My Engineer วิศวะหวนคืนรักแฟนเก่า

95.0K · จบแล้ว
ปลาทองส่องแสง
31
บท
2.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

บังเอิญเจอแฟนเก่าที่เลิกกันไปในผับ ฉันคุณหนูตกอับที่ต้องหาเงินค่าเทอมจำใจมาสมัครงานในผับใส่ชุดอ่อยๆยั่วๆบดๆเพื่อแลกกับเงิน แต่โดนคุณแฟนเก่าที่เลิกกันไปไม่ดีมาสกัดดาวรุ่งซะงั้น! “ถอดออกซะ ฉันจัดการเอง” ************ จากแฟนเก่าในวันนั้น สู่ว่าที่สามีในวันนี้ พร้อมกับแฟนเก่านางเอกที่พร้อมจะทำลายทุกอย่าง ไม่มีวันยอมให้เธอกับเขาได้หวนคืนกลับมารักกัน ไม่มีวัน!! ********** แนะนำตัวละคร พระเอก : โอบอ้อม อายุ 21 ปี เรียนคณะวิศวกรรมศาตร์ สาขาโยธา นางเอก : แซนดี้ อายุ 21 ปี เรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาโยธา แฟนเก่านางเอก : ออกัส อายุ 21 ปี เรียนคณะบริหารธุรกิจ ********** “ปล่อย!...แล้วก็กลับห้องตัวเองไปซะอย่ามายุ่งกับฉันอีก” “ไม่ออกไปไหนทั้งนั้นอ่ะ...นี่ก็คอนโดฉันที่ให้เธออยู่ ทำไมฉันจะเอาเธอไม่ได้วะแซน” “หมายความว่ายังไงกัส?” “ทนมาหลายปีแล้วนะเว้ย...ฉันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนนะแซน” “กัสจะทำอะไร...” แววตาของออกัสในตอนนี้ดูน่ากลัวมากจนฉันต้องถอยออกมาให้ห่างจนตอนนี้ร่างเล็กชิดเข้ากับกำแพง “คืนนี้มึงต้องเป็นของกูแซน” ********** “ทำไมถึงอยากมาทำงานที่ร้านนี้ครับ” เจ้าของร้านที่ชื่อพายุเอ่ยถามฉันส่วนผู้ชายอีกสามคนก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “เห็นว่าเป็นร้านเปิดใหม่แล้วก็มีนักศึกษาไม่ค่อยมีวัยทำงานค่ะ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับการทำงานที่นี่” “อืม...เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนไหมเกี่ยวกับด้านนี้?” “ไม่เคยเลยค่ะ” ฉันยิ้มหวานพิมพ์ใจ มั่นใจได้เลยว่าผู้ชายร้อยคนเห็นฉันยิ้มให้แบบนี้ก็ต้องใจละลายไปแล้วเก้าสิบคนพอดีมั่นหน้าค่ะอิอิ “แล้วนี่ยังเรียนอยู่ใช่ไหม?” “เรียนอยู่ปีสามค่ะ” “อืม...น่าสนใจ อ่า..นั่น เพื่อนผมมาพอดีหุ้นส่วนร้าน” “หืม...” ฉันหันไปมองทางด้านหลังตามสายตาของผู้ชายชื่อว่าพายุ ผู้ชายผิวขาวตัวสูงโปร่งกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรผมสีดำขลับเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้านิ่งที่สุภาพอ่อนโยน “โอบอ้อม!” ฉันเบิกตาพองโตมองผู้ชายคนนี้ด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง...แฟนของคนแรกของฉัน

นิยายรักโรแมนติกนิยายปัจจุบันเด็กเรียนโรงแรม/มหาลัยดราม่า

Chapter 1 แฟนเก่าที่ไม่เคยลืม

Chapter 1

แฟนเก่าที่ไม่เคยลืม

@คอนโดใจกลางกรุงเทพมหานคร

ฉันนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเปิดไอแพดนั่งจัดตารางเรียนว่าเปิดเทอมปีสามเทอมสองนี้จะลงเรียนวิชาอะไรบ้าง

“แซนดี้!”

เสียงเรียกอันแสนจะคุ้นเคยดังขึ้น ‘ออกัส’ แฟนของฉันเองค่ะ แต่จะเรียกว่าแฟนได้ไหมล่ะในเมื่อฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลยสักนิด เรียกว่าเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากกว่าปกติแบบนั้นจะถูกกว่า

“อะไรกัส ฉันกำลังจัดตารางเรียนอยู่ ตกอกตกใจหมด”

คอนโดนี้เป็นคอนโดของออกัสที่ให้ฉันอยู่ และแน่นอนว่าเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด

พูดแบบไม่อายเลยนะ....ที่ยังคบกันอยู่จนถึงตอนนี้เพราะเค้ารวย แต่ฉันไม่เคยรักเลย

อยากจะเลิกทุกวัน บอกเลิกวันละสามเวลาแต่เค้าไม่ไปไหนจากฉันสักที

“นี่มันอะไร ทำไมยังไม่ลบไปอีกวะ”

ออกัสชูโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าซึ่งมีรอยกระจกแตกตรงมุมขวาล่าง เป็นเครื่องเก่าที่ใช้ตั้งแต่สมัยมัธยม มันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่ฉันไม่อยากลืม

“กัส! นี่เอาโทรศัพท์ฉันไปเปิดดูเหรอ! บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งกับของส่วนตัวอะ!”

ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า รีบเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์ แต่ออกัสที่สูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก็ชูแขนขึ้นจนสุดจนฉันได้แต่กระโดดเหยงๆเป็นจิงโจ้

“รู้ปะ ฉันโคตรเกลียดเลยนะตอนเห็นรูปมัน”

ออกัสเปิดรูปภาพในโทรศัพท์ของฉัน

รูปคู่ของฉันกับโอบอ้อม แฟนเก่าสมัยมัธยมปลาย แฟนเก่าที่ฉันรักมากและต้องเลิกกันไป

“ทำไม มันเสียดแทงใจนักรึไง!”

“แซนดี้! เมื่อไรวะ!? เมื่อไรจะลืมมัน เรื่องก็ตั้งนานมาละ”

”ไม่มีทางลืม ถ้าอยากได้แฟนที่ไม่มีอดีตก็เลิกกับฉันแล้วไปหาแฟนใหม่ซะสิ!“

ฉันผลักแผงอกกำยำของออกัสออกอย่างแรงจนแทบเซล้ม

“เธอกำลังทำให้ฉันโกรธนะแซน!“

ข้อมือหนาคว้าแขนฉันเอาไว้ให้หันไปแล้วก้มลงประกบปากจูบ ออกัสบดขยี้ริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงจนฉันแทบทนไม่ไหว

“โอ๊ย!”

เลือดสีเข้มออกมาจากปากของออกัส

ใช่ค่ะ ฉันกัดปากเขา

“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบแบบนี้!”

“เกินไปแล้วนะแซน ทำไมวะ! ฉันก็ให้ทุกอย่างกับเธอแล้วอะ ทำไมไม่ยอมรักตอบสักที!”

สิ่งที่ออกัสพูดก็ไม่เกินจริงนักหรอกค่ะ เขาให้ทุกอย่างกับฉันจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อฉันไม่ได้อินกับสิ่งที่ออกัสให้เลยแม้แต่น้อย

ถ้าคำว่ารักมันให้กันได้ง่ายๆ โลกนี้คงไม่มีคำว่าอกหักหรอกมั้ง

“ทำไมวะแซนดี้ ทำไมเธอไม่ลืมไอ้โอบมันสักที มันมีอะไรดีนักหนา”

“อย่ารื้อฟื้นถามความหลังเลย”

ฉันตอบปัดแล้วหันหลังให้กับออกัสเพราะไม่อยากเถียงกับเขาอีกต่อไป แต่ก็โดนดึงข้อมือเล็กเอาไว้อีกที

“ปล่อย!...แล้วก็กลับห้องตัวเองไปซะอย่ามายุ่งกับฉันอีก”

“ไม่ออกไปไหนทั้งนั้นอ่ะ...นี่ก็คอนโดฉันที่ให้เธออยู่ ทำไมฉันจะเอาเธอไม่ได้วะแซน”

“หมายความว่ายังไงกัส?”

“ทนมาหลายปีแล้วนะเว้ย...ฉันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนนะแซน”

“กัสจะทำอะไร...”

แววตาของออกัสในตอนนี้ดูน่ากลัวมากจนฉันต้องถอยออกมาให้ห่างจนตอนนี้ร่างเล็กชิดเข้ากับกำแพง

“คืนนี้มึงต้องเป็นของกูแซน”

“ไม่! ฉันก็ขอนายเลิกตั้งหลายครั้งแล้วทำไมไม่เลิกไปล่ะ ห้องนี้ก็ไม่ได้อยากจะอยู่เลยสักนิด”

“ไม่ต้องพูดมาก”

“กัส!”

น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ ออกัสผลักฉันลงบนที่นอน แววตาของเขาดูน่ากลัวมาก ตัวของฉันสั่นระริกราวกับกวางน้อยที่กำลังโดนเสือขย้ำ

“มึงต้องเป็นของกู”

“ไม่!! เราเลิกกัน”

ฉันบอกเลิกมาเป็นร้อยรอบแต่หนีจากออกัสไม่พ้นสักที พอจะเลิกเขาก็เอาพวกมาบอกว่าจะตีฉัน พอฉันย้ายหนีก็ยังมาตามดักทำให้หนีไปไหนไม่ได้สักที

“อย่าคิดว่าจะหนีได้พ้นนะแซน”

ติ๊งง!

เสียงคีย์การ์ดเปิดประตูดังขึ้น ออกัสชะงักการกระทำลง

“อีแซนคะ ยำแซ่บแซ่บมาแล้วค่ะ อ้าว เอ๊ะ กัสก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย”

เพื่อนสาวประเภทสองของฉัน ‘จีมี่’ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงยำที่ฉันสั่งให้ซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ โชคดีชะมัดที่มีเพื่อนมาขัดจังหวะ

“เอ่อ แล้วนั่นเป็นอะไรกันอยู่หรือเปล่าทำไมเป็นกันอีท่านั้นล่ะ”

จีมี่รู้ว่าฉันเป็นแฟนกัสแต่ก็พอจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ได้ราบรื่น

“เปล่า...ไม่มีอะไร”

“ออกไปได้แล้วกัส”

ฉันออกปากไล่ในทันทีส่วนจีมี่ก็ทำหน้างง

“ก็ได้...ไว้เดี๋ยวจะมาหาใหม่”

กัสเองก็อยู่ที่คอนโดนี้เหมือนกันแต่ว่าอยู่คนละชั้น บ้านของเขารวยมากมีคอนโดหลายห้องหลายหลายที่

ออกัสติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วเดินออกไปจากห้องเหลือเพียงฉันที่นั่งน้ำตาซึมบนโซฟาและมีจีมี่เดินเข้ามาพร้อมกับยำร้านดัง

“อีแซน เป็นอะไรไปอ่ะมึง...ทะเลาะกับกัสเหรอ”

“ฮึกๆ มี่ กูอยากเลิกกับกัส...กูทรมานมากเลย”

ไม่มีสักวันเลยที่ฉันรักกัสอย่างที่คนเป็นแฟนกันรัก ทั้งสถานะที่ตั้งบนหน้าไบโอไอจี ทั้งสตรอรี่ที่ลงราวกับคนคลั่งรัก ไปดินเนอร์หรือทานโอมากาเสะหรือทานร้านเนื้ออย่างดีทุกอย่างเป็นเพียงการสร้างภาพทั้งนั้น

เป็นเพียงสิ่งที่ออกัสต้องการเพียงฝ่ายเดียว จะเลิกก็ไม่ได้...

“โอ๊ยอีแซน มึงใจเย็นนะ...เลิกกับกัสแล้วจะไปอยู่ไหนคะ ผัวรวยขนาดนี้จะหาจากไหนได้อีก?”

“ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ...จะเลิก มึงช่วยกูหาหอถูกๆแถวนี้ที”

“อีแซนคะ...นี่มันใจกลางกรุงเทพนะคะมึงจะไปหาคอนโดระดับนี้ราคาเช่าต่อเดือนถูกๆจากที่ไหนได้อีก ที่นี่มึงอยู่ฟรีกินฟรีน้ำไฟก็ยังฟรี”

“จะไปทำพาร์ทไทม์...จะไปเป็นเด็กชงเหล้า กูจะแรด....กูเบื่อ”

“ปากบอกจะแรด ซิงเคยเสียให้ผู้ชายยังเถอะมึงอ่ะ”

“หึ ยัง...กูยังไม่ให้ใครทั้งนั้น”

เพราะคนเดียวที่ฉันอยากจะให้และพร้อมที่จะให้ก็คือแฟนเก่าที่ฉันรักมากอย่างโอบอ้อมคนเดียวเท่านั้น

“ทำทรงปากดี เอากับผู้ชายยังไม่เคยเลยค่ะเพื่อนกู”

“แล้วไง....ทำงานร้านเหล้าไม่ได้ขายตัวนี่ ทำไมกูจะทำไม่ได้”

