Chapter 1 แฟนเก่าที่ไม่เคยลืม
Chapter 1
แฟนเก่าที่ไม่เคยลืม
@คอนโดใจกลางกรุงเทพมหานคร
ฉันนอนอยู่บนเตียงพร้อมกับเปิดไอแพดนั่งจัดตารางเรียนว่าเปิดเทอมปีสามเทอมสองนี้จะลงเรียนวิชาอะไรบ้าง
“แซนดี้!”
เสียงเรียกอันแสนจะคุ้นเคยดังขึ้น ‘ออกัส’ แฟนของฉันเองค่ะ แต่จะเรียกว่าแฟนได้ไหมล่ะในเมื่อฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับเค้าเลยสักนิด เรียกว่าเป็นแค่เพื่อนที่สนิทกันมากกว่าปกติแบบนั้นจะถูกกว่า
“อะไรกัส ฉันกำลังจัดตารางเรียนอยู่ ตกอกตกใจหมด”
คอนโดนี้เป็นคอนโดของออกัสที่ให้ฉันอยู่ และแน่นอนว่าเขาออกค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด
พูดแบบไม่อายเลยนะ....ที่ยังคบกันอยู่จนถึงตอนนี้เพราะเค้ารวย แต่ฉันไม่เคยรักเลย
อยากจะเลิกทุกวัน บอกเลิกวันละสามเวลาแต่เค้าไม่ไปไหนจากฉันสักที
“นี่มันอะไร ทำไมยังไม่ลบไปอีกวะ”
ออกัสชูโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าซึ่งมีรอยกระจกแตกตรงมุมขวาล่าง เป็นเครื่องเก่าที่ใช้ตั้งแต่สมัยมัธยม มันเต็มไปด้วยความทรงจำมากมายที่ฉันไม่อยากลืม
“กัส! นี่เอาโทรศัพท์ฉันไปเปิดดูเหรอ! บอกแล้วไงว่าอย่ายุ่งกับของส่วนตัวอะ!”
ฉันโมโหจนเลือดขึ้นหน้า รีบเดินเข้าไปคว้าโทรศัพท์ แต่ออกัสที่สูงกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรก็ชูแขนขึ้นจนสุดจนฉันได้แต่กระโดดเหยงๆเป็นจิงโจ้
“รู้ปะ ฉันโคตรเกลียดเลยนะตอนเห็นรูปมัน”
ออกัสเปิดรูปภาพในโทรศัพท์ของฉัน
รูปคู่ของฉันกับโอบอ้อม แฟนเก่าสมัยมัธยมปลาย แฟนเก่าที่ฉันรักมากและต้องเลิกกันไป
“ทำไม มันเสียดแทงใจนักรึไง!”
“แซนดี้! เมื่อไรวะ!? เมื่อไรจะลืมมัน เรื่องก็ตั้งนานมาละ”
”ไม่มีทางลืม ถ้าอยากได้แฟนที่ไม่มีอดีตก็เลิกกับฉันแล้วไปหาแฟนใหม่ซะสิ!“
ฉันผลักแผงอกกำยำของออกัสออกอย่างแรงจนแทบเซล้ม
“เธอกำลังทำให้ฉันโกรธนะแซน!“
ข้อมือหนาคว้าแขนฉันเอาไว้ให้หันไปแล้วก้มลงประกบปากจูบ ออกัสบดขยี้ริมฝีปากลงมาอย่างรุนแรงจนฉันแทบทนไม่ไหว
“โอ๊ย!”
เลือดสีเข้มออกมาจากปากของออกัส
ใช่ค่ะ ฉันกัดปากเขา
“บอกแล้วไงว่าไม่ชอบแบบนี้!”
“เกินไปแล้วนะแซน ทำไมวะ! ฉันก็ให้ทุกอย่างกับเธอแล้วอะ ทำไมไม่ยอมรักตอบสักที!”
สิ่งที่ออกัสพูดก็ไม่เกินจริงนักหรอกค่ะ เขาให้ทุกอย่างกับฉันจริงๆ แต่จะทำยังไงได้ในเมื่อฉันไม่ได้อินกับสิ่งที่ออกัสให้เลยแม้แต่น้อย
ถ้าคำว่ารักมันให้กันได้ง่ายๆ โลกนี้คงไม่มีคำว่าอกหักหรอกมั้ง
“ทำไมวะแซนดี้ ทำไมเธอไม่ลืมไอ้โอบมันสักที มันมีอะไรดีนักหนา”
“อย่ารื้อฟื้นถามความหลังเลย”
ฉันตอบปัดแล้วหันหลังให้กับออกัสเพราะไม่อยากเถียงกับเขาอีกต่อไป แต่ก็โดนดึงข้อมือเล็กเอาไว้อีกที
“ปล่อย!...แล้วก็กลับห้องตัวเองไปซะอย่ามายุ่งกับฉันอีก”
“ไม่ออกไปไหนทั้งนั้นอ่ะ...นี่ก็คอนโดฉันที่ให้เธออยู่ ทำไมฉันจะเอาเธอไม่ได้วะแซน”
“หมายความว่ายังไงกัส?”
“ทนมาหลายปีแล้วนะเว้ย...ฉันก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่ไหนนะแซน”
“กัสจะทำอะไร...”
แววตาของออกัสในตอนนี้ดูน่ากลัวมากจนฉันต้องถอยออกมาให้ห่างจนตอนนี้ร่างเล็กชิดเข้ากับกำแพง
“คืนนี้มึงต้องเป็นของกูแซน”
“ไม่! ฉันก็ขอนายเลิกตั้งหลายครั้งแล้วทำไมไม่เลิกไปล่ะ ห้องนี้ก็ไม่ได้อยากจะอยู่เลยสักนิด”
“ไม่ต้องพูดมาก”
“กัส!”
น้ำเสียงของฉันสั่นเครือ ออกัสผลักฉันลงบนที่นอน แววตาของเขาดูน่ากลัวมาก ตัวของฉันสั่นระริกราวกับกวางน้อยที่กำลังโดนเสือขย้ำ
“มึงต้องเป็นของกู”
“ไม่!! เราเลิกกัน”
ฉันบอกเลิกมาเป็นร้อยรอบแต่หนีจากออกัสไม่พ้นสักที พอจะเลิกเขาก็เอาพวกมาบอกว่าจะตีฉัน พอฉันย้ายหนีก็ยังมาตามดักทำให้หนีไปไหนไม่ได้สักที
“อย่าคิดว่าจะหนีได้พ้นนะแซน”
ติ๊งง!
เสียงคีย์การ์ดเปิดประตูดังขึ้น ออกัสชะงักการกระทำลง
“อีแซนคะ ยำแซ่บแซ่บมาแล้วค่ะ อ้าว เอ๊ะ กัสก็อยู่ด้วยเหรอเนี่ย”
เพื่อนสาวประเภทสองของฉัน ‘จีมี่’ เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับถุงยำที่ฉันสั่งให้ซื้อเข้ามาก่อนหน้านี้ โชคดีชะมัดที่มีเพื่อนมาขัดจังหวะ
“เอ่อ แล้วนั่นเป็นอะไรกันอยู่หรือเปล่าทำไมเป็นกันอีท่านั้นล่ะ”
จีมี่รู้ว่าฉันเป็นแฟนกัสแต่ก็พอจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของเราสองคนไม่ได้ราบรื่น
“เปล่า...ไม่มีอะไร”
“ออกไปได้แล้วกัส”
ฉันออกปากไล่ในทันทีส่วนจีมี่ก็ทำหน้างง
“ก็ได้...ไว้เดี๋ยวจะมาหาใหม่”
กัสเองก็อยู่ที่คอนโดนี้เหมือนกันแต่ว่าอยู่คนละชั้น บ้านของเขารวยมากมีคอนโดหลายห้องหลายหลายที่
ออกัสติดกระดุมเสื้อเชิ้ตแล้วเดินออกไปจากห้องเหลือเพียงฉันที่นั่งน้ำตาซึมบนโซฟาและมีจีมี่เดินเข้ามาพร้อมกับยำร้านดัง
“อีแซน เป็นอะไรไปอ่ะมึง...ทะเลาะกับกัสเหรอ”
“ฮึกๆ มี่ กูอยากเลิกกับกัส...กูทรมานมากเลย”
ไม่มีสักวันเลยที่ฉันรักกัสอย่างที่คนเป็นแฟนกันรัก ทั้งสถานะที่ตั้งบนหน้าไบโอไอจี ทั้งสตรอรี่ที่ลงราวกับคนคลั่งรัก ไปดินเนอร์หรือทานโอมากาเสะหรือทานร้านเนื้ออย่างดีทุกอย่างเป็นเพียงการสร้างภาพทั้งนั้น
เป็นเพียงสิ่งที่ออกัสต้องการเพียงฝ่ายเดียว จะเลิกก็ไม่ได้...
“โอ๊ยอีแซน มึงใจเย็นนะ...เลิกกับกัสแล้วจะไปอยู่ไหนคะ ผัวรวยขนาดนี้จะหาจากไหนได้อีก?”
“ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ...จะเลิก มึงช่วยกูหาหอถูกๆแถวนี้ที”
“อีแซนคะ...นี่มันใจกลางกรุงเทพนะคะมึงจะไปหาคอนโดระดับนี้ราคาเช่าต่อเดือนถูกๆจากที่ไหนได้อีก ที่นี่มึงอยู่ฟรีกินฟรีน้ำไฟก็ยังฟรี”
“จะไปทำพาร์ทไทม์...จะไปเป็นเด็กชงเหล้า กูจะแรด....กูเบื่อ”
“ปากบอกจะแรด ซิงเคยเสียให้ผู้ชายยังเถอะมึงอ่ะ”
“หึ ยัง...กูยังไม่ให้ใครทั้งนั้น”
เพราะคนเดียวที่ฉันอยากจะให้และพร้อมที่จะให้ก็คือแฟนเก่าที่ฉันรักมากอย่างโอบอ้อมคนเดียวเท่านั้น
“ทำทรงปากดี เอากับผู้ชายยังไม่เคยเลยค่ะเพื่อนกู”
“แล้วไง....ทำงานร้านเหล้าไม่ได้ขายตัวนี่ ทำไมกูจะทำไม่ได้”
“มันจะดีเหรอมึง...แน่ใจแล้วเหรอว่าจะเลิกกับมัน มึงบอกเองนิว่าไม่เคยหนีพ้นเลย”
“ครั้งนี้ต้องหนีให้พ้น กูขอย้ายของไปอยู่กับมึงก่อนได้ป่ะจี ชั่วคราวก็ยังดีก่อนที่จะหาหอใหม่”
“อีบ้า...ของตั้งเยอะแยะมึงจะขนไปวันนี้เลยเหรอ”
จีมี่ดูท่าจะตกใจมาก
“เอาเท่าที่จำเป็นก่อน เดี๋ยวยังไงเปิดเทอมนี้กูจะลองจองหอในดู”
“ฮะ หอในมหาลัยอะนะ ห้องพัดลมแบบนั้นมึงจะนอนยังไงวะอีแซน เคยอยู่เป็นลูกคุณหนูสะพายกระเป๋าชาแนล วันว่างๆก็ไปเติมหน้าฉีดฟิลเลอร์ นี่มึงจะอยู่หอในเนี่ยนะ”
“เออ...ก็มันจำเป็นนี่ เอาชาแนลที่กัสซื้อให้วันเกิดไปขายก่อนได้ป่ะวะจีกูจะได้เอามาเป็นค่าเทอม”
ฉันถามเพื่อนอย่ากังวล เพราะปกติกัสเป็นคนจ่ายค่าเทอมให้ถึงแม้ว่าจะเรียนมหาวิทยาลัยรัฐบาลค่าเทอมไม่แพงมากแต่ค่าของชีพและหลายๆอย่างก็ไม่ถูกเลยพอรวมกันแล้ว
“แล้วแต่มึงอ่ะ...มีตั้งหลายใบขายทิ้งไปบ้างก็คงไม่เป็นไรหรอก“
“อือ...งั้นคืนนี้เดี๋ยวกูเอาเสื้อผ้าไปอยู่ห้องมึงก่อนนะ“
“อือ งั้นก็รีบเก็บกันเถอะก่อนที่กัสมันจะเข้ามาอีก”
@หอของจีมี่
หอของเพื่อนฉันอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัย ฉันถือกระเป๋าลากใบใหญ่สีชมพูลงมาจากคอนโดมายังหอของจีมี่โดยนั่งแท็กซี่กันมา
“มึงจะนอนได้ไหมเนี่ยอีแซน...หอกูไม่ได้หรูหราอะไร เป็นเตียงเดี่ยวเล็กๆห้าฟุต”
“สภาพก็คงดูดีกว่าหอในที่กูจะไปอยู่แหละค่ะ...ตอนนี้อยู่ไหนก็ได้ ไม่อยากอยู่กับกัสแล้วบอกตามตรงว่าเบื่อ แล้วก็กลัวมันด้วย”
เวลากัสโหดร้ายมักจะน่ากลัวเสมอ แต่ก็ยังดีที่กัสไม่เคยทำอะไรล่วงเกินฉันเลยแม้ว่าจะเป็นหนักขนาดนี้ แต่รอบหน้าฉันคงไม่รอดแน่เพราะกัสดูจะแค้นใจมากที่ฉันยังไม่ลืมโอบอ้อม
“แล้วที่มึงว่าไปทำงานร้านเหล้านี่คือยังไง พูดแบบนี้คือไปเล็งแล้วใช่ไหมว่าจะทำที่ไหน”
จีมี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย สมแล้วที่เป็นเพื่อนฉันพอรู้ทันไปซะหมด
“ที่จริงคืนนี้ก็ตั้งใจจะชวนมึงไปนั่นแหละ ไปดูบรรยากาศผับสักหน่อยเห็นในเว็บเขาประกาศหาพนักงานเชียร์ดื่มอยู่”
“ที่ไหนล่ะ”
“ป่ะ ไปกันตอนนี้เลย”
“เดี๋ยวค่าอีแซนดี้...แล้วยำที่กูซื้อมาล่ะคะ”
“แช่ตู้เย็นไว้ก่อน”
“อีบ้า...เดี๋ยวก็เซ็งพอดี”
“ยำอะไม่เซ็ง แต่กูเซ็งมากค่ะตอนนี้ ไปเร็วไปร้านเหล้ากัน”
“โอเคๆ เดี๋ยวค่อยกลับมากินก็ได้”
และในที่สุดเราสองคนก็จัดการแต่งหน้าแต่งตัวให้พอไปวัดไปวาได้แล้วพากันไปที่ผับหรูซึ่งฉันเองก็ไม่เคยเข้าเหมือนกันเพราะระยะเวลาที่คบกับกัสไม่เคยพาไปสถานที่อย่างนั้นเลยเพราะกลัวว่าฉันจะถูกผู้ชายคนอื่นมอง เค้าหึงหวงฉันมาก...มากจนอึดอัด
@พียูผับ
ในที่สุดเราสองคนก็มาถึงที่ผับนี้สักที ได้ยินมาว่าเจ้าของผับเป็นเด็กมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้ๆจากที่นี่แถมยังเรียนคณะวิศวะอีกต่างหาก เป็นผับที่เพิ่งเปิดได้ไม่นานทำให้ยังต้องรับพนักงานเพิ่มอีกมาก
“ผับนี้มีแต่นักศึกษาแต่ก็หรูใช้ได้นะมึง เป็นผับเปิดใหม่ด้วยนี่”
จีมี่มองไปรอบๆแล้วชวนฉันคุย ดูท่ามันเองก็จะตื่นเต้นที่ได้มาที่นี่ครั้งแรกไม่ต่างจากฉันเลยที่ไม่เคยมาเที่ยวสถานที่อย่างนี้
“ใช่...เป็นผับเปิดใหม่ ไม่รู้ว่าจะไปติดต่อใครได้ กูไม่เคยสมัครงานพาร์ทไทม์มาก่อนเลยอ่ะตื่นเต้นจัง”
ฉันมองไปรอบๆ ในตอนนี้ฉันสวมใส่เสื้อยืดสีขาวกับกระโปรงทรงเอสีครีมเนื้อผ้าลูกฟูกกับรองเท้าส้นสูงสีครีม พยายามแต่งตัวมาให้ดูเข้าพวกและสุภาพที่สุดทั้งสะพายกระเป๋าชาแนลบอยรูปสีดำ
ฮืออ...เราคงอยู่ด้วยกันได้ไม่นานนะลูกรัก แม่จะต้องเอาลูกไปขายแล้วไม่งั้นค่าเทอมเทอมนี้แม่ไม่มีจ่ายแน่ T-T
“โอ้ยมึงคะ...โต๊ะนั้นผู้หล่อมาก”
จีมี่ชี้ไปที่โต๊ะหนึ่งซึ่งมีผู้ชายนั่งอยู่ถึงสี่คนด้วยกัน แต่ก็หล่อจริงอย่างเพื่อนว่า
“หล่ออย่างกับพระเจ้าสรรสร้าง ถูกใจมึงเลยสิคะจีมี่แบบนั้น
“เขาคงไม่เอากูหรอกค่ะมึง...ถ้าเป็นคุณหนูแซนดี้ก็ว่าไปอย่าง สวยก็สวยนมก็ใหญ่ใครเห็นก็ต้องชอบ ถึงขนาดออกัสมันตามรักตามเปย์มานานก็ยังไม่ยอมถอดใจจากมึงสักทีเนี่ย”
“อย่าพูดถึงกัสเลย...แค่คิดกูก็เบื่อละ ทำไมจะต้องทำแบบนี้กับกูด้วยก็ไม่รู้ว่ะกูไม่เคยรักกัสเลยนะ”
“เอาน่ามึง...นี่ก็เริ่มออกมาแล้วนี่เดี๋ยวก็ย้ายไปอยู่หอในแล้วคงไม่ได้เจอกัสแล้วล่ะ”
จีมี่พยายามปลอบใจ ฉันก็ได้แต่ลอบถอนหายใจก่อนที่จะเลือกนั่งกับโต๊ะหนึ่ง ดูแล้วแขกก็จะมีแต่นักศึกษาด้วยกันอาจจะมีพนักงานออฟฟิศที่เพิ่งจบไปบ้าง ส่วนเด็กดริ้งค์ก็มีอยู่แต่ไม่มากเท่าไหร่แต่ละคนก็สวยเกรดนักศึกษากันทั้งนั้น คงจะมาทำงานหารายได้เสริมเหมือนกัน
“ว่าไงจีมี่...ดูแล้วก็น่าจะมีแต่นักศึกษามาทำงานกันนะ น่าสนใจไหมดูจะไม่ค่อยอันตราย”
“ก็ดีนะมึง ไม่ค่อยมีวัยทำงานเท่าไร”
“เอ่อ ขอโทษนะคะ ถ้าอยากจะสมัครงานต้องติดต่อที่ไหนเหรอคะ?“
เมื่อเห็นพนักงานชายเดินผ่านมาฉันจึงถามขึ้นว่าจะสามารถติดต่อใครได้บ้าง
“มาสมัครตำแหน่งอะไรหรอครับ”
“เห็นในเว็บประกาศว่ารับเด็กนั่งเชียร์ใช่ไหมคะ สนใจค่ะ”
ฉันพูดออกไปอย่างไม่อาย ถ้ามัวแต่อายก็คงจะอดเพราะฉันรู้ดีว่าตัวเองค่อนข้างใช้เงินเยอะ และที่บ้านก็ไม่ได้มีซัพพอร์ตเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
ที่สำคัญชีวิตฉันตอนนี้ก็ไม่เหลือใครอีกแล้ว...พ่อของฉันเสียชีวิตลงด้วยความเครียดจากธุรกิจร้านอาหารที่เจ๊งไม่เป็นท่าทั้งหมดสิบกว่าสาขาซึ่งพ่อฉันทำงานและบริหารมันมาทั้งชีวิต
บ้านฉันล้มละลายจนไม่เหลืออะไรแล้ว...
“อ๋อ...ถ้าตำแหน่งนั้นตอนนี้ร้านเรายังรับน้อยต้องไปคุยกับเจ้าของร้านโดยตรงครับ“
“เอ่อ แล้วเจ้าของร้านอยู่ที่ไหนเหรอคะ”
“เดี๋ยวผมพาไปครับ...โชคดีเลยที่มาวันนี้ คุณพายุเข้าร้านพอดี”
“เอาจริงเหรอมึง.....”
จี่มี่ถามแล้วใช้ศอกกระทุ้งสีข้างของฉันเบาๆ
“เอาสิ...มาขนาดนี้แล้วจีมี่”
ฉันเดินตามพนักงานชายคนนั้นไป และโต๊ะที่พนักงานพามาก็คือโต๊ะของผู้ชายห้าคนในตอนแรกที่จีมี่บอกว่าหล่อ
“โอ้ยอีแซน...”
ถึงกับทำตาลุกวาสเมื่อได้มาที่โต๊ะนี้
“คุณพายุครับ...คุณคนนี้บอกว่าอยากมาสมัครเป็นเด็กเชียร์ที่ร้านครับ”
ผู้ชายที่ชื่อพายุละสายตาจากแก้วเหล้าแล้วเงยหน้ามาสบตากับฉัน โอ้ หล่ออะไรเบอร์นี้ฉัน...หล่อกระแทกปากกระแทกใจซะเหลือเกิน ทำไมเจ้าของร้านถึงได้อายุน้อยขนาดนี้นะ
“นั่งก่อนสิครับ อันนี้คือมาสมัครกี่คน?”
ผู้ชายที่ชื่อพายุมองฉันกับจีมี่
“เอ่อ ฉันมาสมัครคนเดียวค่ะส่วนนี่เพื่อนมาเป็นเพื่อนเฉยๆ”
ฉันตอบตะกุกตะกัก
“โอเค งั้นเชิญนั่งทั้งสองก่อนเลยก็ได้นะ”
จีมี่มองหน้าฉัน ฉันพยักหน้าเบาๆว่าให้มันนั่งได้
“ชื่ออะไรครับ อายุเท่าไร?”
“ชื่อแซนดี้ค่ะ อายุยี่สิบเอ็ดปี”
“ทำไมถึงอยากมาทำงานที่ร้านนี้ครับ”
เจ้าของร้านที่ชื่อพายุเอ่ยถามฉันส่วนผู้ชายอีกสามคนก็ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“เห็นว่าเป็นร้านเปิดใหม่แล้วก็มีนักศึกษาไม่ค่อยมีวัยทำงานค่ะ คิดว่าน่าจะตอบโจทย์กับการทำงานที่นี่”
“อืม...เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนไหมเกี่ยวกับด้านนี้?”
“ไม่เคยเลยค่ะ”
ฉันยิ้มหวานพิมพ์ใจ มั่นใจได้เลยว่าผู้ชายร้อยคนเห็นฉันยิ้มให้แบบนี้ก็ต้องใจละลายไปแล้วเก้าสิบคนพอดีมั่นหน้าค่ะอิอิ
“แล้วนี่ยังเรียนอยู่ใช่ไหม?”
“เรียนอยู่ปีสามค่ะ”
“อืม...น่าสนใจ อ่า..นั่น เพื่อนผมมาพอดีหุ้นส่วนร้าน”
“หืม...”
ฉันหันไปมองทางด้านหลังตามสายตาของผู้ชายชื่อว่าพายุ
ผู้ชายผิวขาวตัวสูงโปร่งกว่าร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรผมสีดำขลับเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้านิ่งที่สุภาพอ่อนโยน
“โอบอ้อม!”
ฉันเบิกตาพองโตมองผู้ชายคนนี้ด้วยความตกใจไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้ง...แฟนของคนแรกของฉัน
เมื่อได้ยินเสียงฉันเรียกชื่อโอบอ้อมก็มองหน้าฉันด้วยสีหน้าอึ้งไปอยู่เหมือนกัน คงไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง
“แสนดี!?”