ตื๊อครั้งที่ 5
“ถ้าอยากมัดใจมัน เราต้องเปลี่ยนตัวเองก่อน ทำตัวให้มีประโยชน์และอย่าใช้เงินแก้ปัญหา พี่เตือนเพราะเราเป็นน้อง ถ้าจะโกรธก็โกรธไป สักวันเราจะเข้าใจความเคร่งครัดของพี่เอง”
พี่น่านเดินออกไปจากห้องครัวแล้ว ตรงนี้ก็มีเพียงฉันที่ยืนอยู่คนเดียวเหมือนหมาหัวเน่า พ่อกับแม่ก็ทิ้งไปเมืองนอกไม่บอกไม่กล่าว พี่ชายก็ด่า ๆ เสร็จก็เดินออกไปไม่เห็นหัวฉัน อารมณ์ตอนนี้คือดิ่งลงเหวมาก ฉันผิดมากเลยเหรอแค่เอาตัวแม่ครัวของโรงแรมมาแบบนี้
“นี่แหนะ ๆ นี่แหนะ!”
ไม่รู้จะระบายกับอะไร เห็นมีดวางอยู่ใกล้ ๆ เลยหยิบมันขึ้นมาสับ ๆ บนเขียงเพื่อระบายอารมณ์อึดอัดแทน
“รอเนตรก่อนนะคะพี่บุริน คืนนี้เราคงยังไม่ได้เจอกัน”
โดนด่าขนาดนี้ฉันคงไม่อยู่ร่วมวงทานข้าวกับพี่ชายแท้ ๆ หรอก หนีไปหาที่จรรโลงใจที่อื่นอยู่ดีกว่า
ว่าแต่... บัตรถูกอายัติทุกใบแบบนี้เนตรน้ำทิพย์จะทำอย่างไรดี!
Naannatii’s part
ผมรู้ว่าผมเข้มงวดกับยัยเนตรเกินไป สิ่งที่ผมทำเมื่อกี้คงทำให้เธอเคืองมาก แต่ผมไม่อยากให้น้องสาวผมเสียคนไปมากกว่านี้ และเรื่องที่พ่อกับแม่ไปลอนดอนเป็นเรื่องด่วนที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อห้านาทีก่อนที่ผมจะเดินลงไปหายัยเนตรที่ห้องครัวเพื่อบอกข่าว แต่พอเห็นเธอเอาแต่ใจ ไปเอาตัวแม่ครัวของโรงแรมมาใช้งานส่วนตัวแบบนี้ผมเลยต้องสั่งสอนว่ามันไม่เหมาะสม พนักงานจะนินทาลับหลังเอาได้ ทุกอย่างผมทำเพื่อเธอคนเดียว
ติ๊ง!
ข้อความแชตเด้งขึ้น ผมมองเห็นแล้วว่าเป็นใคร แต่ตอนนี้ไม่ได้สนใจมือถือเครื่องหรู ลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่างเพื่อมองดูรถยุโรปคันหรูสีแดงเพลิงขับออกไปจากบ้าน
“สักวันน้องจะรู้ว่าพี่ทำเพื่อเรา”
ผมยอมเป็นพี่ชายใจร้ายในสายตาเธอ ถ้าหากทำให้น้องสาวผมคิดได้ขึ้นมาบ้าง เมื่อรถคันนั้นลับสายตา ผมเลยเดินกลับมาหยิบโทรศัพท์กดโทร.หาคนที่นัดกันวันนี้
“เปลี่ยนแผน ไปผับไอ้อาชากัน”
เสียงคนปลายสายจิ๊ปากอย่างหัวเสีย มันคงขับรถมาจวนจะถึงที่นี่แล้วไม่งั้นไม่แสดงอารมณ์เหมือนหงุดหงิดออกมา เนตรน้อเนตร ปลื้มเพื่อนผมคนนี้เพราะคิดว่ามันเป็นสุภาพบุรุษ ทั้ง ๆ ที่เธอไม่รู้เลยว่าทั้งกลุ่มของพวกเรา ‘บุรินนารถ’ คือผู้ชายที่น่ากลัวที่สุดแล้ว
[End part]
“คนบ้าอะไร ชั่วโมงก่อนยังนั่งร้องห่มร้องไห้เพราะถูกพี่ชายดุอยู่เลย” เสียงยัยนิ
“แบบนี้แหละเพื่อนหล่อน ยังไม่ชินอีกเหรอยะ” นัทจี้เสริม
“พามาดื่ม ไม่ได้พามาเผา” ฉันจิกกัดคืนก่อนจะยกแก้วค็อกเทลสีสวยขึ้นจิบเบา ๆ
“ถ้าจ้องขนาดนั้นไม่ขึ้นไปงาบพี่เขาบนนั้นเลยล่ะ”
