ตื๊อครั้งที่ 4
บ้านอรัญศาล
“อร่อยมากค่ะ เนตรขอเพิ่มยำแซลมอนอีกหนึ่งที่ด้วยนะคะ ขอแล่แบบบาง ๆ น้ำยำจะได้ซึมเข้าเนื้อปลา” ยืนชี้นิ่วสั่งพี่เม่าแม่ครัวของโรงแรมที่ฉันยืมตัวมาทำอาหารพิเศษสุดพิเศษในวันนี้เพราะชื่นชอบการทำอาหารทุกชนิดของเธอที่ออกมาอร่อยทุกอย่าง
“วันนี้แขกท่านประธานมาเหรอคะทำไมคุณเนตรถึงจัดเต็มแบบนี้” พี่เม่าถาม มือเธอก็ตักนั่นหยิบนี่ใส่อาหารของเธออย่างชำนาญ
“คนพิเศษค่ะ”
“อ๋อ คนพิเศษของท่านประธาน คงจะยังหนุ่มอยู่นะคะ ทานแต่อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบแถมยังอาหารญี่ปุ่นซะส่วนใหญ่” ความช่างจ้อช่างคุยของพี่เม่านี่แหละที่ทำให้ฉันถูกใจเธอ
จำได้ว่าเคยกินอาหารที่โรงแรมแล้วถูกปากมากจนต้องเฟ้นหาว่าใครเป็นคนทำอาหารมื้อนั้นจนรู้จักเธอ เวลาที่ฉันอยากให้เธอทำของอร่อย ๆ ให้ทานก็มักจะไปที่โรงแรมแล้วชี้นิ้วสั่ง
อ้อ! ที่นี่มีแม่ครัวนะ แต่ฝีมือกลาง ๆ ไม่ถึงพี่เม่าสักคน เคยเสนอคุณพ่อให้จ้างพี่เขามาเป็นแม่ครัวที่นี่แต่คุณพ่อปฏิเสธไม่ยอมตามใจฉัน
“ใครบอกว่าคนพิเศษคุณพ่อคะ” ฉันไม่เฉลย แต่ต้องรีบบอกพี่เม่าไม่ให้เข้าใจผิด
“อ้าว ทำไมที่โรงแรมบอกว่าท่านประธานเป็นคนเรียกคะ”
ฉันเป็นคนขอร้องฝ่ายบุคคลเองแหละให้โกหกแบบนั้น
“ฝีมือเนตรเองค่ะ พี่เม่าไม่ต้องกลัวนะคะคุณพ่อไม่ว่าอะไรพี่หรอกค่ะ” รีบปลอบใจคนตรงหน้าที่เริ่มหน้าซีดมือสั่นเพราะกลัวถูกไล่ออกข้อหาหนีงานมาที่นี่
“ใช่ ฉันไม่ไล่ออกเพราะเธอถูกน้องสาวฉันหลอกมา”
“พี่น่าน!”
“รองประธาน สวัสดีค่ะ”
เข้ามาขัดจังหวะทำไม ดูสิแม่ครัวฉันยิ่งกลัวไปกันใหญ่แล้ว
“ใกล้เสร็จหรือยัง”
คนมาใหม่ไม่สนใจหัวน้องสาว เดินสามขุมเข้าไปทางพี่เม่าที่เอาแต่ก้มหน้าตัวสั่นอยู่มุมห้อง
“พี่น่านอย่ายุ่งกับแม่ครัวเนตร”
ฉันวิ่งเข้าไปขวางทางพี่ชายที่ทำเหมือนจะเดินไปต่อว่าพี่เม่า
“พี่ไม่ได้จะตำหนิคนอื่น แต่พี่จะให้เธอถอดผ้ากันเปื้อนแล้วกลับไปโรงแรม”
“ไม่ได้นะ เนตรยังต้องให้พี่เม่าทำอาหารอีกหลายอย่าง”
“ที่บ้านเราก็มีแม่ครัว”
“แต่พี่เม่าฝีมือดีกว่า”
“ทุกวันเรายังทานฝีมือป้านงค์ได้ไม่เห็นมีปัญหาอะไร”
ดูท่าแล้วพี่ชายฉันจะขัดแข้งขัดขาฉันตั้งแต่หัววันเลยนะ
“เอ่อ คือว่า...”
“ไม่ต้องพูดอะไร ไปบอกลุงทางไปส่งที่โรงแรม”
ทำไมพี่ชายฉันต้องบ้าอำนาจทั้งที่ทำงานและที่บ้านแบบนี้ด้วย
“เนตรไม่ให้กลับ!”
ฉันรีบกางมือขวางทางไม่ให้พี่เม่าออกจากห้องครัว
“ยัยเนตรอย่าเอาแต่ใจ”
“พี่น่านนั่นแหละเป็นอะไร แค่เนตรยืมตัวพนักงานมาแค่คนเดียวต้องหัวร้อนขนาดนี้”
“พี่ไม่ได้หัวร้อน แต่กฎก็คือกฎ ข้าวเม่าเป็นพนักงานที่โรงแรม เราไม่มีสิทธิ์เอาคนของโรงแรมออกมาใช้งานส่วนตัวในเวลางานโดยพลการ”
“เนตรก็เป็นรองประธานเหมือนกันนะ”
“เธอเป็นแค่รักษาการแทนรองประธาน แถมบริษัทยังไม่เคยเข้า อย่าทำเป็นรู้กฎดีกว่าพี่”
“พี่น่านหยวน ๆ ให้เนตรเถอะนะคะ”
รู้ว่าดึงดันเถียงต่อไปคนหัวแข็งอยู่ในกรอบระเบียบแบบพี่ชายฉันไม่ยอมใจอ่อนแน่
“แค่บนโต๊ะก็เยอะแล้ว เราทานกันแค่สามคน อย่ากินทิ้งกินขว้าง”
“พ่อกับแม่ล่ะคะ?” พอได้ยินว่าต้องทานข้าวกันแค่สามคนก็รีบถามหาผู้ให้กำเนิดทันที
“พ่อกับแม่ต้องบินไปลอนดอนหนึ่งสัปดาห์”
“ทำไมเนตรไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ฉันใช่ลูกสาวตระกูลอรัญศาลหรือเปล่าชักไม่แน่ใจ
“วัน ๆ หนึ่ง เราอยู่ให้ใครเจอหน้าบ้าง ไม่ออกไปตะลอนนอกบ้านก็ไปขลุกอยู่แต่กับเพื่อนดึก ๆ ดื่น ๆ ถึงกลับ”
“พ่อกับแม่โทร.บอกเนตรบ้างก็ได้”
“เราเคยรับโทรศัพท์พวกท่าน?”
อา... จะว่าไปก็จริง
ฉันไม่ค่อยรับสายพวกท่านยกเว้นเวลาเงินในบัญชีไม่พอหรือมีเรื่องให้ช่วย เพราะคิดว่ายังไงกลับมาเจอหน้ากันเดี๋ยวพวกท่านก็ถามไถ่เอง
“มองตัวเองด้วยนะ ทำตัวแบบนี้มันสมควรไหม”
ได้แต่ยืนกัดปากมองค้อนผู้ชายที่ยืนทำหน้ายักษ์ตรงหน้าเงียบ ๆ
“ไปเถอะ ลุงทางอยู่สวนหน้าบ้าน”
ด่าฉันโชว์พนักงานเสร็จค่อยบอกให้เธอออกไป ดีจริง ๆ พี่ชายฉัน
“ถ้าทำตัวไม่เอาอ่าวสักเรื่องก็เลิกพยายามตามตื๊อไอ้นาทได้แล้ว เพราะมันคงไม่ตาต่ำมามองผู้หญิงที่อนาคตต้องจิกหัวใช้แบบเราแน่ ๆ”
พี่น่านกำลังสั่งสอนฉัน ส่วนชื่อ ‘นาท’ ที่เขาเอ่ยก็คือพี่บุรินของฉันนั่นแหละ พวกเขาคบกันมาหลายปี เวลาขี้เกียจเรียกบุรินเพราะมันยาวเขาก็จะเรียกเพื่อนตัวเองว่านาทสั้น ๆ