“มันจะดีเหรอมึง...แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเลิกกับมัน มึงบอกเองนิว่าไม่เคยหนีพ้นเลย”

“ครั้งนี้ต้องหนีให้พ้น กูขอย้ายของไปอยู่กับมึงก่อนได้ป่ะจี ชั่วคราวก็ยังดีก่อนที่จะหาหอใหม่”

“อีบ้า...ของตั้งเยอะแยะมึงจะขนไปวันนี้เลยเหรอ”

จีมี่ดูท่าจะตกใจมาก

“เอาเท่าที่จำเป็นก่อน เดี๋ยวยังไงเปิดเทอมนี้กูจะลองจองหอในดู”

“ฮะ หอในมหาลัยอะนะ ห้องพัดลมแบบนั้นมึงจะนอนยังไงวะอีแซน เคยอยู่เป็นลูกคุณหนูสะพายกระเป๋าชาแนล วันว่างๆก็ไปเติมหน้าฉีดฟิลเลอร์ นี่มึงจะอยู่หอในเนี่ยนะ”

“เออ...ก็มันจำเป็นนี่ เอาชาแนลที่กัสซื้อให้วันเกิดไปขายก่อนได้ป่ะวะจีกูจะได้เอามาเป็นค่าเทอม”

ฉันถามเพื่อนอย่ากังวล เพราะปกติกัสเป็นคนจ่ายค่าเทอมให้ถึงแม้ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาลค่าเทอมไม่แพงมากแต่ค่าของชีพและหลายๆอย่างก็ไม่ถูกเลยพอรวมกันแล้ว

“แล้วแต่มึงอ่ะ...มีตั้งหลายใบขายทิ้งไปบ้างก็คงไม่เป็นไรหรอก“

“อือ...งั้นคืนนี้เดี๋ยวกูเอาเสื้อผ้าไปอยู่ห้องมึงก่อนนะ“

“อือ งั้นก็รีบเก็บกันเถอะก่อนที่กัสมันจะเข้ามาอีก”

@หอของจีมี่

หอของเพื่อนฉันอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ฉันถือกระเป๋าลากใบใหญ่สีชมพูลงมาจากคอนโดมายังหอของจีมี่โดยนั่งแท็กซี่กันมา

“มึงจะนอนได้ไหมเนี่ยอีแซน...หอกูไม่ได้หรูหราอะไร เป็นเตียงเดี่ยวเล็กๆห้าฟุต”

“สภาพก็คงดูดีกว่าหอในที่กูจะไปอยู่แหละค่ะ...ตอนนี้อยู่ไหนก็ได้ ไม่อยากอยู่กับกัสแล้วบอกตามตรงว่าเบื่อ แล้วก็กลัวมันด้วย”

เวลากัสโหดร้ายมักจะน่ากลัวเสมอ แต่ก็ยังดีที่กัสไม่เคยทำอะไรล่วงเกินฉันเลยแม้ว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ แต่รอบหน้าฉันคงไม่รอดแน่เพราะกัสดูจะแค้นใจมากที่ฉันยังไม่ลืมโอบอ้อม

“แล้วที่มึงว่าไปทำงานร้านเหล้านี่คือยังไง พูดแบบนี้คือไปเล็งแล้วใช่ไหมว่าจะทำที่ไหน”

จีมี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย สมแล้วที่เป็นเพื่อนฉันพอรู้ทันไปซะหมด

“ที่จริงคืนนี้ก็ตั้งใจจะชวนมึงไปนั่นแหละ ไปดูบรรยากาศผับสักหน่อยเห็นในเว็บเขาประกาศหาพนักงานเชียร์ดื่มอยู่”

“ที่ไหนล่ะ”

“ป่ะ ไปกันตอนนี้เลย”

“เดี๋ยวค่าอีแซนดี้...แล้วยำที่กูซื้อมาล่ะคะ”

“แช่ตู้เย็นไว้ก่อน”

“อีบ้า...เดี๋ยวก็เซ็งพอดี”

“ยำอะไม่เซ็ง แต่กูเซ็งมากค่ะตอนนี้ ไปเร็วไปร้านเหล้ากัน”

“โอเคๆ เดี๋ยวค่อยกลับมากินก็ได้”

และในที่สุดเราสองคนก็จัดการแต่งหน้าแต่งตัวให้พอไปวัดไปวาได้แล้วพากันไปที่ผับหรูซึ่งฉันเองก็ไม่เคยเข้าเหมือนกันเพราะระยะเวลาที่คบกับกัสไม่เคยพาไปสถานที่อย่างนั้นเลยเพราะกลัวว่าฉันจะถูกผู้ชายคนอื่นมอง เค้าหึงหวงฉันมาก...มากจนอึดอัด

@พียูผับ

ในที่สุดเราสองคนก็มาถึงที่ผับนี้สักที ได้ยินมาว่าเจ้าของผับเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆจากที่นี่แถมยังเรียนคณะวิศวะอีกต่างหาก เป็นผับที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานทำให้ยังต้องรับพนักงานเพิ่มอีกมาก

“ผับนี้มีแต่นักศึกษาแต่ก็หรูใช้ได้นะมึง เป็นผับเปิดใหม่ด้วยนี่”

จีมี่มองไปรอบๆแล้วชวนฉันคุย ดูท่ามันเองก็จะตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ครั้งแรกไม่ต่างจากฉันเลยที่ไม่เคยมาเที่ยวสถานที่อย่างนี้

“ใช่...เป็นผับเปิดใหม่ ไม่รู้ว่าจะไปติดต่อใครได้ กูไม่เคยสมัครงานพาร์ทไทม์มาก่อนเลยอ่ะตื่นเต้นจัง”

ฉันมองไปรอบๆ ในตอนนี้ฉันสวมใส่เสื้อยืดสีขาวกับกระโปรงทรงเอสีครีมเนื้อผ้าลูกฟูกกับรองเท้าส้นสูงสีครีม พยายามแต่งตัวมาให้ดูเข้าพวกและสุภาพที่สุดทั้งสะพายกระเป๋าชาแนลบอยรูปสีดำ

ฮืออ...เราคงอยู่ด้วยกันได้ไม่นานนะลูกรัก แม่จะต้องเอาลูกไปขายแล้วไม่งั้นค่าเทอมเทอมนี้แม่ไม่มีจ่ายแน่ T-T

“โอ้ยมึงคะ...โต๊ะนั้นผู้หล่อมาก”

จีมี่ชี้ไปที่โต๊ะหนึ่งซึ่งมีผู้ชายนั่งอยู่ถึงสี่คนด้วยกัน แต่ก็หล่อจริงอย่างเพื่อนว่า

“หล่ออย่างกับพระเจ้าสรรสร้าง ถูกใจมึงเลยสิคะจีมี่แบบนั้น

“เขาคงไม่เอากูหรอกค่ะมึง...ถ้าเป็นคุณหนูแซนดี้ก็ว่าไปอย่าง สวยก็สวยนมก็ใหญ่ใครเห็นก็ต้องชอบ ถึงขนาดออกัสมันตามรักตามเปย์มานานก็ยังไม่ยอมถอดใจจากมึงสักทีเนี่ย”

“อย่าพูดถึงกัสเลย...แค่คิดกูก็เบื่อละ ทำไมจะต้องทำแบบนี้กับกูด้วยก็ไม่รู้ว่ะกูไม่เคยรักกัสเลยนะ”

“เอาน่ามึง...นี่ก็เริ่มออกมาแล้วนี่เดี๋ยวก็ย้ายไปอยู่หอในแล้วคงไม่ได้เจอกัสแล้วล่ะ”

จีมี่พยายามปลอบใจ ฉันก็ได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนที่จะเลือกนั่งกับโต๊ะหนึ่ง ดูแล้วแขกก็จะมีแต่นักศึกษาด้วยกันอาจจะมีพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งจบไปบ้าง ส่วนเด็กดริ้งค์ก็มีอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่แต่ละคนก็สวยเกรดนักศึกษากันทั้งนั้น คงจะมาทำงานหารายได้เสริมเหมือนกัน

“ว่าไงจีมี่...ดูแล้วก็น่าจะมีแต่นักศึกษามาทำงานกันนะ น่าสนใจไหมดูจะไม่ค่อยอันตราย”

“ก็ดีนะมึง ไม่ค่อยมีวัยทำงานเท่าไร”

“เอ่อ ขอโทษนะคะ ถ้าอยากจะสมัครงานต้องติดต่อที่ไหนเหรอคะ?“

เมื่อเห็นพนักงานชายเดินผ่านมาฉันจึงถามขึ้นว่าจะสามารถติดต่อใครได้บ้าง

“มาสมัครตำแหน่งอะไรหรอครับ”

“เห็นในเว็บประกาศว่ารับเด็กนั่งเชียร์ใช่ไหมคะ สนใจค่ะ”

ฉันพูดออกไปอย่างไม่อาย ถ้ามัวแต่อายก็คงจะอดเพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองค่อนข้างใช้เงินเยอะ และที่บ้านก็ไม่ได้มีซัพพอร์ตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ที่สำคัญชีวิตฉันตอนนี้ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว...พ่อของฉันเสียชีวิตลงด้วยความเครียดจากธุรกิจร้านอาหารที่เจ๊งไม่เป็นท่าทั้งหมดสิบกว่าสาขาซึ่งพ่อฉันทำงานและบริหารมันมาทั้งชีวิต

บ้านฉันล้มละลายจนไม่เหลืออะไรแล้ว...

“อ๋อ...ถ้าตำแหน่งนั้นตอนนี้ร้านเรายังรับน้อยต้องไปคุยกับเจ้าของร้านโดยตรงครับ“

“เอ่อ แล้วเจ้าของร้านอยู่ที่ไหนเหรอคะ”

“เดี๋ยวผมพาไปครับ...โชคดีเลยที่มาวันนี้ คุณพายุเข้าร้านพอดี”

“เอาจริงเหรอมึง.....”

จี่มี่ถามแล้วใช้ศอกกระทุ้งสีข้างของฉันเบาๆ

“เอาสิ...มาขนาดนี้แล้วจีมี่”

ฉันเดินตามพนักงานชายคนนั้นไป และโต๊ะที่พนักงานพามาก็คือโต๊ะของผู้ชายห้าคนในตอนแรกที่จีมี่บอกว่าหล่อ

“โอ้ยอีแซน...”

ถึงกับทำตาลุกวาสเมื่อได้มาที่โต๊ะนี้

“คุณพายุครับ...คุณคนนี้บอกว่าอยากมาสมัครเป็นเด็กเชียร์ที่ร้านครับ”

ผู้ชายที่ชื่อพายุละสายตาจากแก้วเหล้าแล้วเงยหน้ามาสบตากับฉัน โอ้ หล่ออะไรเบอร์นี้ฉัน...หล่อกระแทกปากกระแทกใจซะเหลือเกิน ทำไมเจ้าของร้านถึงได้อายุน้อยขนาดนี้นะ

“นั่งก่อนสิครับ อันนี้คือมาสมัครกี่คน?”

ผู้ชายที่ชื่อพายุมองฉันกับจีมี่

“เอ่อ ฉันมาสมัครคนเดียวค่ะส่วนนี่เพื่อนมาเป็นเพื่อนเฉยๆ”

ฉันตอบตะกุกตะกัก

“โอเค งั้นเชิญนั่งทั้งสองก่อนเลยก็ได้นะ”

จีมี่มองหน้าฉัน ฉันพยักหน้าเบาๆว่าให้มันนั่งได้

“ชื่ออะไรครับ อายุเท่าไร?”

“ชื่อแซนดี้ค่ะ อายุยี่สิบเอ็ดปี”

“ทำไมถึงอยากมาทำงานที่ร้านนี้ครับ”

เจ้าของร้านที่ชื่อพายุเอ่ยถามฉันส่วนผู้ชายอีกสามคนก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร

“เห็นว่าเป็นร้านเปิดใหม่แล้วก็มีนักศึกษาไม่ค่อยมีวัยทำงานค่ะ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับการทำงานที่นี่”

“อืม...เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนไหมเกี่ยวกับด้านนี้?”

“ไม่เคยเลยค่ะ”

ฉันยิ้มหวานพิมพ์ใจ มั่นใจได้เลยว่าผู้ชายร้อยคนเห็นฉันยิ้มให้แบบนี้ก็ต้องใจละลายไปแล้วเก้าสิบคนพอดีมั่นหน้าค่ะอิอิ

“แล้วนี่ยังเรียนอยู่ใช่ไหม?”

“เรียนอยู่ปีสามค่ะ”

“อืม...น่าสนใจ อ่า..นั่น เพื่อนผมมาพอดีหุ้นส่วนร้าน”

“หืม...”

ฉันหันไปมองทางด้านหลังตามสายตาของผู้ชายชื่อว่าพายุ

ผู้ชายผิวขาวตัวสูงโปร่งกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรผมสีดำขลับเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้านิ่งที่สุภาพอ่อนโยน

“โอบอ้อม!”

ฉันเบิกตาพองโตมองผู้ชายคนนี้ด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง...แฟนของคนแรกของฉัน

เมื่อได้ยินเสียงฉันเรียกชื่อโอบอ้อมก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าอึ้งไปอยู่เหมือนกัน คงไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง

“แสนดี!?”