ตื๊อครั้งที่ 3
ฉันเกิดมาในตระกูลที่รวยมหาศาลอันดับต้น ๆ ของประเทศ เกิดมาก็คาบช้อนเงินช้อนทองแถมยังเป็นลูกสาวคนเล็กของ aran enterprise บริษัทที่ครอบ คลุมธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ตที่มีแทบทุกภาคของประเทศไทย มีเงินใช้อย่างไม่ต้องลำบากเลยชินกับการใช้เงินแก้ไขทุกปัญหาที่เจอมา
อย่างเช่นเมื่อเช้าที่ฉันขับรถเบี่ยงซ้ายเพราะรีบจนไม่สนกฎหมายรถใหญ่ห้ามแซงซ้ายออกเลนรถเล็ก ทำให้มอเตอร์ไซค์ที่ขับมาทางตรงเกือบชนประสาน งาน โชคดีที่เขาหักหลับรถฉันแต่โชคร้ายที่คนขับบาดเจ็บแม้ไม่ได้สาหัสแต่รถเขาพังหลายส่วนอยู่
แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นฉันก็จ่ายค่าเสียหายไปเป็นแสนเพื่อให้เขาซื้อมอเตอร์-ไซค์คันใหม่และรักษาตัวไปแล้ว พี่น่านน่าจะจบเรื่องนี้ไม่เห็นมานั่งคาดโทษฉันเหมือนตัวเองเป็นผู้เคราะห์ร้ายเองเลย
“เราเกิดมาเหนือกว่าคนอื่นแค่ฐานะ พี่ไม่อยากให้เนตรใช้เงินฟาดหัวใคร ผิดก็คือรับผิดจากใจจริง”
“เนตรสำนึกผิดแล้วค่ะ”
“พี่ดูเราออกไม่ต้องแกล้ง”
ไม่ได้แกล้งสักหน่อย ฉันเองก็รู้สึกผิดเวลานึกถึงใบหน้าผู้ชายคนนั้นที่มีแผลตามตัวที่เกิดจากความไม่รับผิดชอบของฉัน
“พี่จะลงโทษเราด้วยการอายัติบัตรเครดิตทุกใบเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์”
“ไม่ได้นะคะแล้วเนตรจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อของใช้ส่วนตัว”
“เราก็ลองแก้ปัญหาเองดูสิ”
เกลียดพี่น่าน!
พี่ชายอะไรไม่รักน้องสาวเลย ลงโทษแบบนี้กักบริเวณฉันยังดีซะกว่า อย่างน้อยก็ยังช็อปของออนไลน์ได้
“อ้อ แล้วอย่าคิดไปยืมเงินใคร พี่จะบอกเพื่อนเราทุกคนห้ามยื่นมือเข้ามาช่วย”
ตัดหนทางฉันขนาดนี้เลย?
“พ่อกับแม่พี่ก็จะบอก”
“ไม่ได้นะ!” ถ้าพ่อกับแม่รู้ฉันต้องโดนลงโทษหนักกว่านี้แน่ ๆ
“เนตรสัญญาจะไม่ขอเงินพ่อกับแม่สักบาทตลอดหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
ต้องยอมไปก่อนเนตรน้ำทิพย์ ไม่งั้นเดือดร้อนหูชากว่านี้แน่
“แต่ถ้าอยากมีเงินใช้พี่มีวิธี”
“วิธีไหนคะ” หูผึ่งเลยฉัน
“มาทำงานที่นี่ พี่จะจ้างเราค่าแรงขั้นต่ำของพนักงานฝึกหัด”
ค่าแรงขั้นต่ำพนักงาน!?
“วันละเท่าไหร่คะ”
“เรานี่นะ”
เสียงพี่ชายฉันถอนหายใจอย่างเอือมระอาที่ฉันไม่รู้แม้เรื่องเล็กน้อย
“ที่บริษัทเราจ้างค่าแรงพนักงานขั้นต่ำที่ยังไม่บรรจุงานวันละสี่ร้อยบาท”
“สี่ร้อย!”
