Chapter 9 ไม่ชอบให้ใครขัดใจ
Chapter 9
ไม่ชอบให้ใครขัดใจ
“งั้นก็อยากต่อไป...เพราะฉันจะไม่ให้เธอกลับ”
ได้ยินแบบนั้นใจดวงน้อยก็สั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เพราะเธอเชื่อว่าคนอย่างบริกซ์ตั้นพูดจริงทำจริง บอกว่าไม่ให้กลับก็คงจะไม่ให้เธอกลับจริงๆ
แบบนี้เธอก็ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเพนท์เฮาส์หรูใจกลางนิวยอร์กต่อไปน่ะสิ ทั้งที่ไม่ได้อยากจะมีชีวิตอยู่ตรงนี้แท้ๆ
“แต่หนูเบื่อ คุณให้หนูอยู่แต่บนเพนท์เฮาส์ไม่มีอะไรให้ทำนอกจากโทรศัพท์เอาไว้ดูหนังกับฟังเพลงแล้วก็ทีวีโง่ๆ”
“เอาแต่ใจจริงนะ ทำไมนิสัยเธอไม่เหมือนคำบอกเล่าจากที่ได้ยินมาเลย...”
นั่นคือสิ่งที่บริกซ์ตั้นยังคงสงสัยเพราะได้ยินมาว่าแฟนสาวของไบรอันออกจะเรียบร้อย พูดน้อย ฐานะยากจน ถ่อมตัว
แต่สิ่งที่เพียงฟ้าเป็นมันไม่ใช่แบบนั้น มีความหวานสวยตามสไตล์สาวไทยเอเชียแท้แต่มีความเอาแต่ใจและหยิ่งทนงในตัวเอง กล้าลุย กล้าคิดซึ่งต่างจากสิ่งที่เขาได้ยินมา
“แล้วเธออยากจะทำอะไรล่ะ”
นั่นก็เป็นสิ่งที่เธอตอบไม่ถูกเพราะตลอดระยะเวลาสี่ปีที่มาเรียนที่นิวยอร์กก็ไปเที่ยวมาตั้งหลายที่แล้วทั้งเดินที่พิพิธภัณฑ์ห้างสรรพสินค้ารวมทั้งเมืองข้างเคียงเรียกได้ว่าใช้ชีวิตให้คุ้มสุดๆ
นั่นสินะ...แล้วตอนนี้เราอยากจะทำอะไรกันแน่นะ
เพียงฟ้าตั้งคำถามกับตัวเองเมื่อได้ยินสิ่งที่บริกซ์ตั้นถามขึ้นมา ชีวิตของเธอตอนนี้ก็ไม่มีอะไรเป็นพิเศษคิดแค่ว่ากลับบ้านไปทำงานกับพ่อแต่ก็ไม่ได้คิดต่อจากนั้นว่าชีวิตเธอในอีกยี่สิบปีสามสิบปีจะทำอะไร
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ รู้แค่ว่าไม่อยากอยู่ที่นี่ไม่อยากโดนขังเป็นนักโทษแบบนี้”
“แล้วหัวขโมยอย่างเธอมันจะไปต่างอะไรจากนักโทษล่ะเพียงฟ้า”
สำหรับบริกซ์ตั้นแล้วเพียงฟ้าก็เป็นแค่ผู้หญิงขี้ขโมยและหน้าเงินคนหนึ่งเท่านั้นไม่ได้มีความหมายไปมากกว่านี้ถึงแม้ว่าเขาจะติดใจร่างกายนุ่มนิ่มของสาวตัวเล็กตรงหน้านี้ก็เถอะ
“ฉันไม่ใช่แบบที่คุณคิดก็แล้วกัน”
“ถ้าเบื่อก็ชวนพวกบอดี้การ์ดหน้าห้องมานั่งเล่นเกมสิ”
ช่วงนี้เขายังไม่มีเวลาที่จะกวนใจหรือรังแกเธอทั้งจิตใจและร่างกายด้วยหน้าที่การงานที่กำลังจะนำเข้าอาวุธล็อตใหม่
“หนูไม่ใช่เด็กแล้วนะจะให้มานั่งเล่นเกมอยู่ได้ยังไง!!”
