บทที่ 3 ผัวเธอ
เช้าวันใหม่ในชีวิตของผู้ชายอย่างดินที่มีพันธะติดตัวคือภรรยาแต่งและติดทะเบียนสมรสมาด้วย เขามองคนตัวเล็กที่หลับที่โต๊ะเครื่องแป้งแล้วดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งเอาบุหรี่ออกมาสูบในตอนเช้าให้สดชื่นก่อนจะอาบน้ำ เมื่อสูบบุหรี่หมดมวนแล้วเตยหอมก็ยังไม่ตื่น เขาก็ไม่คิดจะปลุก เพราะเขาเกลียดหล่อน แม้แต่ชื่อหรือพูดคุยด้วย แตะต้องเขาก็ไม่อยากจะแตะต้อง เขารังเกียจหล่อน
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จพร้อมเข้าไปในไร่โดยไม่สนใจจะปลุกภรรยา และเมื่อลับร่างใหญ่โตของดินไม่นาน เตยหอมก็รู้สึกตัวตื่น และรู้สึกปวดเมื่อยคอและหลังของตัวเอง แล้วมองไปยังรอบๆ ก็ไม่เห็นคนตัวโต และก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อมองดูเวลาในจอโทรศัพท์แล้วเป็นเวลาเจ็ดโมงกว่าแล้ว หล่อนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน แล้วหลับที่เก้าอี้ทั้งคืนเลยสินะ
“คนแล้งน้ำใจ จะปลุกหรืออุ้มไปนอนบนเตียงหน่อยก็ไม่ได้” บ่นพึมพำให้สามี ก่อนจะลุกเดินไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อลงไปทานอาหารเช้า เพราะวันนี้พ่อกับแม่ของดินบอกว่าจะมาทานข้าวเช้าด้วย เตยหอมรีบจัดการกับตัวเองทันทีโดยไม่รีรอให้เสียเวลา
ดินเดินเข้ามาในห้องรับประทานอาหารเช้าของบ้านเหมือนในทุกๆ วันเพียงแต่ว่าวันนี้ดินแต่งงานมีภรรยาแล้ว แต่พอมาถึงก็เห็นพ่อกับแม่จอมบงการของตัวเองนั่งรอท่าอยู่แล้ว และท่านทั้งสองก็ส่งยิ้มมาให้เขาจนเขาแปลกใจ เพราะไม่เข้าใจในยิ้มที่แปลกไปของพ่อกับแม่ที่ส่งมาให้
“เมียเรายังไม่ลงมาเหรอตาดิน” มณีถามลูกชายพร้อมยกถ้วยน้ำชาขึ้นดื่ม
“เมียที่แม่กับพ่อยัดเยียดให้ผมน่ะเหรอครับ ผมไม่นับเป็นเมียหรอก ผู้หญิงที่ขายตัวแลกเงิน อีกอย่างผมเกลียดเธอ” เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วน เพราะเขาถูกท่านทั้งสองบังคับให้แต่งงาน ที่ยอมแต่งงานเพราะพ่อกับแม่ขู่จะยกทรัพย์สมบัติที่ควรเป็นของเขาให้กับเตยหอมให้หมด เขาจึงต้องแต่งงานอย่างเลี่ยงไม่ได้เพื่อรักษาสมบัติของตัวเอง
“แต่งไปแล้วจะอะไรนักหนาเจ้าดิน หนูเตยหอมก็ออกจะน่ารักอ่อนหวาน” แดนเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะมองไปยังทางเข้ามาในห้องรับประทานอาหารก็เห็นลูกชายตัวดีของตัวเองอีกคนเดินมาด้วยสภาพอิดโรยเหมือนคนไม่ได้หลับได้นอน
“ไปอดหลับอดนอนมาจากไหนเจ้าลม” แดนถามลูกชายคนเล็กของตนเองเมื่อมองสภาพแล้วเขาแทบอยากเดินไปลากคอเสื้อไปส่องกระจกดูสภาพตัวเองจริงๆ
“งานแต่งงานพี่ดินเนี่ยแหละครับพ่อ แล้วนี่มาเรือนหอพี่ดินทำไมแต่เช้าครับ พ่อกับแม่ไม่คิดว่าพี่ดินกับพี่สะใภ้จะอยากหวานกันเหรอครับ” ลมเอ่ยพลางดึงเก้าอี้ตัวข้างๆ พี่ชายออกมานั่ง