นี่คนทั่วไปเขาทำงานวันละหลายชั่วโมงเพื่อแลกกับเงินหลักร้อยเองเหรอ ฉันยืนเป็นนางแบบแบรนด์เครื่องสำอางแค่ไม่กี่ชั่วโมงยังได้ตั้งหลักหมื่นแหนะ
“รู้หรือยังว่าเราน่ะสบายกว่าคนทั่วไปมากแค่ไหน ควรที่จะใช้สมองให้มาก กว่าเงิน”
“พี่น่าน!”
“จะเอาไม่เอา” ถ้าลองพี่น่านได้พูดขนาดนี้เขาเอาจริงแน่
“เนตรขอคิดดูก่อน”
“พี่เริ่มลงโทษเราวันนี้และตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวสิ วันนี้เลยเหรอคะ”
พี่ชายฉันไม่ตอบ เขาทำเพียงแค่กดยิก ๆ ไม่กี่นาที ข้อความก็ถูกส่งมาที่มือถือฉันว่าบัตรทุกบัตรถูกอายัติเรียบร้อยแล้ว
น่าโมโหที่สุดที่มีพี่ชายจอมเผด็จการแบบนี้!
“พี่น่านใจร้ายแบบนี้ไงเลยหาพี่สะใภ้มาให้เนตรไม่ได้สักที”
“อยากพูดอะไรก็พูดไป แล้วสักวันเราจะรู้ว่าพี่ร้ายเพราะรักน้อง”
ชิ! ทำมาพูดดูดีให้คนเขาใจอ่อน ไม่มีทาง ฉันโกรธพี่น่านแล้ว
“คืนนี้อยู่ทานข้าวที่บ้าน”
“เนตรมีนัดกับเพื่อน”
“ก็แล้วแต่เพราะพี่นัดไอ้บุรินมาทานข้าวที่บ้าน”
เพียงแค่ชื่อ ‘บุริน’ ดังเข้าโสตประสาทการรับฟัง ฉันก็รีบเปลี่ยนสีหน้าทันที
“จริงนะ พี่ไม่ได้หลอกน้องนะ”
เวลาจะอ้อนพี่ชายหรืออารมณ์ดีฉันจะแทนตัวเองว่าน้อง
“เปลี่ยนอารมณ์เร็วยิ่งกว่ากิ้งก่าเปลี่ยนสี”
ไม่โกรธ ไม่แคร์ด้วยที่หลอกด่า ขอแค่ที่พี่ชายพูดคือเรื่องจริง เนตรน้ำทิพย์ก็ลืมเรื่องก่อนหน้าหมดแล้ว
“เนตรกลับก่อนนะคะ จะไปสั่งแม่ครัวทำอาหารโปรดพี่บุริน”
“รู้เหรอว่ามันชอบอะไร”
ฉันอมยิ้มเชิดหน้าอย่างมั่นใจก่อนจะตอบ
“สตอกเกอร์ยังแพ้เนตรคนนี้เลยค่ะ ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับพี่บุรินไม่มีเรื่องไหนที่เนตรไม่รู้”
พี่ชายฉันส่ายหัวใหญ่กับน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจของน้องสาวคนนี้
“ไป ๆ พี่จะทำงาน”
พอเทศน์สั่งสอนฉันเสร็จก็รีบไล่เชียวนะ
“ขอบคุณนะคะพี่ชาย คืนนี้ห้ามขัดขาน้องล่ะ”
เดินไปหอมแก้มพี่ชายหนึ่งฟอดใหญ่ก่อนจะเดินกลับไปขึ้นรถตัวเอง
เฮ้อ! บริษัทนี้ก็ใหญ่เหมือนกันนะ พี่น่านคงเหนื่อยน่าดูที่ต้องบริหารงานและคุมคนมากกว่าร้อยคนเดียว