EP 4 | บังเอิญอีกครั้ง
Rrrr Rrrr~
สายเรียกเข้า 087594xxxx
“สวัสดีค่ะ”
ฉันกดรับสายโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงงัวเงียเล็กน้อย ใครโทรมาหาฉันแต่เช้ากันนะถ้าเป็นมิจฉาชีพละก็แม่จะด่าให้
“สวัสดีค่ะ ขอเรียนสายคุณเจนิส แม็กซ์ วัลดัลค่ะ”
“กำลังพูดสายค่ะ”
“ดิฉันติดต่อจากโรงเรียนสเกลเมเจอร์นะคะ”
อ่อ! โรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนสอนพิเศษสำหรับเด็กๆ ที่สนใจในด้านดนตรีหรือว่าศิลปะ ฉันเคยยื่นเรซูเม่ไปเมื่อเดือนที่แล้วคิดว่าเขารับคุณครูสอนศิลปะเด็กไปแล้วเสียอีก
“มีตำแหน่งว่างแล้วเหรอคะ”
“ถ้าตำแหน่งคุณครูภายในโรงเรียนตอนนี้ยังเต็มอยู่เลยค่ะ แต่พอดีมีผู้ปกครองสนใจหาคุณครูสอนพิเศษวิชาศิลปะที่บ้านทุกวันเสาร์ค่ะ ไม่ทราบว่าทางคุณเจนิสสะดวกมั้ยคะ”
สอนพิเศษที่บ้านทุกวันเสาร์เหรอ? เท่ากับหนึ่งเดือนทำงานแค่สี่วันเองน่ะสิ น่าสนใจอยู่นะ
“สอนเด็กกี่คนเหรอคะ”
“แค่คนเดียวค่ะ นักเรียนเป็นเด็กผู้หญิงอายุสามขวบกว่าๆ ค่ะ”
แค่คนเดียวแถมยังเป็นเด็กผู้หญิงด้วยแบบนี้ฉันรับมือสบายมากเลยล่ะ
“พอจะมีรายละเอียดอื่นๆ มั้ยคะ เช่น....ค่าจ้าง”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดค่ะเพราะฉันกำลังจะย้ายออกจากบ้าน ต้องมั่นใจว่างานจะสามารถทำให้ฉันมีรายได้ในการจ่ายค่าเช่าห้องได้
“ทางผู้ปกครองของน้องอยากให้คุณเจนิสเข้าไปคุยรายละเอียดกับเขาที่บริษัทค่ะ ไม่ทราบว่าวันนี้คุณเจนิสสะดวกมั้ยคะ”
“บริษัทอะไรคะ”
“บริษัทแคสเซียนแอร์ไลน์ค่ะ”
แคสเซียนแอร์ไลน์!
มันคือบริษัทที่พี่เจสันทำงานอยู่นี่นา ฉันจะไม่บังเอิญไปเจอเขาที่บริษัทหรอกเหรอ ฉันไม่อยากเห็นแม้แต่หน้าของเขาด้วยซ้ำ
“ผู้ปกครองของน้องเป็นเจ้าของบริษัทแคสเซียนแอร์ไลน์ค่ะ”
“คะ?”
เจ้าของบริษัทเลยเหรอ?
“ถ้าวันนี้คุณเจนิสสะดวกทางโรงเรียนจะได้ทำการนัดเวลาให้ค่ะ”
เอาวะ! ลองดูก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไร
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
หลังจากที่วางสายจากทางโรงเรียนฉันก็รีบลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวทันที วันนี้ฉันเลือกใส่ชุดเดรสสีขาวและสวมเบลเซอร์สีชมพูอ่อนเพื่อให้ดูเป็นทางการขึ้นมาหน่อย ก็ต้องติดต่อกับนักธุรกิจนี่เนาะ
โชคดีมากที่วันนี้เขาว่างและสะดวกให้ฉันเข้าไปที่บริษัทได้เลยหลังจากเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยฉันก็นั่งรถแท็กซี่ไปที่บริษัทแคสเซียนแอร์ไลน์ทันที ได้ยินชื่อเสียงของครอบครัวนี้มานานคราวนี้จะได้เจอตัวจริงเสียที
“ถึงแล้วครับ”
“ขอบคุณนะคะ”
ฉันยื่นเงินค่าโดยสารให้โชเฟอร์แล้วเปิดประตูลงจากรถพลางแหงนขึ้นมองตึกที่อยู่ตรงหน้า หรูหราหมาเห่าสุดๆ!