ยัยนิเหมือนอ่านใจฉันได้ นางพูดหลังจากสังเกตเห็นฉันมองขึ้นไปบนชั้นสองที่เป็นโซนวีไอพีหลายต่อหลายรอบ
“ถ้าพี่น่านไม่อยู่ฉันขึ้นไปนานแล้ว”
“นี่ยังงอนพี่ชายแกอยู่อีกเหรอยัยเนตร”
“ฉันไม่ใช่แม่พระนะนิรมลที่ถูกหักหน้าต่อหน้าพนักงานแบบนั้นแล้วจะปล่อยผ่าน” พูดแล้วก็โมโห ขนาดขับรถมาระบายกับเพื่อนสองคนนี้เรื่องที่ถูกพี่น่านดุเมื่อเย็นแล้ว ก็ยังไม่หายจุกอกอยู่ดี
“แกมันเอาแต่ใจ พ่อแม่ตามใจมาตลอด โดนดุนิดเดียวเลยรับไม่ได้”
หันไปจิกตาใส่นัทจี้ที่นางพูดแทงใจดำ
“ดุได้ ด่าได้ ฉันไม่ว่าหรอกแก แต่ต้องไม่ใช่ข่มฉัน สั่งสอนฉันต่อหน้าพี่เม่าที่เป็นแค่พนักงานของโรงแรม”
ที่รับไม่ได้คือเรื่องนี้นี่แหละ
“หยวน ๆ พี่น่านสักครั้งเถอะแก”
“มาเป็นน้องสาวเขาแทนฉันไหม ออกรับแทนจัง”
นิรมลเป็นคนที่ปลื้มพี่ชายฉันที่สุดในบรรดาเพื่อน เธอบอกพี่ชายฉันเก่ง บริหารงานเลิศ แถมยังเป็นผู้ชายในฝันของนางอีก คงไม่ใช่จะจีบพี่น่านหรอกนะ ถ้าใช่ฉันหลอนแทนเพื่อนเลย
“ชะนีมีหัวแต่ไม่มีสมอง เพื่อนนิอยากเป็นน้องสาวพี่น่านนทีซะที่ไหนล่ะ” นัทจี้จีบปากจีบคอกระแนะกระแหนอีกคนจนถูกยัยนิมองค้อนเข้าให้
“แกรีบเปลี่ยนความคิดเลย”
“หวงพี่ชาย?”
“เปล่า ฉันสงสารอนาคตแก”
“สงสารตัวเองก่อนไหม จีบผู้แกให้ติดก่อนเถอะ”
แค่บอกให้คิดใหม่เรื่องพี่ชายฉัน ถึงกับจี้จุดอ่อนกันเลยเหรอยัยเพื่อนใจร้าย!
“แก ๆ นั่นเพื่อนพี่ชายแกนี่” นัทจี้สะกิดฉันให้หันไปดูผู้ชายคนหนึ่ง
เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาลอมแดงกางเกงสแล็กสีดำ ด้วยส่วนสูงร้อยแปดสิบอัป ทำให้เขาโดดเด่นมองเห็นแต่ไกล เรือนผมสีบลอนด์สว่างที่ตัดไถได้แบดที่สุดนั่นอีก เรียกสายตาสาว ๆ ที่เดินผ่านจนต้องเหลียวมองคอเป็นเอ็น
“พี่อาชา” ฉันพึมพำชื่อเพื่อนพี่ชายแถมยังเป็นเจ้าของอาชาผับที่เรานั่งอยู่เบา ๆ
“เขาเดินมาทางนี้แล้วแก” นัทจี้สะกิด
ถ้าบอกว่าพี่น่านแสนดุคือสเปกยัยนิ
พี่อาชาไนยที่แสนเจ้าชู้นี่แหละสเปกยัยนัทจี้เลย
“มาเที่ยวเหรอ”
กะจะชิ่งแต่หนีไม่ทัน พี่อาชาเดินมาทักถึงโต๊ะเหมือนรู้ว่าฉันนั่งอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรก
“ค่ะ มาปลดปล่อยนิดหนึ่ง” ฉีกยิ้มสวย
เฮ้อ! ผู้ชายแก๊งนี้มีแต่คนหล่อ ๆ พี่ชายฉันหล่อดุหล่อเข้ม พี่อาชาไนยก็หล่อแบดบอยแถมโคตรเจ้าชู้ ส่วนพี่บุรินนี่หล่อ แมน ดูดีทุกมุม
“ไม่ขึ้นไปหาไอ้น่านมันเหรอ”
ฝันฉันดับสลายหมดเมื่อพี่อาชาพูดชื่อต้องห้ามขึ้นมา
“พี่อย่าบอกพี่น่านนะว่าเนตรมา”
“ทำไมล่ะ”
ถามแบบนี้แสดงว่าพี่น่านยังไม่เล่าอะไรให้เพื่อนเขาฟัง
“พอดีทะเลาะกันนิดหน่อยค่ะ”
