EP 3 | ไม่ชอบมาพากล
Special Part
“ติดต่อนายหน้าห้องฝั่งตรงข้าม บอกว่ากูจะซื้อ”
ธีโอเอ่ยสั่งฟาริคบอดี้การ์ดที่ควบตำแหน่งเลขาของเขาโดยที่เจ้าตัวยังคงยืนยิ้มอยู่คนเดียวพลางนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เด็กผู้หญิงคนนั้น...น่ารักชะมัด
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงล๊อบบี้คอนโดไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ธีโอเดินเข้ามาพร้อมกับบอดี้การ์ดของเขา สายตาคมมองเห็นหญิงสาวกำลังก้มหน้าก้มตาเดินกดโทรศัพท์ตรงมายังเขา ใบหน้าจิ้มลิ้มน่าฟัดของเธอทำให้มาเฟียหนุ่มเลือกที่จะเดินเข้าไปให้เธอชน
กลิ่นหอมแอมเบอร์อ่อนๆ ทำให้มาเฟียหนุ่มฉายาคาสโนว่ารู้ได้ทันทีว่าเธอคงจะใช้น้ำหอมยี่ห้อ Chanel กลิ่น coco mademoiselle แน่ๆ ผิวเนียนนุ่มที่เขาได้ฉวยโอกาสสัมผัสเพียงครู่เดียวแต่กลับปลุกเร้าอารมณ์บางอย่างได้เร็วจนไม่น่าเชื่อ
เขาเลือกที่จะถ่วงเวลาตรงนั้นเอาไว้เล็กน้อยเพื่อให้กล้องวงจรปิดของคอนโดสามารถจับใบหน้าของเธอได้ หลังจากนั้นค่อยสั่งให้ลูกน้องไปเอาภาพตามสืบว่าเธอคือใคร
แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ พระเจ้าจะส่งให้เธอเดินตามขึ้นมาหาเขาถึงที่ห้องกัน สวรรค์เข้าข้างเขาชัดๆ
“แล้วห้องนี้ล่ะครับ”
“ซื้อทั้งสองห้อง”
“ครับ”
“จัดการเอกสารให้เร็วที่สุด แล้วบอกนายหน้าให้ทำยังไงก็ได้ให้ผู้หญิงคนนั้นยอมเช่าห้องตรงข้าม”
“ครับนาย”
เฟริครับคำโดยไม่เอ่ยถามใดๆ เพราะรู้จักนิสัยของเจ้านายตัวเองดี มาเฟียหนุ่มชอบเห่อของใหม่เป็นพักๆ ช่วงที่สนใจอะไรก็จะหมกมุ่นอยู่กับสิ่งนั้นแต่ถ้าหมดความสนใจเมื่อไหร่ก็เขี่ยทิ้งราวกับขยะ
และที่สำคัญเขาดันเป็นคนขี้เบื่อเสียด้วยสิ
ฉายาคาสโนว่าของมาเฟียหนุ่มไม่ใช่ได้มาเพราะคบผู้หญิงหลายคนหรือคบซ้อนครั้งและเยอะๆ แต่เพราะความขี้เบื่อจึงทำให้เขาเปลี่ยนคู่ควงบ่อย บ่อยจนแทบจะไม่กินซ้ำสองกับใครเลยก็ว่าได้
••××××ו•
ฉันกลับมาบ้านด้วยความหงุดหงิด จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงในเมื่อห้องที่ฉันไปดูเอาไว้ คุณเจไดบอกว่าเขาใส่ราคาลงในประกาศผิด!
เลขศูนย์หายไปหนึ่งตัว!
จากห้าพันจึงกลายเป็นห้าหมื่น!
บ้าไปแล้ว ฉันจะไปมีปัญญาเช่าห้องแพงๆ ขนาดนั้นได้ยังไง สงสัยคงจะต้องหาห้องเช่าใหม่พร้อมกับหางานทำไปด้วย
ฉันเรียนจบคุณครูปฐมวัยค่ะ ฉันรักเด็กเวลาเห็นรอยยิ้มที่น่ารักสดใสของพวกเขาแล้วทำให้ฉันอดยิ้มตามไม่ได้ มันดูเป็นความสุขที่ออกมาจากหัวใจของพวกเขาจริงๆ
และฉันก็มีอาชีพเสริมคืองานรับวาดรูปด้วยค่ะ ซึ่งรูปที่วาดจะเป็นรูปภาพปกนิยายลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นนักเขียนอิสระหรือบางครั้งก็มาจากสำนักพิมพ์ค่ะ
Rrrr Rrrr
สายเรียกเข้า ‘คุณเจได’
โทรมาทำไมอีกล่ะเนี้ย! หรือว่าอาจจะมีห้องอื่นแนะนำ
“สวัสดีค่ะคุณเจได”
“สวัสดีครับคุณเจนิส ไม่ทราบว่ายังสนใจห้องที่เราไปดูกันวันนี้อยู่มั้ยครับ”
“ห้องน่ะสนใจแต่ค่าเช่าขนาดนั้นฉันคงสู้ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ”
“ผมคุยกับทางเจ้าของห้องให้แล้วครับ ทางเขายินดีที่จะลดค่าเช่าห้องให้คุณเจนิสตามราคาที่ต้องการครับ”
“คะ! OoO”
ลดให้ตามราคาที่ฉันต้องการหมายถึงยอมตัดเลขศูนย์ตัวนั้นทิ้งไปน่ะเหรอ เจ้าของห้องยังสติดีอยู่หรือเปล่า?
“ถ้าคุณเจนิสสนใจพรุ่งนี้ผมนัดเซ็นสัญญาได้เลยนะครับ”
“เอ่อ...ทำไมจู่ๆ เขาถึงยอมลดให้ล่ะคะ ราคามันต่างกันเยอะมากเลยนะ”
จากหลักหมื่นเหลือแค่หลักพันเลยนะเรื่องมันดูไม่ชอบมาพากลยังไงก็ไม่รู้
“คือมันเกิดจากความผิดพลาดของผมเองครับ ทางเจ้าของห้องเขาตั้งใจจะตั้งราคาตามที่ผมลงประกาศไปจริงๆ”
เสียงของคุณเจไดเริ่มกระอักกระอ่วนแปลกๆ เมื่อเช้าบอกว่าราคาที่โพสลงผิดตอนนี้มาบอกว่าตัวเองเข้าใจผิด
“ไว้ถ้าฉันตัดสินใจได้จะติดต่อกลับไปแล้วกันค่ะ”
ติ๊ด!
ฉันกดวางสายไปแล้วแต่ก็ยังนั่งมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น พยายามคิดหาเหตุผลว่าถ้าคุณเจไดจะมาหลอกฉัน เขาจะหลอกไปเพื่ออะไรเขาคือคนที่เสียผลประโยชน์นะ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูหน้าห้องเรียกสติฉันกลับมาอีกครั้งและคนที่ยืนยิ้มหวานอยู่หลังประตูก็ไม่ใช่ใครที่ไหนค่ะ พี่สาวของฉันเอง
“วันนี้ไปสัมภาษณ์งานมาเป็นยังไงบ้าง”
จริงสิ! ฉันบอกพี่เฟรยาว่าออกไปสัมภาษณ์งานนี่เกือบลืมไปแล้วนะเนี้ย
“ก็ดีค่ะกำลังรอเค้าติดต่อกลับมาก่อน”
“ช่วงนี้เราได้คุยกับแม่บ้างหรือเปล่า พี่ติดต่อแม่ไม่ได้มาเกือบอาทิตย์แล้ว”
ฉันหลีกทางให้พี่เฟรยาเดินเข้ามานั่งในห้องเพราะดูเหมือนว่าเรื่องนี้น่าจะคุยกันยาว ฉันไม่ค่อยได้คุยกับแม่สักเท่าไหร่ คุยกันได้ไม่กี่คำก็ตีกันทุกทีส่วนใหญ่จะรู้ข่าวคราวของแม่ผ่านพี่เฟรยาเสียมากกว่า
“พี่ก็รู้ว่าหนูไม่ได้ค่อยได้คุยกับแม่”
พี่เฟรยาทิ้งตัวลงนั่งบนเตียงพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ ฉันคิดว่าคงจะมีเรื่องให้หนักใจมากกว่าแค่ติดต่อแม่ไม่ได้
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ล่าสุดที่แม่โทรหาพี่ เค้าโทรมาของยืมเงิน”
“ห๊ะ?”