อาคารนี่มีกี่ชั้นกันนะทำไมถึงได้สูงเสียดฟ้าขนาดนี้แถมป้ายบริษัทขนาดใหญ่หน้าอาคารก็ยังสะท้อนแสงแดดวาววับ ยืนยันได้เป็นอย่างดีเลยว่าฉันไม่ได้มาผิดที่แน่นอน
เมื่อเดินเข้าไปในบริษัทก็เจอกับเคาน์เตอร์ของแผนกประชาสัมพันธ์ตั้งโดดเด่นไว้สำหรับผู้ที่ต้องการมาแลกบัตรเพื่อทำการติดต่อแผนกต่างๆ ด้านบนตึก
“ติดต่อคุณฟาริคค่ะ”
ฉันเดินเข้าไปแจ้งชื่อคนที่ต้องการติดต่อตามที่โรงเรียนบอกเอาไว้ ซึ่งทางโรงเรียนแจ้งว่าคุณฟาริคน่ะเป็นเลขาส่วนตัวของเจ้าของบริษัท
“ไม่ทราบว่าชื่อคุณอะไรคะ”
“เจนิสค่ะ เจนิส แม็กซ์ วัลดัล”
ทันทีที่ฉันเอ่ยบอกชื่อของตัวเองสายตาของพนักงานประชาสัมพันธ์ทั้งสองคนก็เปลี่ยนไป พวกเธอมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าพลางยกยิ้มมุมปาก
ทำไมถึงมองฉันแบบนั้น?
“รอสักครู่นะคะ”
พนักงานประชาสัมพันธ์พูดพลางกดโทรศัพท์หาใครบางคน เธอพูดเสียงเบาราวกับกลัวว่าฉันจะได้ยินแต่ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว อยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ
“ตามดิฉันมาทางนี้เลยค่ะ”
วางสายโทรศัพท์เสร็จเรียบร้อยผู้หญิงคนนั้นก็เดินนำฉันไปที่ลิฟต์ด้านหลังซึ่งไม่ใช่ลิฟต์ตัวเดียวกับที่พนักงานคนอื่นๆ กำลังใช้งานอยู่
“ขึ้นไปถึงชั้นบนสุด ห้องท่านประธานจะอยู่สุดทางค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
ฉันเดินเข้าไปยืนในลิฟต์พลางเอ่ยขอบคุณแต่ผู้หญิงคนนั้นก็ยังไม่วายส่งยิ้มเหยียดมาให้ฉัน เป็นอะไรมากป่ะ?
สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสติตัวเองกลับมาอีกครั้ง ฉันจะทำหน้าหงุดหงิดหรือมีอารมณ์ขุ่นมัวในใจไม่ได้ คนที่พบเจออาจจะสัมผัสได้
ติ๊ง!
ทันทีที่ประตูลิฟต์เปิดออกฉันก็เผลออ้าปากค้างเพราะว่ามีบอดี้การ์ดชุดดำยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์สองคนและกระจายตามจุดต่างๆ เกือบยี่สิบคนทั่วทั้งชั้น
โอ๊ยยย! แกลืมไปได้ยังไงยัยเจนิสว่า ‘แคสเซียน’ เป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลมากที่สุดในเมืองบาเลนเซียนแถมพวกเขายังเป็นมาเฟียอีกด้วย นี่ฉันกำลังจะเป็นคุณครูให้กับลูกหลานมาเฟียเหรอเนี้ย
“เชิญที่ห้องท่านครับ”
บอดี้การ์ดที่ยืนอยู่หน้าประตูลิฟต์เอ่ยบอก พวกเขาน่าจะรู้อยู่แล้วล่ะว่าฉันมาหาใคร แต่ฉันก็ไม่แน่ใจหรอกนะว่าคนที่คุยกับฉันคือคุณฟาริคอะไรนั่นหรือเปล่า
แถมบอดี้การ์ดยังไม่ได้เดินตามมาส่งฉันด้วยนะคะ เขาแค่ผายมือนำทางแล้วก็ปล่อยให้ฉันเดินไปเอง ทุกคนยืนนิ่งราวกับหุ่นยนต์แน่ะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ประตูห้องสุดท้ายซึ่งคิดว่าคงเป็นห้องของประธานบริษัทไม่ผิดแน่เพราะหน้าห้องติดป้ายตำแหน่งเอาไว้ว่า ‘ประธานกรรมการบริหาร’ แต่สิ่งที่ทำให้ฉันชะงักกลับเป็นชื่อที่เขียนอยู่ข้างใต้ตำแหน่งต่างหาก
‘ธีโอ แกริค เรนเดล’
คงไม่ใช่ ธีโอ เดียวกันหรอกมั่ง โลกคงไม่กลมขนาดนั้น
“เชิญครับ”
เสียงคุ้นหูดังออกมาจากในห้อง ทำให้มือของฉันที่ยืนจับลูกบิดประตูอยู่กลับไม่กล้าเปิดเข้าไป หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
เป็นอะไรของแกเนี้ย ใจเย็นๆ สิยัยเจนิส แกมาคุยเรื่องงาน งาน งาน เท่านั้น!
ฉันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้งแล้วเปิดประตูห้องทำงานของประธานบริษัทเข้าไป ภาพตรงหน้าคือโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้อง เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ คุมโทนด้วยสีสว่างสะอาดและสบายตา ฉากข้างหลังเป็นผนังกระจกสูงจรดเพดานทำให้เห็นวิวก้อนเมฆสีขาวที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า
ผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรกำลังนั่งก้มหน้าก้มตาเซ็นเอกสารบนโต๊ะทำงานของเขา จากมุมที่ฉันเห็นยิ่งทำให้เขาดูเหมือนเทวดาที่กำลังอยู่บนสวรรค์เข้าไปใหญ่
ฉันตายแล้วขึ้นมาเจอเทวดาบนสวรรค์หรือเปล่าเนี้ย
“อ้าว! หนูมาได้ไงคะ”
เสียงของคุณธีโอเอ่ยขึ้นเรียกสติที่กำลังฟุ้งซ่านของฉันกลับมาอีกครั้ง ใช่ค่ะ! เขาคือคุณธีโอเดียวกันที่ฉันเพิ่งเจอเมื่อวานที่คอนโด
ตอนนี้ฉันไม่แปลกใจแล้วล่ะว่าทำไมเขาถึงได้พูด ‘คะขา’ ได้ถนัดปากสุดๆ ก็คุณธีโอหัวหน้ากลุ่มแคสเซียนน่ะชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้ของเขาร่ำลือกันจะตาย
“สวัสดีค่ะคุณธีโอ ฉันเป็นคุณครูสอนพิเศษที่ทางโรงเรียนสเกลเมเจอร์ติดต่อมาค่ะ”
ฉันโค้งคำนับก่อนจะรีบแนะนำตัวตามมารยาท ท่าทางของเขาก็ดูตกใจไม่น้อยที่เจอฉัน ไม่คิดว่าเราจะบังเอิญเจอกันสองวันติดเลยเหมือนกัน
“เคยบอกไปแล้วไงคะว่าให้เรียกพี่ หนูเป็นเด็กดื้อเหรอคะ^^”
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
เต้นช้าๆ ช้ากว่านี้หน่อยลูก~
ความจริงฉันอยากจะยกมือขึ้นลูบหน้าอกข้างซ้ายของตัวเองด้วยซ้ำแต่เขาคงจะรู้ทันแน่ๆ เก็บอาการเอาไว้ก่อนยัยเจนิส
คุณธีโอวางปากกาของเขาลงบนโต๊ะทำงานก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินไปนั่งลงตรงโซฟารับแขก
“เรานั่งคุยกันดีมั้ยคะ”
“ได้ค่ะ”
ฉันเดินตามไปนั่งบนโซฟาอีกตัวที่ตั้งอยู่ข้างๆ กัน คุณธีโออมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะขยับตัวมานั่งปลายโซฟา จากที่ฉันตั้งใจเว้นระยะห่างเอาไว้เขาก็หล่นระยะลงมาให้เรานั่งใกล้กันกว่าเดิม