกดันไปที่ร่องรักอ่อนนุ่ม ร่างระหงพลันผวาด้วยความเจ็บปวด สะโพกมนขยับกายถอยหนี แต่มือหนากลับจับตรึงเอาไว้แน่น
“อื้อ...เจ็บ เจ็บมาก”
น้ำตาสีใสพลันไหลรินจากหางตาคมหวาน
เย่เจียวหั่วเห็นเช่นนั้นก็อดจะสงสารนางไม่ได้ เขาเองก็ปวดหนึบจนจะระเบิด แต่เพราะไม่อยากกระทำตัวราวกับสัตว์ป่าจึงไม่ได้ดุนดันเข้าไป เพื่อลดอาการเกร็งจากคนใต้ร่าง มือหนาจึงเอื้อมไปบีบเคล้นที่เต้าอวบ ทั้งยังก้มหน้าไปจูบซับที่กรอบใบหน้างามที่มีเม็ดเหงื่อผุดพรายออกมา ริมฝีปากหนาไล้จูบไปทั่วใบหน้า ตั้งแต่เปลือกตางาม จมูกโด่ง แก้มขาวเนียนใส ก่อนจะหยุดที่ริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอออกมา
“ข้าจะทำเบา ๆ ฮูหยินเชื่อใจข้านะ”
ใบหน้าคมกระซิบที่ใบหูเล็กพร้อมกับงับติ่งหูเล่นอย่างหยอกเย้า
เมื่อเห็นว่านางเริ่มปรับอารมณ์และเริ่มมัวเมาไปกับสัมผัสของเขา ร่างสูงจึงส่งแท่งหยกร้อนเข้าไปในโพรงอ่อนนุ่มกะทันหัน จนคนใต้ร่างร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด สายตาคมหวานมองคนบนร่างด้วยความขุ่นเคือง
อะไรคือบอกจะทำเบา ๆ กัน เมื่อครู่นี้กระแทกเข้ามาเต็มแรงมิใช่หรือไร
เย่เจียวหั่วอดจะหัวเราะไม่ได้ เมื่อเห็นใบหน้างามมองค้อนเขาเช่นนั้น
“ฮูหยินโปรดอย่าเคือง เดี๋ยวข้าจะพาเจ้าไปแตะขอบสวรรค์แล้ว”
เอ่ยจบร่างสูงก็ขยับสะโพกสอบเข้าหาโพรงอ่อนนุ่ม จากคราแรกเป็นจังหวะเนิบนาบแต่กระแทกกระทั้นโดนจุดเสียวกระสันของอีกฝ่าย จนเรียกเสียงครางหวานที่ดังขึ้นไม่ขาดสาย
ความรู้สึกคับแน่นจากช่วงท้องจึงทำให้ร่างระหงจิกเล็บไปที่บ่ากว้างของชายหนุ่ม สะโพกกลมกลึงกระดกขึ้นรับการกระแทกจากอีกฝ่าย
มุมปากสูงกระตุกยิ้มด้วยความพอใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนจังหวะเป็นรัวเร็ว ทั้งยังดุเดือดจนร่างระหงโยกคลอนไปมาตามจังหวะการนำของชายหนุ่ม สายตาคมมองเห็นหน้าอกอิ่มที่กระเพื่อมขึ้นลงไปมาจึงอดใจไม่ไหว ก้มหน้าลงไปคลอเคลียและดูดดึงผิวเนื้อขาวผ่องจนขึ้นรอยแดง
เย่เจียวหั่วเป็นผู้ชักนำหญิงสาวให้คล้อยตามไปกับเขา ไม่ว่าเขาจะเร่งจังหวะเป็นรัวเร็วหรือเนิบช้า หญิงสาวก็จะขยับสะโพกตามมาเสมอ นี่ยิ่งสร้างความสุขให้กับเขา ราวกับทั้งสองกำลังประลองกระบี่กัน โดยมีความสุขสมเป็นการเดิมพัน!!
