Chapter 9 หมดหนทางสู้...นังแซนต้องการเงิน
Chapter 9
หมดหนทางสู้...นังแซนต้องการเงิน
หนึ่งเดือนต่อมา
@ร้านกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดัง
“จะขายจริงเหรอคะน้องแซน...มีแต่คอลเลคชั่นสวยๆทั้งนั้นเลย”
วันนี้ฉันเดินทางมาที่ร้านขายกระเป๋าแบรนด์เนมชื่อดังมือสองเพื่อเอาลูกรักอย่างน้องชาแนลกับน้องดิออร์รวมกันทั้งหมดห้าใบมาขายทิ้งทั้งหมด
“ขายหมดนี่แหละค่ะพี่ปูเป้...พอดีแซนต้องการใช้เงินค่ะ”
“แหม...จะออกจากวงการนี้เลยเหรอคะ ของน้องแซนมีแต่ใบดีๆทั้งนั้นเลย รักษาของดีมากเลยนะเนี่ย”
“คงจะออกแล้วล่ะค่ะ แซนยังต้องเรียนยังต้องใช้เงินแถมช่วงนี้ไม่ได้ทำงานอะไรด้วย”
“น้องแซนหางานอยู่เหรอ”
“ค่ะ พี่ปูเป้มีงานแนะนำเหรอคะ?”
“อืมม ที่จริงหลานชายพี่พึ่งเรียนจบแล้วมาเปิดร้านกาแฟ ยังต้องการพนักงานช่วยชงพวกน้ำหวาน ทำเบเกอรี่ น้องแซนสนใจมั้ย?”
สำหรับฉันฟังดูแล้วก็ไม่เลวนะ เงินน่าจะน้อยกว่าไปทำงานเป็นเด็กดริงค์ แต่ก็คงช่วยประทังชีวิตช่วงนี้ไปได้ ค่าเทอมก็ยังต้องผ่านจ่ายอีกสองงวด
แต่ขายกระเป๋ารอบนี้ได้ฉันคงเก็บไว้จ่ายค่าเทอมของตอนปีสี่เลย โชคดีนะที่เรียนใกล้จบแล้วเลยคิดว่าน่าจะพอถูไถไปได้
“ฟังดูน่าสนใจจังเลยนะคะพี่ปูเป้ ยังไงช่วยติดต่อให้แซนหน่อยได้ไหมอ่า”
“ได้เลยจ้ะ...งั้นเดี๋ยวพี่ส่งโลเคชั่นให้แซนดีกว่าเข้าไปที่ร้านได้เลยแล้วเดี๋ยวพี่จะโทรบอกหลานชายให้”
“ได้ค่ะ...ขอบคุณนะคะพี่ปูเป้”
“จ้ะ ยังไงกระเป๋าห้าใบนี้พี่รับหมดเลยแล้วกัน”
“ขอบคุณมากเลยนะคะ”
หลังจากุยเรื่องกระเป๋ากันเสร็จฉันก็ตัดสินใจไปตามโลเคชั่นที่พี่ปูเป้ส่งมาให้ในโทรศัพท์
@ร้านกาแฟบลูทรี
“ยินดีต้อนรับค่ะ”
เสียงพนักงานภายในร้าน ขานรับเจื้อยแจ้ว ร้านกาแฟโทนสีมินิมอลขาวสลับกับไม้สีอ่อนดูสะอาดตา
“สวัสดีค่ะ...พอดีว่ามาสมัครงานแล้วก็มาหาหลานชายของคุณปูเป้ค่ะ”
“อ๋า หมายถึงคุณภูมิไหมคะ รอสักครู่นะคะเดี๋ยวจะติดต่อคุณภูมิให้”
พนักงานหญิงหายไปด้านหลังร้านซึ่งมีบันไดขึ้นไปชั้นสอง ที่นี่เป็นร้านกาแฟโดยด้านล่างเป็นร้านและด้านบนน่าจะเป็นที่พัก เป็นห้องแถวพาณิชย์ในย่านหรูใจกลางกรุงเทพมหานคร คนที่เป็นเจ้าของที่นี่ได้ก็คงจะมีฐานะน่าดู แต่ก็ไม่แปลกหรอกเพราะเป็นถึงหลานชายของคุณปูเป้เจ้าของร้านกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองชื่อดัง
“ครับ...น้องคือคนที่ป้าปูแนะนำมาใช่ไหม”
น้ำเสียงภูมิฐานดังขึ้นจากทางด้านหลัง ฉันที่สวมใส่ชุดนักศึกษาอยู่หันไปมองหน้าเขาพร้อมคลี่ยิ้มบางๆขึ้นมาอย่างเป็นมิตร
แต่ก็เหมือนมีอะไรมาดลใจให้บรรยากาศมันหยุดอยู่ตรงนั้น ผู้ชายคนนั้นมองหน้าฉันแล้วนิ่งไปเหมือนอึ้งกับอะไรซักอย่าง
“ใช่ค่ะ สวัสดีค่ะชื่อแซนดี้นะคะ”
“...”
ผู้ชายคนนั้นยังคงนิ่งและมองหน้าฉัน ไม่เอ่ยคำพูดอะไรออกมาทำเพียงแค่จ้องหน้า เขาดูหล่อ ดูภูมิฐาน ดูเป็นรุ่นพี่ที่เพิ่งจะเรียนจบแต่ดูโต ผิวขาวๆกับเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมกางเกงสแล็คสีดำทั้งยังผมที่ถูกเซ็ตอย่างดีและหน้าตี๋สไตล์คนไทยเชื้อสายจีน เรียกได้ว่าหล่อเนี้ยบดูดีทุกกระบวนท่า
“เอ่อ คุณภูมิคะ...ได้ยินอยู่หรือเปล่าคะ หนูชื่อแซนดี้นะคะ”
ที่รู้ว่าชื่อภูมิเพราะได้ยินพนักงานหญิงเรียก และดูเหมือนการที่ฉันเรียกชื่อเขาจะทำให้เขาตื่นจากภวังค์ได้
“อะ เอ่อ ขอโทษทีครับ...น้องแซนดี้เรียนอยู่ปีสามคณะวิศวะใช่ไหม ที่มหาวิทยาลัยบีบีหรือเปล่า?”
“ใช่ค่ะ คุณปูเป้บอกข้อมูลกับคุณภูมิแล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ...แต่เดี๋ยวพี่ให้พนักงานเอาเอกสารมาให้กรอกแล้วกัน ต่อไปนี้เรียกว่าพี่ภูมิก็ได้”
“รู้สึกเกรงใจจังเลยค่ะจะให้เรียกว่าพี่...หนูเองก็มาทำงานวันแรกด้วย”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ เรียกว่าพี่ได้เลยตามสบายนะ พี่รับเราเข้าทำงานเลยแล้วกัน”
“ขอบคุณนะคะ”
รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยวันนี้ก็เจอคนเป็นมิตรอีกหนึ่งคน หวังว่าฉันจะทำงานที่นี่ไปได้อย่างยาวนานไม่เหมือนที่ผับนะที่ไปทำได้แค่วันเดียวก็ต้องออก
ฉันเริ่มงานในทันที วันนี้ฉันมีเวลามาทำงานช่วงหลังห้าโมงเย็น โชคดีที่ช่วงนี้ตารางเรียนฉันไม่เกินสี่โมงเย็นเลยทำให้มีเวลาในการมาทำงานพาร์ทไทม์ตั้งแต่ห้าโมงเย็นจนถึงสามทุ่ม ทำงานทั้งหมดสี่ชั่วโมงซึ่งเป็นงานพาร์ทไทม์
“ขอบคุณทุกคนสำหรับวันนี้นะคะ....ขอลากลับก่อนนะคะ”
ฉันหันไปขอบคุณพี่ๆที่อยู่ในแผนกชงกาแฟและทำเบเกอรี่ ทุกคนเองก็ต่างยิ้มและบอกลาฉันเช่นกัน ฉันเดินออกมาหน้าร้านแต่แล้วก็โดนเรียกเข้าซะก่อน เสียงของคุณภูมิเจ้านายใหม่ของฉันเอง
“แซนดี้!”
“อ๊ะ มีอะไรหรือเปล่าคะพี่ภูมิ?”
ที่กล้าเรียกว่าพี่ภูมิอย่างเต็มปากเพราะว่าคนในร้านก็เรียกคุณภูมิว่าพี่ภูมิกันทั้งนั้น แต่ถ้าใครอายุมากกว่าก็จะเรียกว่าคุณภูมิ
“แล้วพักอยู่ที่ไหน? ให้พี่ไปส่งไหมครับ?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หนูอยู่หอในมหาวิทยาลัยนี่เองเดี๋ยวหนูกลับเองได้ค่ะ”
“หอใน? พักอยู่หอในมหาลัยเหรอ?”
“ใช่ค่ะ”
ตอบอย่างไม่อาย ก็คนมันเงินไม่มีมากพอที่จะไปเช่าคอนโดหรือว่าหอเอกชนด้านนอกราคาแพงๆนี่นา หอในมหาวิทยาลัยนั่นแหละราคาโดนใจที่สุดแล้ว
“ให้พี่ไปส่งแล้วกันนะครับ...”
“เอ่อ ก็ได้ค่ะ”
เพราะมาทำงานวันแรกฉันจึงไม่อยากจะปฏิเสธกลัวว่ามันจะเป็นการเสียมารยาท
ฉันตัดสินใจนั่งรถมากับพี่ภูมิเพื่อกลับไปยังหอในของมหาวิทยาลัย ระหว่างนั่งรถด้วยกันเขาก็ชวนฉันคุยเกี่ยวกับเรื่องต่างๆมากมายทำให้ได้รู้ว่าเขาจบมาจากคณะบริหารธุรกิจมหาวิทยาลัยเอเอ...มหาวิทยาลัยเดียวกับโอบอ้อมเลยนะ
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่มาส่งหนูวันนี้”
เมื่อมาถึงหน้าหอของมหาวิทยาลัยฉันก็เดินลงจากรถแล้วยกมือไหว้ขอบคุณพี่ภูมิเจ้าของร้านกาแฟที่ฉันไปทำงานด้วย โชคดีจังที่เจอเจ้านายใจดีเป็นกันเอง
“ไม่เป็นไรเลยครับ...ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะ”
“ค่ะ ไว้เจอกันนะคะ”
ฉันยิ้มให้กับพี่ภูมิก่อนที่จะเดินหันหลังเข้ามาในมหาวิทยาลัย รถคันหรูแล่นออกไปเมื่อเห็นฉันเดินเข้าไปภายใน แต่ยังเดินไม่ทันจะถึงหอก็โดนกระชากเข้าจนหัวหันไปกระแทกเข้ากับแผงอกกำยำ
“ออกัส! มีอะไรอีกเนี่ย”
ช่วงนี้เขาตามตอแยฉันไม่เลิก บอกแล้วว่าการที่จะเลิกกับออกัสได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ตอนนั้นที่จำใจคบก็เพราะว่าหนี้ของพ่อ แต่พอจะเลิกก็โดนขู่บ้าง เอาพวกมาดักบ้าง นี่พอขึ้นมามหาวิทยาลัยค่อยดีขึ้นหน่อยที่ออกัสโตขึ้นจึงไม่ได้เอาพวกมารุมระยำฉัน แต่ก็ยังเป็นคนอารมณ์รุนแรงอยู่ดี
“เมื่อกี้ลงจากรถใคร...ได้ผู้ชายใหม่เกาะแล้วเหรอ?”
“กัส! ทำไมชอบพูดแบบนี้อยู่เรื่อยเลยอ่ะ”
“ฉันพูดความจริง ทำไม รับไม่ได้รึไง?”
“รับไม่ได้เพราะไม่ใช่ความจริง!”
“ถ้ามันไม่ใช่ความจริงแล้วมันคือยังไงอ่ะ เมื่อกี้เธอลงจากรถยุโรปราคาแพงแถมยังเป็นผู้ชายมาส่งอีกนี่”
“เจ้าของร้านกาแฟที่ฉันไปทำงานอยู่ด้วยเขาอาสาจะมาส่ง”
ที่จริงฉันก็ไม่จำเป็นต้องอธิบายหรอก แต่ฉันก็ไม่อยากให้เขามาว่าฉันเสียๆหายๆโดยที่ไม่รู้ความจริงนี่นา
“เจ้าของร้านกาแฟหรืออะไรกันแน่...ไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วล่ะ”
“กัส ถ้าไม่เลิกงี่เง่าก็กลับไปเลยไป”
จากที่ตอนแรกพยายามจะคุยด้วยดีๆแต่ดูท่าแล้วออกัสจะคุยดีด้วยไม่ได้เพราะเขาตามตอแยไม่เลิกแถมยังพ่นวาจาร้ายกาจใส่ฉันอีก
“กลับน่ะกลับแน่ แต่เธอต้องไปด้วย”
“นายก็เห็นว่าฉันอยู่หอในมหาวิทยาลัย ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกไปข้างนอกกลางค่ำกลางคืน”
“มีสิ...มีแน่”
“เลิกงี่เง่าสักทีเถอะกัส โตๆกันแล้วนะ”
“หึ ตามฉันมานี่เลย!”
ออกัสลากฉันให้เดินตามไปแล้วยัดตัวฉันให้เข้าไปนั่งที่ข้างคนขับแล้วตัวเองก็รีบขึ้นมานั่งที่เบาะคนขับก่อนจะแล่นรถคันหรูออกจากมหาวิทยาลัย
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยนะกัส รอบที่แล้วก็ทำโทรศัพท์ฉันพังรอบนี้ยังจะทำอะไรอีก”
นังแซนดี้คนนี้ต้องทนใช้โทรศัพท์ราคาถูกเครื่องละ สี่พันมาเป็นเดือน ตอนนี้ขายกระเป๋าแบรนด์เนมได้แล้วฉันก็ตั้งใจจะเอาไปซ่อมโทรศัพท์แล้วก็เก็บไว้เป็นค่าเทอมสำหรับปีสี่
รถคันหรูขับมาจอดอยู่ที่หน้าโรงแรมแห่งนึง... รอบนี้เค้าไม่ได้พากลับไปที่คอนโดแต่เป็นโรงแรม! ไม่นะ!
“มาที่นี่ทำไม ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
รถแล่นเข้ามาภายในซอยแถมจอดเข้าที่โรงแรมม่านรูด! ฉันอยากจะบ้า! ออกัสกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!
“ในเมื่อปัญหามันเยอะนักฉันจะเอาเธอที่นี่ คืนนี้! แล้วก็หนีไปไหนไม่ได้ทั้งนั้นด้วย”
ฉันมองหาทางหนีทีไล่รีบแง้มประตูเปิดแล้ววิ่งลงมาจากรถขณะที่รถแล่นอยู่
บรื้นน
ปึ้ก
“โอ๊ย!”
ฉันหล่นลงมากระแทกกับพื้น
“แซน! โถ่เว้ย!!”
ออกัสสบถหัวเสียเมื่อเห็นฉันกระโจนลงจากรถแถมไม่ปิดประตูรถให้เขาอีกต่างหาก ฉันรีบวิ่งออกจากซอยเปลี่ยวนั้นในทันที
โชคดีที่ซอยอยู่ไม่ลึกมากจากถนนใหญ่ฉันรีบวิ่งออกมาที่ถนนโบกรถใครก็ได้สักคันให้ช่วยรับฉันที
“ช่วยด้วยค่ะ...ช่วยด้วย!”
เวรกรรมไม่มีแท็กซี่ผ่านมาสักคันแถมไม่มีใครจอดอีกต่างหาก
เอี๊ยด!
แต่เราก็มีรถคันหรูที่แสนจะคุ้นเคยมาจอดอยู่ตรงหน้าฉัน ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโชคดีหรือโชคร้าย ฮือ
“แซนดี้ มาทำอะไรตรงนี้?”
“ฮึกๆ โอบช่วยด้วย ออกัสมันบ้าไปแล้ว!!”
ฉันร้องขอความช่วยเหลือในทันที โอบอ้อมมองหน้าฉันอย่างสับสนก่อนจะเปิดประตูรถให้ฉันขึ้นมานั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่ยังไม่ทันจะขึ้นไปนั่ง จู่จู่ออกัสขับรถออกมาจากซอยก็ปาดเข้าจนแทบจะชนตัวฉันแต่โชคดีที่ฉันหลบทัน
เอี๊ยดด!
“กรี๊ดดด!”
ฉันกลิ้งลงมาล้มที่ฟุตบาท สภาพฉันในตอนนี้คือเนื้อตัวถลอกปอกเปิกทั้งรองเท้าแตะที่สวมใส่ยังหลุดไปข้างนึง
“เฮ้ย ทำเหี้ยอะไรวะ!”
โอบอ้อมเปิดประตูลงมาจากรถแล้วก็ประคองฉันขึ้นโดยที่ออกัสเปิดกระจกฝั่งคนขับลงและจ้องหน้าฉันกับโอบอย่างเคียดแค้น
“นี่ชู้รักเธอเหรอแซน! บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เลิกยุ่งกับมัน!”
“ฮึก ช่วยด้วย! กัสมันจะพาฉันไปข่มขืน ฮืออ!”
ฉันปล่อยโฮออกมาอย่างไม่อาย ไม่สกัดกลั้นอะไรทั้งนั้น ออกัสไม่ได้แค่จะพาเข้าไปข่มขืนอย่างเดียวแต่จะฆ่าฉันให้ตายด้วยซ้ำ
“ไอ้เหี้ย...มึงแม่งเลวฉิบหาย”
“ก็ดีกว่ามึงแหละวะ ลอบกัดมาแอบเอากับเมียชาวบ้าน ไอ้เหี้ยโอบ!”
“เมียชาวบ้านไรมึง...กูเนี่ยผัวคนแรกของแซน!”
เขาตะโกนออกไปอย่างเดือดดาล คงจะโมโหที่ออกัสทำอย่างนี้แต่นั่นก็ยิ่งเพิ่มบันดาลโทสะให้ออกัสมากยิ่งขึ้น
บรื้นน!!
เขาเร่งเครื่องแล้วจะขับมาเหยียบฉันกับโอบอ้อม โชคดีที่เรากระโดดออกจากตรงนั้นได้ทัน
“เวรเอ้ย! มึงแม่งบ้าไปแล้ว!”
โอบเปิดประตูยัดฉันเข้าไปในรถแล้วตัวเองก็รีบไปที่เบาะคนขับก่อนที่จะออกรถในทันที
“ฮึกๆฮืออ”
ฉันยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดทางไม่หยุด ทางออกัสเองก็ยังขับรถตามไล่ล่าไม่เลิก
“แม่ง...มันขับตามไม่เลิกเลย นี่เธอไปทำอะไรมามันถึงได้โมโหขนาดนั้นแซนดี้”
“ฮึกๆ ฮืออ”
ฉันยังคงร้องไห้ไม่หยุดไม่ตอบคำถาม กัสก็เป็นซะอย่างงั้น เป็นคนอารมณ์ร้อนแบบนี้แต่ไหนแต่ไร ต่อให้อยู่เฉยๆก็หาเรื่องหงุดหงิดมาได้
“โอ้ยแม่ง...จี้ตูดรถกูอีก ถ้าเป็นรอยกูจะฆ่ามึงไอ้กัส!”
โอบอ้อมขับรถไปสบถด่าไป ก็ไม่แปลกที่เขาจะห่วงว่ารถจะเป็นรอย รถคันนี้ดูท่าจะราคาแพงมาก
ฉันยังคงร้องอยู่ โอบอ้อมเหยียบคันเร่งให้เร็วกว่าเดิมโชคดีที่เขาขับรถผ่านไฟแดงมาและออกัสติดไฟแดงอยู่ ซึ่งดูแล้วไฟแดงตรงนี้จะนานทำให้ตอนนี้โอบอ้อมหลุดออกมาจากออกัสได้แล้ว
“ขับไปเรื่อยๆอย่างนี้ยังไงเดี๋ยวคงได้ตามมาอีก”
เขาพูดพร้อมกับมองกระจกหลังไปด้วย
“ฮึก..”
“พรุ่งนี้วันเสาร์มีธุระที่ไหนหรือเปล่า?”
“ฮึกๆ มีทำงานพาร์ทไทม์ตอนเย็น ฮึก”
ฉันพยายามกลั้นสะอื้นไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา
“ดี”
ว่าพร้อมกับตบไฟเลี้ยว ฉันแหงนหน้ามองป้ายสีเขียวด้านบนก็พบว่าลูกศรชี้ไปทางจังหวัดชลบุรี
“อะ โอบ... จะไปไหนเหรอ”
“ทะเล”
“!?”