ไหนบอกว่าสามีใหม่รวยหนักรวยหนาเปย์ไม่อั้นแม้วันมามาก-_-’ ทำไมถึงได้โทรมาขอยืมเงินล่ะ สายเปย์ของแม่หายไปไหนแล้ว
“เขาบอกว่าธุรกิจของสามีใหม่ติดปัญหานิดหน่อยทำให้หมุนเงินไม่ทันก็เลยโทรมายืมเงินพี่”
“นิดหน่อยนี่เท่าไหร่คะ”
เพราะถ้านิดหน่อยจริงๆ อย่างพี่เฟรยาคงไม่มานั่งถอนหายใจอยู่แบบนี้หรอก
“ก็...ห้าล้าน”
“ห้าล้าน! ไม่หน่อยแล้วมั่ง”
“เบาๆ สิเดี๋ยวพี่เจสันได้ยิน”
พี่เฟรยาเอ็ดฉันเบาๆ ราวกับกลัวว่าสามีของเธอจะผ่านมาได้ยินจริงๆ ถ้าเขาจะได้ยินก็ต้องสิงอยู่หน้าประตูห้องฉันแล้วล่ะ
“เฮ้อออ~ แล้วพี่บอกแม่ไปว่าไงล่ะ”
“ก็ไม่ได้รับปากอะไร พี่บอกไปว่าไม่มีเงินตั้งห้าล้านพี่จะหามาจากไหน”
“งั้นสรุปง่ายๆ เลยนะ ที่แม่ไม่รับสายพี่ก็คงเป็นเพราะเค้าโกรธที่พี่ไม่ให้ยืมเงินนั่นแหละ”
แน่นอนว่าเรื่องแบบนี้แม่ไม่โทรหาฉันหรอกเพราะฉันเพิ่งเรียนจบ งานก็ยังไม่ได้ทำเลยฉันจะเอาเงินจากที่ไหนมาให้แม่ล่ะ เงินไม่ใช่น้อยๆ ด้วยนะตั้งห้าล้าน
“เฮ้ออ~”
พี่เฟรยาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง พี่สาวฉันเป็นคนหัวอ่อนแถมยังขี้ใจอ่อนอีกด้วยค่ะ
“อย่านอยด์ไปเลยนะ เราทำดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แล้วพี่สาวคนสวยของหนู”
ฉันโน้มตัวลงไปกอดพี่สาวอย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาอ้อนอยากจะได้อะไรหรือบางครั้งก็ต้องการให้กำลังใจ ในเมื่อเรามีกันอยู่แค่สองคนนี่เนาะอะไรที่จะทำให้พี่สาวของฉันมีความสุขได้ฉันก็พร้อมจะทำนั่นแหละ
“โตเป็นสาวแล้วก็ยังชอบทำตัวเป็นเด็กอยู่เรื่อยเลย”
“โตเป็นสาวอะไรกัน หนูเพิ่งยี่สิบสองเองค่อยเป็นสาวตอนอายุสามสิบได้ป่ะ”
“ฮ่าๆ งั้นพี่ก็ยังไม่โตเป็นสาวเหมือนกันเพราะพี่อายุแค่ยี่สิบเจ็ดเอง”
“แต่มีสามีแล้วน้า~”
“สามีที่ไหน รูมเมทต่างหาก”
“ฮ่าๆ หนูจะฟ้องพี่เจสัน”
หลังจากนั้นเราก็นั่งพูดคุยเรื่องสัพเพเหระกันต่ออีกสักพักจนพี่เจสันเดินมาเคาะประตูเพื่อตามพี่เฟรยากลับห้อง แม้เขาจะมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนเดิมแต่ฉันก็เลือกที่จะมองผ่านอย่างไม่ใส่ใจ
ยังไงก็คงต้องย้ายออกจากที่นี่คือทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วล่ะ