“แล้วแกล่ะเจ้าลม มาทำไมแต่เช้า” แดนถามลูกชายกลับบ้าง
“ผมยังไม่ได้กลับตั้งแต่เมื่อวานครับ แล้วนี่พี่สะใภ้ไปไหนพี่ดิน ไม่ใช่จัดหนักจนพี่สะใภ้ลุกไม่ได้นะครับพี่”
“เชิญทุกคนกินให้อิ่มนะครับ ส่วนผมจะไปกินกับคนงานในไร่” ดินเอ่ยจบก็ลุกขึ้นเดินจากไป บ้านที่เคยอยู่คนเดียว บ้านที่เคยเป็นส่วนตัวท่ามกลางสวนสตรอว์เบอร์รีที่เขารัก ตอนนี้มันเริ่มไม่สงบเหมือนเดิมแล้ว เพราะมีเตยหอมเข้ามาทำให้วุ่นวาย และพ่อแม่น้องชายของเขาตามมาสร้างความน่ารำคาญให้เขาไม่รู้จักจบจักสิ้น
“แม่อยากอุ้มหลาน ดินจะทำให้แม่ได้ใช่ไหมลูก” มณีเอ่ยไล่หลังลูกชายไปด้วยน้ำเสียงที่ดังและจริงจัง เงียบไม่มีเสียงโต้ตอบกลับมา แต่มีใครอีกคนเดินสวนกับดินเข้ามาก็คือลูกสะใภ้ของนางนั่นเองที่เดินยิ้มหวานส่งมาให้ก่อนที่จะเดินมาถึงโต๊ะทานข้าว และพอมาถึงเตยหอมก็ยกมือไหว้นางและสามีพร้อมกับเอ่ยทักทายลมในตอนท้าย
“นั่งสิลูก แล้วเรื่องหลานของแม่พอจะมีแววไหมหนูเตยหอม” มณีถามถึงสิ่งต้องการสำคัญในข้อตกลงทันที
“ยังเลยค่ะคุณมณี” เตยหอมตอบอายๆ เมื่อเห็นว่านั่งอยู่ตรงนี้มีแดนกับลมนั่งอยู่ด้วย
“แม่จ้ะ เรียกแม่ได้แล้ว หนูเป็นลูกสะใภ้ของพวกเรานะ อีกอย่างแม่กับพ่อเชื่อว่าหนูเตยหอมต้องทำได้” มณีเอ่ยให้กำลังใจลูกสะใภ้แล้วเธอก็พยักหน้าตอบรับพร้อมยิ้มแห้งๆ ให้ท่านอย่างไม่มั่นใจในตัวเอง เพราะเมื่อคืนที่ปะทะฝีปากกัน หล่อนก็เหนื่อยและกลัวเขาเหลือเกิน แต่ต้องกัดฟันสู้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองในบ้านหลังนี้
“แม่ครับให้พี่สะใภ้กินข้าวก่อนสิครับ ดูเหมือนจะเพลียๆ นะครับเช้านี้” ลมเอ่ยแทรกขึ้นพร้อมกับกวักมือเรียกเด็กรับใช้มาตักข้าวให้ทุกคนบนโต๊ะอาหารเพื่อจะได้ทานมื้อเช้าด้วยกัน
“นั่นสิ เดี๋ยวหลังมื้อเช้าแม่กับพ่อขอคุยกับหนูเตยหอมด้วยนะจ๊ะที่ห้องนั่งเล่น ส่วนตาลมกลับไปอาบน้ำพักผ่อนที่บ้านด้วย แล้วเข้าไปดูงานในโรงเลื่อยของเราด้วยล่ะ ตอนนี้พี่ดินของเราแต่งงานแล้ว เขาต้องดูแลพี่สะใภ้ไม่มีเวลาไปช่วยงานลูกอีกแล้วนะ” นางเห็นด้วยกับคำพูดลูกชาย และตอนนี้ก็เวลาทานข้าวด้วยไม่ควรพูดเรื่องเครียดๆ ตอนนี้
“ครับแม่ ผมจะตั้งใจทำงานให้ดีที่สุด” ลมรับปากกับผู้เป็นแม่ ก่อนจะตักอาหารตรงหน้าเอาใจพี่สะใภ้ “ทานเยอะๆ นะครับพี่สะใภ้ ผมอยากอุ้มหลานแล้วครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เตยหอมขอบคุณน้องชายของสามียิ้มๆ ก่อนจะเริ่มตักอาหารให้พ่อกับแม่สามีและน้องชายสามีกลับอย่างเอาใจทุกคน โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้มีสายตาอีกคู่ที่หลบมุมแอบมองมายังทั้งสี่คนที่กำลังทานมื้อเช้ากันด้วยเสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะ