บท
ตั้งค่า

Chapter 8 มีค่าแค่เท่านี้

Chapter 8

มีค่าแค่เท่านี้

“นอนนิ่งๆแล้วอ้าขาออกซะ ผู้หญิงอย่างเธอมันมีค่าแค่นี้แหละแสนดี”

“สำหรับนายแล้ว ฉันมีค่าแค่เท่านี้เองเหรอ”

ถามออกไปด้วยความน้อยใจ ความรู้สึกในตอนนี้คือตัวฉันไม่มีค่าอะไรสำหรับโอบอ้อมเลย

“ก็จะให้มีค่าเท่าไหน? ทำมาเป็นน้อยใจ เธอลืมไปรึเปล่าว่าวันนั้นทิ้งให้ฉันเดียวดายยังไง”

ย้อนกลับไปตอนมัธยมปีที่ห้า

โรงเรียนเอกชนชื่อดังในหาดใหญ่

“เราเลิกกัน”

“อะไรนะ...หมายความว่าไงอะแสนดี? ทำไมต้องเลิก?”

โอบอ้อมในชุดนักเรียนโรงเรียนเอกชนชื่อดังกำลังนั่งอยู่กับฉันที่โต๊ะม้าหินอ่อนภายในโรงเรียน

“เราเลิกกันเถอะโอบ”

น้ำเสียงเล็กสั่นเครือ ไม่ได้ต้องการเลิกจริงอย่างที่ปากพูดแต่ความเป็นจริงคือพ่อของฉันเป็นหนี้และการที่จะทุเลาหนี้ให้ลดลงได้ก็คือการคบกับลูกชายเจ้าหนี้และทำให้ออกัสเลิกทำตัวเหลวไหลติดผู้หญิง

“อะไรของเธอ...เมื่อวานยังดีอยู่เลย เป็นอะไรไป เป็นไข้หรือเปล่า?”

โอบอ้อมยกมือขึ้นแล้วใช้หลังมืออังเข้าที่หน้าผากของฉันที่นั่งอยู่โต๊ะไม้หินอ่อนตรงข้าม

พั่บบ

”แสนดี...“

และแน่นอนว่าฉันปัดมือของเขาออก ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้เขาไม่มีความหวังอีกต่อไปรวมทั้งฉันก็ต้องตัดใจด้วยเพราะต่อจากนี้เราจะไม่มีวาสนาได้อยู่ด้วยกันอีกแล้ว

ฉันจำเป็นต้องทำหน้าที่ลูก...พ่อต้องการฉัน พ่อของออกัสมีอิทธิพลมากมายใครก็รู้กัน

“เราเลิกกันเถอะ...เราไม่มีอะไรคู่ควรกันหรอก”

“ทำไม?”

ฉันสัมผัสได้เลยว่าโอบอ้อมที่แสนดีในตอนนี้น้ำเสียงสั่นเครือ ตัวสั่น ใบหน้าเริ่มขึ้นเป็นรอยริ้วแดงเหมือนจะร้องไห้

“นายก็รู้ว่าบ้านฉันกำลังจะล้มละลาย...บ้านนายทำธุรกิจใหญ่โตยังไงก็ไม่มีทางคบกันไปได้อยู่แล้ว”

“หมายความว่ายังไง...บอกมาสิแสนดี บอกมาสิว่าเธอแค่พูดเล่น”

“ฉันพูดจริง...เราเลิกกันเถอะนะ”

เพียงพูดจบประโยคก็เดินออกมาอย่างไร้เยื่อใยปล่อยให้คนข้างหลังร้องไห้จนตัวโยน โอบอ้อมในตอนนั้นช่างแสนดีและไร้เดียงสา...ต่างจากโอบอ้อมในตอนนี้ที่มีความแข็งกร้าว

กลับมาปัจจุบัน

“...”

ในหัวพาลนึกถึงอดีตที่ผ่านมาทำให้พูดไม่ออก โอบอ้อมที่คร่อมตัวฉันอยู่ในตอนนี้แสยะยิ้ม

“เป็นอะไร...นึกออกแล้วเหรอว่าเคยทิ้งฉันไว้ยังไง”

“โอบ...ฉันขอโทษ”

ฉันรู้ดีว่าเขาจะต้องเจ็บปวดมากแค่ไหน เพราะฉันเองก็เจ็บปวดไปไม่น้อยกว่าเขาเลย

“ไม่เป็นไรแซนดี้...เพราะต่อจากนี้คนที่จะทิ้งมันไม่ใช่เธอ แต่มันคือฉัน”

“โอบ...อย่าเป็นอย่างนี้เลยนะ”

“อยากรู้ไหมล่ะว่าการโดนทิ้งมันเป็นยังไง”

“โอบ...”

ฉันพยายามควบคุมน้ำเสียงไม่ให้สั่น ดวงตากลมโตตอนนี้มันสั่นระริกเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา

“ไม่ต้องมาพูดมาก...อ้าขาออกซะ”

โอบอ้อมไม่ฟังให้ฉันได้พูดแก้ตัวอะไรแต่กลับจับขาของฉันแหกออกพร้อมกับชักแท่งลำร้อนขึ้นลงก่อนจะเสียบเข้ามาภายในร่องสวาท

“อ๊า ฮึกก โอบ อื้อ...”

ความคับแน่นและความเจ็บปะทะเข้ามาอย่างจัง หลายความรู้สึกตีวนปนเปอยู่ในหัวจนสลัดออกไม่ได้ ร่างเล็กเนื้อตัวสั่นเทาสะดุ้งตัวโยนเมื่อโดนกระแทกเข้ามาอย่างไม่ทันตั้งตัว

ส่วนคนตัวใหญ่กว่าที่คร่อมร่างบางเงยหน้าซู้ดปากด้วยความเสียว ใบหน้าหล่อมีรอยริ้วแดงขึ้นจากอารมณ์กระสัน ดูท่าโอบอ้อมจะพอใจกับจุดนั้นมากเพราะมันตอดรัดจนแทบจะแตก

ปึ้ก

“กรี๊ด โอบ ฮือ!”

ทั้งร้องทั้งกรี๊ดออกมาในขณะเดียวกันเมื่อสะโพกสอบเล่นตอกลงมาอย่างรุนแรงมิดด้าม ฉันกำผ้าปูที่นอนเอาไว้แน่นด้วยความเจ็บปวด เท้าเรียวเล็กจิกเข้าที่ผ้าปูที่นอนด้วยเช่นกันเพื่อระบายความเจ็บปวดที่มี

“อ่า...โคตรฟิต ชอบให้ฉันทำแบบนี้หรือเปล่า”

คนตัวใหญ่ถามฉันด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ใบหน้าหล่อตอนนี้เต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

“มะ มันเสียว”

“เสียวมากหรือเปล่า อยากโดนแรงกว่านี้อีกไหม? หืม?”

น้ำเสียงกระเส่าของผู้ชายที่กำลังกระแทกอยู่บนตัวฉันทำเอาใบหน้าเล็กถึงกับเขินอายพยายามยกมือขึ้นมาปิดไม่ให้เขาได้มองหน้าฉันตอนที่เขาทำอย่างนั้น

แต่มันก็ไม่ง่ายเลยเพราะโอบอ้อมยกมือขึ้นมาแล้วพยายามกระชากมือฉันให้เปิดออกแล้วสบตาเขาอย่างจัง

ฉันหลับตาปี๋ไม่ยอมจ้องหน้าเขา สะโพกสอบยังคงตอกกระแทกลงมาอย่างเมามันส์ไม่สนใจใคร

“ปิดตาทำไม...จ้องตาฉันสิ”

“ไม่...น่าอายออก”

ตั้บ!

“กรี๊ด! ระ แรงเกินไปแล้วนะ”

เขาตอกเข้ามิดลำจนตัวฉันสะดุ้งโหยงรีบพยายามที่จะถอยตัวออกแต่ก็โดนโอบอ้อมล็อคไหล่เอาไว้ไม่ให้เขยิบหนี

“แค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ...ถ้าเทียบกับความเจ็บปวดที่ฉันเคยได้รับ กับอีกแค่กระแทกแรงๆผู้หญิงร่านอย่างเธอจะไปกลัวอะไร”

“ฮึก นายมันใจร้ายที่สุด...”

ความน้อยใจ ความรู้สึกเสียใจมันเข้ามาทั้งหมดในทีเดียวกัน ทำไมถึงทำกับฉันแบบนี้ ไม่มีความเห็นใจกันในฐานะแฟนเก่าเลยเหรอ

ตั้บ!

“อ๊าส์ ฮึก”

เขาไม่ตอบอะไรแต่กลับรัวสะโพกให้เร็วมากกว่าเดิม ฉันในตอนนี้สะดุ้งตัวโยนทั้งสะอึกสะอื้นน้ำตาคลอเบ้าแต่เขาก็หาสนใจไม่ มันทั้งเสียวทั้งสุขทั้งทุกข์ปนไปในขณะเดียวกัน

“อ่า...ของเธอแม่งโคตรแน่นเลยรู้ตัวรึเปล่า”

“อ๊าส์ ฮึก ไม่!”

โอบอ้อมเห็นฉันสะอึกสะอื้นก็จัดการเปลี่ยนท่าทางอุ้มฉันขึ้นกระเตงเป็นลูกลิงน้อยด้านหน้าแล้วพาไปที่หน้ากระจกบานใหญ่ตรงโซนแต่งตัวแบบวอล์คอินคลอเซ็ท

“อึก นะ นายจะทำอะไร

ฉันถามพร้อมกับทำดวงตาเบิกโพลงโต เขาอุ้มฉันเอาไว้ด้านหน้ากระเตงราวกับลูกลิงน้อยแถมยังพาเดินมาหน้ากระจกอีก

มือเรียวเล็กล็อคคอเขาไว้เพราะกลัวหล่น ส่วนขาเรียวก็รัดเอวสอบเอาไว้แน่น จุดนั้นของเราประสานกันไม่หลุดออก

“เปลี่ยนท่าหน่อย...เอามันส์ขนาดนี้เอาอยู่ท่าสองท่าไม่หนำใจหรอก”

“ฮึก คนบ้า!”

“บ้าแล้วรักป่ะล่ะ”

“ไม่!”

“หึ! ไม่รักใช่ปะ ดี!”

ตั้บ! ตั้บ!

”อ๊าส์ ฮึก อื้ออ”

มือหนาแกร่งประคองสะโพกฉันเอาไว้แล้วดันกระแทกเข้ามาอย่างไม่ยั้ง ร่างกายของฉันสั่นคลอนไปหมด อกอวบเด้งกระเพื่อมจนชนเข้ากับแผงอกกำยำ ฉันซบหน้าเข้ากับแผงอกกำยำแล้วรัดขาไว้แน่นเพราะกลัวจะตก

แต่ยิ่งรัดมันก็ยิ่งแน่น ร่องสวาทตอดรัดลำเอ็นเอาไว้อย่างไม่ยอมคลาย ไม่มีทีท่าว่ามันจะแน่นน้อยลงเลย

“ซี้ด อ่า..”

เสียงครางแหบเปล่งออกมาอย่างพึงพอใจในห้วงสวาทที่ได้เสพสมจากร่างกายของฉัน ไม่คิดเลยว่าโอบอ้อมจะหื่นได้มากขนาดนี้แถมยังกระทำกับตรงนั้นของฉันจนระบมไปหมด

“อ๊าส์ สะ เสียว”

แต่ก็อย่างว่าแหละนะ...มันทั้งเสียวทั้งแสบ จุดสงวนของเราสองคนโดนปะทะเข้าหากันอย่างรุนแรง น้ำสีใสไหลซึมเยิ้มมาตามเรียวขาแกร่งซึ่งเป็นน้ำของฉันที่ผสมเสียดสีจนตอนนี้เริ่มหยดย้อยเปื้อนที่พื้นคอนโดเป็นจุด

“อึ้ก อ่า...แม่ง เจอท่านี้แล้วจะแตก”

ทำกันมาได้สักพักเราทั้งคู่ก็ใกล้จะถึงจุดหมายปลายทาง

“อ่า มะ มัน โล่งไปหมด...”

ฉันเอ่ยออกมาแล้วหมดแรงซบเข้าที่แผงอกกำยำ

ตั้บ ตั้บ!

เมื่อเห็นว่าฉันใกล้ถึงจุดสิ้นสมอารมณ์หมายเขาก็รัวกระแทกให้เร็วมากยิ่งขึ้น จากนั้นก็รีบพาฉันไปวางไว้ที่เตียงแล้วชักแท่งลำร้อนออกมาก่อนจะพ่นพิษใส่หน้าของฉันเข้าอย่างจัง

“อ่า...”

น้ำสีขาวขุ่นกลิ่นคละคลุ้งกระจายแตกอยู่บนใบหน้าของฉัน

“โอบ!...มันเหนียว”

“ไม่เหนียว...อยากลองชิมไหมล่ะ

“ไม่!”

ปกป้องแผ่ตัวลงนอนข้างฉัน ฉันหยิบผ้าห่มขึ้นมาปกปิดไม่ให้โป๊ไปมากกว่านี้

“รีบไปล้างสิ...ทิ้งไว้เดี๋ยวก็ล้างไม่ออกหรอก”

โอบอ้อมพูดด้วยสีหน้าและแววตากรุ้มกริ่ม ดูท่าเขาจะพอใจที่ทำให้ฉันอยู่ในสภาพนี้ได้

ฉันรีบลุกจากที่นอนและเข้าไปภายในห้องน้ำโดยหอบเอาเสื้อผ้าของตัวเองเข้าไปด้วย

ซู่ว

เสียงฝักบัวถูกเปิดออกชำระล้างเรือนร่างและสระผมให้เรียบร้อยก่อนจะรีบหยิบชุดของตัวเองขึ้นมาสวมใส่เพื่อเตรียมที่จะกลับไปยังหอในของมหาวิทยาลัย

“จะกลับแล้วรึไง?”

โอบอ้อมนอนเปลือยกายอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มสีขาวผืนใหญ่ปิดเอาไว้ เขาหยิบไอแพดขึ้นมาดูเหมือนจะทบทวนบทเรียนที่เรียนมาในวันนี้

“อือ”

ฉันตอบพร้อมกับหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาถือโดยที่ผมตอนนี้ยังเปียกโชกอยู่

“เป็นอะไร ทำหน้าทำตาเหมือนเบื่อโลกหรือว่าลีลาฉันไม่ดี”

“พูดอะไรของนาย”

“ก็ดูทำหน้าสิ ลีลาฉันสู้ไอ้ออกัสไม่ได้รึไง”

“อย่าทำเป็นพูดอย่างนั้นเลย...นายก็รู้ดีนี่ว่าฉันไม่เคยทำกับใคร”

“...”

เจอคำพูดนั้นไปเขาก็ถึงกับเงียบ

“ใครจะไปรู้ อาจจะเพราะของฉันมันใหญ่เลยแน่นฟิต”

ดูแต่ละความคิดของเขาสิ อีตาบ้านี่ก็คิดไปได้นะ

“ทุเรศ! ฉันไปละ”

ฉันทำท่าจะเดินออกจากคอนโดของโอบอ้อมไปแต่เขาก็รีบลุกขึ้นจากเตียงแล้วดึงข้อมือของฉันเอาไว้ไม่ให้เดินออก

“โอบ...ทำไมไม่รีบใส่เสื้อผ้า มาเดินแก้ผ้าน่าเกลียดอยู่ได้”

“แค่นี้ทำเป็นรับไม่ได้ เมื่อกี้ฉันทำยิ่งกว่านี้ยังไม่เห็นจะห้ามเลย”

“...”