ร่างทั้งสองกอดก่ายกันไปมา เรียวขายาวกอดก่ายสะโพกสอบที่กระแทกส่วนนั้นเข้ามาที่ร่องรักของนางอย่างไม่ออมแรง จากที่เจ็บปวดคราแรก ตอนนี้นางกลับพบความหฤหรรษ์ของการร่วมรัก ทั่วทั้งกายสาวเสียดเสียวทรมานแต่ก็มีความรู้สึกซาบซ่านเช่นกัน
ความรู้สึกแปลกใหม่นี้ ช่างทำให้นางกำลังรู้สึกสุขสมราวกับจะขาดใจตาย
“อ่า...ฮูหยิน ข้าใกล้แล้ว”
ใบหน้าคมเงยหน้าขึ้นครางเสียงแหบพร่า กล้ามท้องหดตัวเกร็งแน่น เมื่อเขาใกล้จะเสร็จสม
“อ่า...ข้า ข้าก็จะเสร็จแล้ว...”
ห่าวเยว่เล่อเองก็คล้ายรู้สึกช่วงล่างของนางกระตุกเกร็งถี่ยิบ ร่างของนางกระตุกถี่ ๆ จนในที่สุดก็เสร็จสมไปพร้อมกับคนบนร่าง แท่งหยกร้อนฉีดพ่นน้ำรักสีขาวขุ่นเข้าไปที่โพรงอ่อนนุ่มทุกหยาดหยด ร่างระหงเองก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นร้อนที่เข้ามาในร่างกายของนาง
เย่เจียวหั่วซบใบหน้าที่หน้าอกนุ่มนิ่มของหญิงสาว เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของทั้งคู่ดังประสานกันทั่วห้องหอ ตัวตนของชายหนุ่มยังคงฝังที่ร่องรักของนาง
“อื้อ...หนัก” เสียงหวานร้องประท้วงกับความอึดอัด
“หึ...”
ร่างสูงหัวเราะขำพลางลุกขึ้นออกจากร่างที่หอมกรุ่น หยาดเหงื่อเกาะพราวทั่วร่างของทั้งสองจนเหนียวเหนอะหนะ
ห่าวเยว่เล่อพรูลมหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหอบ นางรีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมกาย แล้วนอนคว่ำหน้าในทันที บัดนี้ใบหน้าของนางเห่อร้อนกับความสุขที่ได้รับเป็นครั้งแรก
ทั้งที่นางเพียงนอนนิ่งและตอบรับสัมผัสของเขาเท่านั้น แต่ร่างกายตรงใจกลางกายสาวกลับเจ็บร้าวระบมราวกับร่างถูกฉีกทึ้ง ความปวดหน่วงแล่นพล่านไปทั่วกลีบดอกไม้งาม แม้ไม่ได้ก้มหน้าไปดูก็รู้ว่าตอนนี้ดอกไม้งามของนางคงจะบวมช้ำน่าดู
เขาช่างรุนแรงนัก ร่างกายทั้งใหญ่โตถึงเพียงนี้ ยังโหมแรงกระหน่ำมาที่ร่องรักของนางไม่หยุดหย่อน...บุรุษผู้นี้ช่างร้อนแรงยิ่ง!
เย่เจียวหั่วรู้สึกสุขสมจนยากจะพรรณนาได้ เขาเองก็เป็นบุรุษวัยฉกรรจ์ที่อายุอานามก็ปาไป 25 ปีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีฮูหยินข้างกาย หากต้องการปลดปล่อยอารมณ์กำหนัดก็แค่ไปที่หอโคมแดงอันขึ้นชื่อของเมืองเจียว
จ่ายเงินค่าตัวหญิงคณิกาแล้วสุขสมกับนางเพียงชั่วข้ามคืน จากนั้นต่างคนก็ต่างแยกย้าย ไม่ต้องผูกมัดซึ่งกันและกัน ชีวิตที่แขวนอยู่บนเส้นด้ายบนสนามรบทำให้เขาไม่อยากจะมีสตรีข้างกาย
แต่เหมือนสวรรค์ไม่เป็นใจ ฮ่องเต้จึงได้ส่งสตรีบรรณาการมาเป็นฮูหยินให้แก่เขา ใจของเขายังคงคลางแคลงใจในตัวของนาง แต่บทรักเมื่อครู่นี้กลับทำให้ในโพลงอกเต้นกระหน่ำราวกับกลองศึกในสนามรบ
หากเขาบอกว่าเขายังไม่อิ่ม ยังอยากจะกลืนกินนางอีกสักหลาย ๆ รอบ นางก็คงจะไม่ว่าอะไรกระมัง เพราะถึงอย่างไรนางก็แต่งเป็นฮูหยินให้กับเขาแล้ว
สามีว่าอย่างไร ภรรยาก็ต้องว่าอย่างนั้นสินะ
ฝ่ามือหนาเลื่อนมาลูบไล้ที่แผ่นหลังเล็กขาวเนียน กายสาวสะดุ้งเฮือกด้วยความตื่นตระหนก
“ท่านโหว! ข้าไม่ไหวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหวานเอ่ยระโหยโรยแรง
ใบหน้างามหันมาเอ่ยห้ามชายหนุ่ม แต่เมื่อสบตาที่ร้อนแรงนั้น ขนกายของนางกลับขนลุกซู่ด้วยความเสียวสะท้าน
“ฮูหยินแค่นอนเฉย ๆ เท่านั้น ที่เหลือข้าจัดเอง”
เขายอมรับว่าตอนนี้เขาเสพติดกับร่างกายของห่าวเยว่เล่อ ไม่ว่าส่วนใดเขาก็ชมชอบทั้งสิ้น ริมฝีปากหยักกดจูบที่แผ่นหลังเล็กที่ชื้นเหงื่อ ฝ่ามือหนาเอื้อมไปกอบกุมหน้าอกนิ่มหยุ่นที่มันใหญ่เสียจนล้นมือของเขา
“อื้อ...ท่านโหว ข้า อ่า...”
ห่าวเยว่เล่อผงกหน้าร้องครางเสียงหวาน
จะให้นางนอนนิ่ง ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อเขาเล่นมาแตะต้องร่างกายของนางเช่นนี้ หญิงสาวจึงพลิกกายหันกลับมา แล้วเป็นฝ่ายคล้องแขนที่ลำคอหนาให้ก้มหน้ามาจุมพิตที่ริมฝีปากของนาง
ลิ้นเล็กสอดแทรกเข้าไปที่โพรงปากอุ่นของเขาอย่างเงอะงะ แต่นั่นกลับยิ่งสร้างความเสียวซ่านให้กับชายหนุ่ม
“อ่า...ฮูหยิน เจ้าช่างร้อนแรงนัก”
“หึ เพราะท่านโหวต่างหากเล่า”
ทั้งสองถอนริมฝีปากแล้วจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร
ห่าวเยว่เล่อเองก็ไม่ยอมให้เขามารังแกนางเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นนางจะสู้กับเขาจนสุดแรง
เย่เจียวหั่วยกยิ้มมุมปาก เขาชอบสายตาไม่ยอมคนของนางนัก มันทำให้ใจของเขาคันยุบยิบ และยังปลุกสัญชาตญาณแห่งนักล่าที่หลับใหลให้ตื่นขึ้นมา
หากตอนนี้เขาเป็นราชสีห์ นางก็คงเป็นลูกแมวน้อยที่พยายามใช้กรงเล็กขู่เขาฟ่อ ๆ ยิ่งคิดเย่เจียวหั่วก็รู้สึกอารมณ์พลุ่งพล่าน
เขาขึ้นคร่อมทับที่ร่างขาวผ่องที่มีรอยแดงที่เขาทำไว้เต็มไปหมดทั่วร่างกาย ร่างสูงจับขาเรียวเล็กมาพาดที่บ่ากว้าง แล้วจับแท่งหยกดุนดันเข้าไปในร่องรักอันแสนอ่อนนุ่มของนาง
“อ๊ะ จุก!”