“พี่ก็ว่าแล้ว ไอ้น่านนั่งหน้าบึ้งจนพี่กลัวรังสีพิฆาตจากมันจนต้องหนีลงมา”
พี่น่านโกรธฉันอยู่แน่ ๆ แต่คนที่ควรโกรธไม่หายคือฉันมากกว่าเปล่าอะ
“โอเค ๆ พี่จะไม่บอกมันแล้วกัน ตามสบายเลยนะ”
คนหล่อกำลังจะหันหลังกลับฉันก็นึกอะไรขึ้นมาได้พอดี
“พี่อาชาคะ” รั้งเขาไว้เสียงหวานหู
“มีไรอีก”
ใจกล้าหน้าด้านหน่อยสิยัยเนตร ทีกับพี่ชายตัวเองระริกระรี้ถามเชียว
“คือ... พี่ลงมาที่นี่ งั้นแปลว่าพี่น่านอยู่คนเดียวเหรอคะ” อ้อมแอ้มถามออกไป ในใจก็ลุ้นกลัวจะเก็บอาการไม่อยู่
“มีไอ้นาทอยู่ด้วยน่ะ เออ ว่าแต่เราเจอมันหรือยัง มันเพิ่งกลับมาวันนี้เองนะ”
พี่อาชาชอบเรียกพี่บุรินว่านาท แต่คนละเหตุผลกับพี่ชายฉัน เขาบอกบุรินหลายพยางค์ นาทคำเดียวเรียกง่ายกว่า ส่วนคำถามที่ว่าฉันเจอพี่บุรินหรือยังขอตอบในใจว่า ‘อยากเจอมากค่ะ’ ถ้าไม่ทะเลาะกับพี่น่านป่านนี้คงนั่งดินเนอร์กันแล้ว
“ทำหน้าแบบนี้แสดงว่ายังไม่เจอ ไปกับพี่ไหมล่ะ ขึ้นไปทักทายมันหน่อย เห็นมันถามหาเราอยู่”
พี่บุรินถามหาฉัน! ให้ตายเถอะ ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม?
“ไปสิคะชะนี ผู้พันปีแกถามหาขนาดนั้นแล้ว” นัทจี้ก้มลงกระซิบด้าน หลังจนฉันได้สติ
“แต่เนตรไม่อยากเจอพี่น่าน”
“พี่น้องแท้ ๆ จะโกรธจะงอนอะไรกันนาน ๆ ไม่เบื่อหรือไง” พี่อาชาพูดกลั้วขำ
“เอางี้ เราขึ้นไปหมดนี่แหละ ไปนั่งกินที่ห้องนั้นกัน”
“ฟรีใช่ไหมคะ” ยัยนัทรีบออกเสียงคนแรก
“ไม่อั้น เพื่อน้องนัทคนสวย”
บอกแล้วว่าพี่อาชาน่ะเจ้าชู้ เขารู้นะว่าเพื่อนฉันคนนี้หญิงไม่แท้แต่ไม่เคยรังเกียจ ตั้งแต่นางยังไม่แปลงเพศ จนตอนนี้นางกลายเป็นหญิงทั้งบนทั้งล่างแล้วพี่อาชาก็ยังเล่นกับนางเหมือนเดิม
“ไปสิชะนี Let’s go”
พอได้ยินของฟรีแถมมีหนุ่มให้นั่งจ้องรีบสะบัดก้นย้ายที่เชียวนะ
“ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนได้ปะ” นิรมลดึงแขนฉันไว้
“ใช้ห้องน้ำในห้องก็ได้” พี่อาชารีบขัด
ช่างไม่รู้อะไรเลยจริง ๆ เพื่อนฉันไม่ได้ปวดฉี่แต่อย่างใด นางก็แค่จะไปโบ๊ะหน้าที่สวยอยู่แล้วให้สวยยิ่ง ๆ เพราะกำลังจะขึ้นไปหาพี่ชายฉันต่าง หาก
“เดี๋ยวพวกเราตามขึ้นไปนะคะ ขอไปเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนยัยนิก่อน”
“เอางั้นเหรอ ได้ ๆ ถ้าพร้อมแล้วก็ขึ้นไปเลยนะ พี่ไปเคลียร์ไอ้น่านให้”
ฉันพยักหน้ายิ้มสวยให้เพื่อนพี่ชาย ก่อนจะถูกยัยนิลากไปทางห้องน้ำหญิง
“จะโบ๊ะอะไรนักหนาคะคุณนิรมลคนงาม”
ทันทีที่ถึงห้องน้ำ บรรดาเครื่องประทินโฉมก็ถูกเทออกมากองบนเคาน์ เตอร์ล้างหน้าในห้องน้ำหญิงจนหมดกระเป๋า
“แก ฉันดูโทรมไปไหมอะ”
ยัยนิแนบหน้าเข้าไปใกล้กระจกจนจะเฉาะหัวนางอยู่แล้ว