เวลาต่อมา
“โอ๊ย จอห์น! ฉันบอกนายแล้วใช่ไหมว่าให้บุกจะไปยืนโง่อยู่ตรงนั้นทำไม”
ดูเหมือนตอนนี้เพียงฟ้าจะได้ของเล่นใหม่เนื่องจากบริกซ์ตั้นมีธุระด่วนเข้ามาจึงรีบให้เธอทานดินเนอร์และให้บอดี้การ์ดพากลับมาส่งที่เพนท์เฮาส์สุดหรูและที่สำคัญยังสั่งให้ลูกน้องเฝ้าประตูอยู่สองคนส่วนอีกสามคนให้เข้ามาเล่นเกมกับเธอพร้อมทั้งยังใช้ลงเกมในไอแพดให้อีก
“คุณฟ้า! ผมเองก็พึ่งเคยเล่นเกมนี้ครับ”
จอห์นเกาหัวแกรกๆ ปกติก็มีหน้าที่แค่ดูแลมาเฟียและคอยปกป้องเจ้านาย ถ้าการยิงปืนในชีวิตจริงนั้นเขาถนัดมากเสียยิ่งกว่าอะไรแต่มาจับปืนเอเคสี่สิบเจ็ดในเกมแบบนี้บอกตามตรงว่าไม่ถนัดจริงๆ
“เชี่ยเอ๊ย! กูตายห่า แม่งติ๋มว่ะดักยิงไม่ยอมบุก!”
ลูกน้องคนที่สองนามว่าไมเคิลได้สบถขึ้นอย่างหัวเสีย
“เดี๋ยวกูไปชุบชีวิตมึงเอง คุณฟ้าหลบออกมาก่อน”
และลูกน้องคนที่สามเจเรมี่ ทั้งสามคนถูกแต่งตั้งให้มาเป็นคนคอยดูแลเพียงฟ้าและภายในเพนท์เฮาส์ตอนเย็นมีแม่บ้านผู้หญิงอยู่อีกสองคนซึ่งจะมาเช้าเย็นกลับ ส่วนบอดี้การ์ดก็จะอยู่จนกว่าเพียงฟ้าจะพอใจหากเธอต้องการอยู่คนเดียวทั้งสามคนก็จะออกไปในทันที
“โอ้ยหงุดหงิดๆๆ ไม่รู้แหละ! เจเรมี่นายบุกเลยนะถ้าเกมนี้ฉันแพ้แล้วล่ะก็ฉันจะเอาเรื่องนี้ไปฟ้องคุณบริกซ์ตั้นให้ไล่พวกนายออกให้หมดเลย”
“โถ่คุณฟ้า อย่าทำแบบนั้นเลยนะครับผมยังมีภาระข้างหลัง”
จอห์นที่เล่นตายคนแรกถึงกับหันมาทำหน้าตาปริบๆใส่เจ้านายสาวคนใหม่ที่พึ่งทำหน้าที่ดูแลเธอได้ไม่นาน
“เป็นลูกน้องมาเฟียประสาอะไรทำไมเล่นเกมยิงปืนได้โง่ขนาดนี้! ขืนเอาพวกนายมาปกป้องเป็นบอดี้การ์ดฉันได้โดนยิงแสกกบาลก่อนพอดี!”
“ถ้าของจริงนะไม่เหลือ...นี่มันเกมนี่หว่ามันไม่เหมือนปืนจริงสักหน่อยคุณฟ้า”
ไมเคิลที่โดนศัตรูคู่ตรงข้ามดักยิงในโกดังถังน้ำมันในเกมถึงกับหัวเสียเมื่อโดนสาวเอเชียตัวเล็กว่าเสียหมาแบบนั้น กว่าเขาจะมาเป็นบอร์ดี้การ์ดได้ก็ต้องผ่านอบรมหลักสูตรอย่างโหดเหี้ยม ฝีมือการยิงปืนนี่ไม่มีใครเทียบ
ทั้งสี่คนนั่งสุมหัวเล่นเกมจนตอนนี้ก็เป็นเวลาตีหนึ่งกว่าแล้ว
“เฮ้ย นายมา”
เจเรมี่ตะโกนบอกทั้งสามคนที่กำลังเล่นเกมอย่างจริงจังเนื่องจากประตูถูกเปิดขึ้นและคนที่ที่เดินเข้ามาก็คือบริกซ์ตั้น
“นี่!! เจเรมี่อย่าหยุดจริงสิเดี๋ยวก็แพ้หรอก!”