“อ่า...ท่านี้มันลึกจริง ๆ ฮูหยิน” เสียงทุ้มเข้มร้องครางกระเส่าเมื่ออารมณ์พุ่งทะยาน
เขารีบเร่งจังหวะกระแทกแก่นกายเข้าไปที่โพรงอ่อนนุ่มครั้งแล้วครั้งเล่า เสียงครางหวานกับเสียงทุ้มต่ำดังสอดประสาน พร้อมกับเสียงดังลามกที่ดังฉ่ำแฉะไปทั่วห้องหอ
กว่าพายุอารมณ์ของเย่เจียวหั่วจะสงบลง ห่าวเยว่เล่อก็พลันหมดแรงจนสลบไสลทั้งอย่างนั้น เขากระตุกท่อนเอ็นปล่อยของเหลวสีขาวขุ่นในร่องรักของนางเป็นครั้งสุดท้าย แล้วจึงได้ถอนแก่นกายออกมา ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
เวลาผ่านไปราวหนึ่งเค่อ ร่างสูงจึงออกมาจากห้องอาบน้ำ เขายกยิ้มพอใจกับผลงานที่อยู่ตรงหน้า เจ้าสาวของเขานอนหมดแรงจนสลบไป เรือนกายขาวผ่องของนางมีร่องรอยจากที่เขาตีตราจองไว้แทบทุกส่วน
ผ้าปูเตียงสีแดงสดบัดนี้ยับยู่ยี่ราวกับผ่านสนามรบอย่างดุเดือด คราบน้ำกามสีขาวขุ่นไหลเปรอะเปื้อนไปทั่วผ้าปูเตียง มุมปากหยักยกโค้งก่อนจะช้อนตัวอุ้มฮูหยินของตนเข้ามาในวงแขนแข็งแรง แล้วเดินหายเข้าไปยังห้องอาบน้ำ
ก่อนหน้านี้เขาได้สั่งให้บ่าวรับใช้มาเปลี่ยนเป็นน้ำอุ่นให้แล้ว เขาวางร่างของหญิงสาวไปในถังอาบน้ำ หยิบผ้าขัดตัวมาเช็ดเนื้อตัวของหญิงสาวทุกซอกทุกมุม ร่างสูงต้องพยายามเก็บกดอารมณ์ของตนไม่ให้รังแกหญิงสาวอีกครั้ง
ห่าวเยว่เล่อสะลึมสะลือปรือตาฉ่ำน้ำขึ้นมามอง เมื่อสัมผัสได้กับสายน้ำอันอบอุ่นเบาสบาย ร่างกายที่อ่อนแรงและเหนียวเหนอะหนะพลันรู้สึกสดชื่นขึ้น แววตาคมหวานทอดมองร่างสูงด้วยความฉงนกับความอ่อนโยนของเขา
“ถ้าฮูหยินยังจ้องข้าด้วยสายตาเช่นนี้ เกรงว่าเราคงได้ต่อกันอีกยกที่ห้องอาบน้ำเป็นแน่”
“ขะ ข้ามองท่านอย่างไรกัน” เสียงหวานเอ่ยตะกุกตะกัก พลันก้มหน้างุดด้วยความขัดเขิน
“ก็สายตาที่อยากจะจับข้ากลืนกินลงท้องอย่างไรเล่า”
“ข้าเปล่านะ” ห่าวเยว่เล่อเงยหน้าขึ้นสบแววตาคมกล้า
ผู้ใดอยากจะจับเขากินกัน มีแต่เขาที่จับนางกลืนลงท้องไปทั้งตัวเสียมากกว่า
ร่างสูงหัวเราะร่าด้วยความขบขัน “ฮ่าฮ่าฮ่า เวลาฮูหยินโมโหก็น่าเอ็นดูไม่น้อยเชียว”
“ท่านโหวช่างอารมณ์ขันเสียจริง ไม่ยักรู้ว่าท่านชมชอบกลั่นแกล้งสตรีเช่นข้าด้วย”
ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบที่ใบหูเล็ก ริมฝีปากหยักหนาปาดผ่านโดนแก้มเนียนใส
“จงดีใจเสียเถิด ที่ข้ากลั่นแกล้งฮูหยินเพียงผู้เดียว” ฝ่ามือหนาเอื้อมไปบีบคลึงที่ดอกบัวคู่งามอย่างหยอกเย้า “เสร็จแล้วล่ะ ฮูหยินลุกไหวหรือไม่”
ห่าวเยว่เล่ออับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว ท่านโหวที่ดูน่ากลัวและเป็นที่หวั่นเกรงของชาวแดนเหนือและชนเผ่าโดยรอบไปอยู่ที่ไหนกัน
เหตุใดนางจึงพบเพียงท่านโหว ผู้เป็นชายมากตัณหาราคะที่ชอบหยอกเย้ารังแกนางตลอดทั้งคืนกัน นี่คือท่านโหวตัวปลอมใช่หรือไม่?
นางรู้สึกสับสนไปหมดแล้ว!!