08 ตามหา
วันต่อมา
ฉันกับภากรและลูกน้องอีกสามสี่คนพากันเดินเข้ามายังสลัมแห่งหนึ่ง ซึ่งด้านในมันเละเทะมาก ทั้งกลิ่น ทั้งสถานที่เป็นอยู่มันสกปรกมากๆ เลย ไม่ใช่มีแค่ผู้ใหญ่อย่างเดียวนะ เด็กน้อยก็มีเช่นกัน
อะไรมันจะกันดารได้ขนาดนี้
“แน่ใจนะว่าเคยเห็นพ่อของฉันอยู่ที่นี่” ฉันแอบกระซิบถามนายภากร พร้อมกับสอดส่องสายตามองไปรอบๆ ตัวด้วยความหวาดระแวง ดีนะที่ฉันตัดสินใจยอมให้นายภากรพามา ถ้าฉันมาคนเดียวก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงเหมือนกัน
“ก็ลูกน้องฉันมันบอกแบบนั้น” เขาตอบ
ฉันบอกตามตรงเลยนะ ฉันไม่ได้เป็นคนกลัวอะไรมากมายหรอกแต่พอได้มาเจอแบบนี้ ฉันก็ไปไม่เป็นเหมือนกัน สายตาที่ทุกคนในนี้จับจ้องมองฉันมันเป็นสายตาที่ฉันเดาไม่ออกเลยว่าเขาต้องการอะไร
แต่ฉันก็เข้าใจนะว่าคนที่เขาอาศัยอยู่ที่นี่รู้สึกยังไง
“นะ นาย ทำไมพวกเค้ามองเราแปลกๆ”
“ไม่รู้สิ”
“….” หรือเป็นเพราะว่าพวกเราแต่งตัวแปลกกันนะ แต่ฉันก็ไม่ได้แต่งตัวใส่เสื้อผ้าแปลกอะไรขนาดนั้นนะ แค่กางเกงยีนส์ขายาวกับเสื้อยืดแค่นั้น สบายๆ ไม่ได้มากมายอะไร
กับพวกนายภากรก็ไม่ได้ดูแปลกอะไรแค่เน้นสีดำแค่นั้น
“เอ่อคุณลุงคะ รู้จักผู้ชายในรูปนี้มั้ยคะ” ฉันเดินเข้าไปหาลุงคนนึงที่ดูเหมือนกำลังก้มทำอะไรอยู่่ รูปที่ฉันยื่นให้คุณลุงดูเป็นรูปของพ่อสมัยยังหนุ่ม
ถ้าพ่อมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรกทุกคนน่าจะจำหน้าได้
“หน้าคุ้นๆ อยู่นะแม่หนู พ่อหนูชื่ออะไรล่ะ”
“ชื่อ ศรค่ะ ศรศักดิ์” ฉันตอบ
“อ๋อ ไอ้ศร มันพักอยู่ทางท้ายๆ สลัมโน่นแหละ มีบ้านอยู่หลังเดียวแหละ ไปตามหาดูเอาเถอะ ถามใครใครก็รู้จัก มันขี้เมา” แกบอกฉันก่อนจะหันไปทำงานของแกต่อ
“ขะ ขอบคุณมากนะคะคุณลุง”
ฉันรีบเดินไปยังท้ายสลัมตามที่คุณลุงบอก ด้วยความหวังที่จะเจอพ่อที่นั่น แต่พอไปถึงบ้านหลังสุดท้ายที่คุณลุงคนนั้นบอก กลับไม่เจอใครแม้แต่คนเดียว มันมืดเพราะแถวนี้ใกล้ป่า แถมไม่มีไฟฟ้าเลยด้วย
“พ่อไปไหน” ฉันทรุดนั่งลงกับพื้นพร้อมกับความเหนื่อยล้า ตามหามาทั่วสลัมทัั้งวัน พอจะเจอก็กลับไม่เจอ ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน ฉันอยากเจอพ่อ
“กลับก่อนเถอะ พรุ่งนี้ค่อยมาหาใหม่”
“ฉันอยากเจอพ่อ” มันน่าผิดหวังไหมล่ะอุตส่าห์มาถึงที่แล้ว ฉันคาดหวังไว้มากว่าจะเจอพ่อ แต่พ่อกลับไม่อยู่ไม่รู้ออกไปไหน ไม่มีใครรู้ส่วนใหญ่บอกว่าพ่อฉันจะออกไปข้างนอก นานๆ จะกลับมาสักที บางทีก็ลากยาวเป็นอาทิตย์ ไม่รู้ไปไหน
“เดี๋ยวเราก็ค่อยมาหาใหม่ก็ได้ พ่อเธอไม่หนีไปไหนหรอก เรารู้ที่อยู่แล้วนี่นา”
“อืม” ฉันยอมหันหลังเดินกลับไป เพราะตอนนี้ใกล้มืดแล้ว ไฟไม่มีสักดวงเลยคนแถวนี้อยู่กันยังไงนะ ไฟฟ้าไม่มีใช้กันแบบนี้
เวลาต่อมา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“โรสสิรินมากินข้าวสิ” เสียงของนายภากรดังเข้ามา
“ฉันไม่หิว นายกินไปเหอะ” ฉันตะโกนตอบออกไป จากนั้นก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมาอีกเลย
แต่ฉันก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะฉันไม่หิวจริงๆ
แกร้ก!
ประตูห้องของฉันถูกเปิดเข้ามา ซึ่งฉันต้องถอนหายใจวันละร้อยๆ รอบ เพราะการกระทำของผู้ชายคนนี้ เขาดูเหมือนจะเป็นสภาพบุรุษ แต่ก็ไม่ใช่
เขาชอบลำเส้นฉันไม่เคารพสิทธิส่วนบุคคล ถึงบ้านหลังนี้จะเป็นของเขาแล้วก็เหอะ แต่ยังไงฉันก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับสิทธิส่วนบุคคล
“อีกแล้วนะนายภากร” ฉันหันไปต่อว่าเขา
“ฉันเอาข้าวมาให้”
“ฉันบอกแล้วไงว่าไม่หิว!” พูดไม่รู้เรื่องรึไง ทำไมชอบทำแบบนี้เรื่อยเลย
“กินๆ ไปเถอะน่า พรุ่งนี้จะได้มีแรงไปตามหาพ่อของเธอต่อ”
“….”
“แล้วถ้าเธอเจอพ่อแล้ว เธอจะทำยังไงต่อ?”
“ฉันก็จะพาพ่อไปอยู่บ้านหลังใหม่ ส่งเงินให้พ่อใช้ทุกเดือนพ่อจะได้ไม่ต้องลำบาก อย่างน้อยฉันก็ได้ตอบแทนเลี้ยงดูพ่อที่พ่อเคยเลี้ยงดูฉันมา”
“กินข้าวก่อนสิแล้วค่อยพักผ่อน”
“เมื่อไหร่นายจะเลิกทำแบบนี้สักที”
“ทำอะไร?” เขาเลิกคิ้วถาม
“ก็ทำแบบนี้ไง เลิกเข้าออกห้องฉันแบบนี้สักที อย่างน้อยนายก็น่าจะให้สิทธิความเป็นส่วนตัวของคนอื่นบ้างนะ”
“ก็ฉันเคาะประตูเรียกเธอไปกินข้าวแล้วเธอไม่ยอมเปิดเองนี่นา”
“ฉันบอกไปแล้ว ว่าฉันไม่หิว!” ฉันเถียงกลับด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน จะบอกว่าไม่ได้ยินก็คงไม่ได้เพราะฉันตะโกนออกไปเสียงดังเลย ถ้าหูตึงก็ว่าไปอย่างแต่นี่ไม่ได้เป็นอะไรซักอย่างเดียว หูตาปกติดี
“ขอโทษ จะไม่ทำอีกแล้ว”
“ช่างมันเถอะ” ฉันตอบปัดๆ ไป เพราะไม่อยากดึงอะไรเข้ามาให้ปวดหัวเพิ่มอีกแล้ว “ฉันถามอะไรนายหน่อยสิ”
“ว่ามา”
“ทำไมถึงยอมช่วยฉันล่ะ?” นั่นสิฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเป็นนักสืบก็ว่าไปอย่างเพราะฉันยังจ่ายเงิน แต่นี่ฉันไม่ได้จ่ายเงินเลยด้วยซ้ำ
“ไม่รู้ คงเห็นใจมั้ง”
“อ๋อ”
“แล้วถ้าเจอพ่อแล้วเธอก็จะกลับแล้วเหรอ?”
“ฉันบอกกับแม่ว่าจะมาเที่ยวหาเพื่อนที่เมืองไทยสองเดือน พอครบกำหนดฉันก็คงต้องกลับนั่นแหละ”
“แล้วเธอจะมาที่นี่อีกหรือเปล่า”
“ถามทำไม?”
“ก็เปล๊า แค่อยากรู้เฉยๆ”
“นายอายุเท่าไหร่?”
“25”
“แก่กว่าฉันปีนึง”
“เธออายุ 24 ทำไมถึงไม่เรียกฉันพี่ล่ะ”
“ไม่เอา มันกระดากปาก” ฉันตอบ
คนที่ฉันเรียกพี่ก็มี แต่กับผู้ชายคนนี้ฉันมองว่าเป็นเพื่อนมากกว่า เพราะนายนี่กวนตีนฉันตั้งแต่แรกเห็นเลย อย่าหวังว่าฉันจะเคารพฝันไปเถอะ น้ำท่วมหลังอูฐเมื่อไหร่นั่นแหละฉันถึงจะยอมเรียกว่าพี่
“แล้วเธอทำงานอะไรอยู่ที่นั่น”
“บริษัทป๊า”
“ป๊า?”
“พ่อเลี้ยงของฉันเองนั่นแหละ ฮ่วย! จะถามอะไรเยอะแยะมากมายเนี่ย ออกไปจากห้องฉันได้แล้วอยู่นานเกินไปแล้วนะ ไม่ต้องมาตีเนียนเลย ฉันไม่ใช่ผู้หญิงใจง่ายเหมือนผู้หญิงที่นายเคยผ่านมาหรอกนะ” ฉันรู้สึกว่าผู้ชายคนนี้เริ่มเยอะ ดูเหมือนจะถามแบบเรื่องมากเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่อยากตอบแต่ไม่รู้ว่าจะตอบไปเพื่ออะไร เพราะมันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรอยู่แล้ว
“ฉันก็ไม่ได้ว่าเธอใจง่ายสักหน่อย”
“นั่นแหละ ออกไปได้แล้ว ฉันจะพักผ่อน”
“โอเคๆ ถ้าอย่างนั้นก็อย่าลืมกินข้าวนะ พรุ่งนี้เช้าเจอกัน”
“อืม” ฉันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะรีบเดินไปล็อคประตูหลังจากที่นายภากรเดินออกไปแล้ว หวังว่าจะไม่เปิดเข้ามาได้อีกนะ