เพียงฟ้าหันไปตวาดเจเรมี่ที่เขาหันไปสนใจผู้เป็นเจ้านายอย่างบริกซ์ตั้น
ทั้งจอห์นไมเคิลและเจเรมี่มองหน้ากันว่าควรจะทำอย่างไรดี เวลานี้ควรจะรีบออกจากห้องเพราะเจ้านายกลับมาแล้ว
“ไม่เป็นไร...เล่นให้จบเกมก่อนก็ได้ เดี๋ยวกูอาบน้ำเสร็จพวกมึงก็ออกไปซะ”
“ครับนาย”
จอห์นขานตอบผู้เป็นเจ้านาย เขาให้เวลาเธอได้เล่นจนจบเกมนี้และไปอาบน้ำโดยใช้เวลาประมาณสิบนาทีบริกซ์ตั้นก็เดินออกมาในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวพร้อมกับผมที่เปียกโชก
เมื่อออกมาก็พบว่าลูกน้องทั้งสามคนออกไปจากเพนท์เฮาส์แล้วเหลือเพียงเพียงฟ้าที่นั่งทำหน้ามุ่ยอยู่บนโซฟาและเปิดทีวีอยู่ด้วย
“เป็นอะไรไปทำหน้าไม่พอใจ ก็ไหนบอกเบื่อฉันก็ให้ลูกน้องมาเล่นเกมเป็นเพื่อนแล้ว”
บริกซ์ตั้นเดินลงไปนั่งข้างหญิงสาวตัวเล็กอย่างเพียงฟ้า
“เล่นโง่ๆ หนูไม่รู้นะคะว่าคุณเอาเกณฑ์มาตรฐานอะไรมารับลูกน้องแต่ยิงปืนไม่เก่งสักคน พาทีมตายเกือบตลอดไม่รู้เป็นบอดี้การ์ดประสาอะไร”
“หึ ปืนในเกมกับของจริงมันเหมือนกันซะที่ไหน”
บริกซ์ตั้นเห็นท่าทางหัวร้อนของหญิงสาวก็ถึงกับแค่นขำหัวเราะในใจเบาๆ ให้เล่นเกมแก้เบื่อแค่แป๊บเดียวแต่ดูท่าสาวน้อยจะติดใจเกมยิงปืนของพวกผู้ชายซะแล้ว
“นั่นแหละ...ขืนให้เจ้าสามตัวนี้มาเป็นบอดี้การ์ดหนูถ้าคู่อริคุณมาหนูคงโดนยิงแสกกบาลก่อน คงไม่มีโอกาสได้กลับไปเจอหน้าพ่อหน้าแม่หรอกค่ะ”
เพียงแค่นึกก็ถึงกับเบ้หน้า ยิ่งเห็นท่าทางแบบนั้นก็ยิ่งทำให้บริกซ์ตั้นขำ
“ไอ้สามคนนั้นมันฝึกมาตั้งแต่เด็ก สกิลบอดี้การ์ดไม่มีใครเทียมทั้งยิงปืนต่อสู้มวยไทยเทควันโด ถ้ามันไม่เก่งในอเมริกาก็ไม่มีแก๊งค์ไหนเก่งแล้วล่ะ”
“ห่วยแตกที่สุด”
“เธอนี่มันขี้บ่นไม่มีใครเกิน อยากจะรู้จริงๆว่าไอ้ไบรอันมันไปตกหลุมรักเธอได้ยังไง ดูแล้วไม่เข้าข่ายสเปคของน้องชายฉันเลยสักนิด”
“เฮ้อ ก็บอกคุณไปกี่รอบก็ไม่เชื่อ หนูก็ขี้เกียจจะพูดแล้วล่ะค่ะ”
เธอนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟาพร้อมกับหยิบรีโมทเตรียมจะเปิดช่องอื่นเพราะรู้สึกว่าอะไรก็ขัดใจไปซะหมด
“นี่ ให้มันน้อยๆหน่อย จะสบายเกินไปแล้วนะแม่คุณ”
หญิงสาวดูทำตัวชิลเกินไปไร้ความรู้สึกผิดจากการที่ขโมยเครื่องเพชรประจำตะกูลเขาเอาไปขายให้กับแก๊งค์คู่อริอย่างลูคัส
“ก็มันเบื่อนี่คะ จะห้ามกันทุกอย่างเลยทีวีก็ไม่ให้ดูรึไง”
“ไม่ให้ดู...ทำอย่างอื่นกันดีกว่า”
บริกซ์ตั้นคว้ารีโมทในมือของเธอมาวางไว้ที่โต๊ะข้างโซฟา คนตัวใหญ่กระโดดขึ้นมาคร่อมร่างเล็กที่อยู่ในชุดนอนสีขาวแขนยาวกระโปรง
“เบาๆนะคะ...เมื่อวานที่คุณทำหนูแรงยังระบมไม่หายเลย”
“ก็บอกแล้วไงว่าอ่อนโยนกับใครไม่เป็น”
“งั้นเราก็จะไม่ทำกันค่ะวันนี้”
“เธอไม่มีสิทธิ์สั่งให้ฉันทำหรือไม่ทำ”
“...”
“ถ่างขาออกให้กว้างแล้วรอรับแรงกระแทกจากฉันก็พอ”