ฉันถึงกับพูดไม่ออก ไม่รู้ทำไมเขาถึงกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้

“เอาเงินไปสิ”

มือแกร่งหยิบแบงค์สีเทาขึ้นมาประมาณสิบใบมอบให้กับฉันซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ฉันต้องการเงิน

แต่คนอย่างนังแซนดี้จะไม่มีทางรับเงินจากเรื่องอย่างนี้เด็ดขาด!! ! ฉันจะไม่มีวันให้โอบอ้อมมาดูถูกฉันไปมากกว่านี้อีกแล้ว

“เก็บเงินของนายไปเถอะ...ฉันไม่ต้องการหรอก”

ฉันโยนเงินของโอบอ้อมทิ้งจนแบงค์สีเทากระจายหล่นเต็มพื้น โอบอ้อมมองตาฉันด้วยความโกรธ

“ดี หยิ่งให้ตายห่าไปเลย...ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าผู้หญิงอย่างเธอจะหาเงินจากไหนมาใช้ถ้าไม่ใช่เงินจากพวกผู้ชาย”

“เลิกดูถูกฉันสักที! ต่อไปนี้เราอย่ามาเจอกันอีกเลย!”

ฉันตะโกนใส่หน้าเขาแล้วรีบเดินออกมาไม่ให้คนตัวใหญ่กว่าได้พูดเถียงอะไรต่อ แค่เพียงเท่านี้ความเจ็บปวดก็อยู่ภายในใจฉันจนไม่สามารถสลัดออกได้แล้ว

ลงมาจากคอนโดก็หยิบกระเป๋าเงินเปิดดู

“เฮ้อนังแซนเอ๊ย...โทรศัพท์ก็โดนออกัสทำแตกจนพัง เงินตอนนี้ก็เหลืออยู่ไม่มาก ค่าเทอมก็ยังผ่อนผันอยู่ โอ๊ย ทำไมชีวิตฉันมันทุลักทุเลขนาดนี้เนี่ย ฮือ”

ได้แต่บ่นกับตัวเองพร้อมกับเดินไปที่ป้ายรถเมล์แล้วนั่งรถเมล์กลับไปยังมหาวิทยาลัย สภาพฉันในตอนนี้แม้แต่ค่าแท็กซี่ยังจะจ่ายไม่ไหวเลยต้องเก็บเงินไว้ใช้จ่ายในส่วนอื่น

ปกติฉันจะเป็นคนอวบนิดๆหน้าอกใหญ่ไม่ได้ผอมแห้งแรงน้อยแต่ช่วงนี้น้ำหนักก็ลงมาโลสองโลแล้วล่ะ เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะเงินเหลือน้อยลงทุกทีไงคะเลยต้องประหยัด ไม่ได้กินชาบูหมูกระทะเลย เศร้าใจจัง

ขณะกำลังรอรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ฉันก็นึกอะไรขึ้นได้

“ตายจริง...รอบนี้ไม่ได้ป้องกันซะด้วย ทำยังไงดีละเนี่ย”

ฉันมองเงินในกระเป๋าตัวเองที่ตอนนี้มีแบงค์สีม่วงอยู่เพียงหนึ่งใบ

นี่ต้องควักเงินซื้อยาคุมฉุกเฉินเองเหรอเนี่ย เดี๋ยวจะกลับไปขอเงินมาซื้อยาดีมั้ยนะ ของแบบนี้ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ

แต่ไม่เอาดีกว่า! กับอีแค่ค่ายาฉันจ่ายเองได้อย่าไปง้ออะไรให้เขาได้ดูถูกชี้หน้าด่าว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงินอีกเลย

แค่ยาคุม...ฉันซื้อกินเองได้ จะไม่มีวันไปง้อโอบอ้อมเด็ดขาดแม้ไม่มีจะกินก็ตาม!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel