Chapter 2 เปลี่ยนชื่อเล่นเข้าเมืองกรุง
Chapter 2
เปลี่ยนชื่อเล่นเข้าเมืองกรุง
“โอบอ้อม!”
“แสนดี!?”
“หืม? รู้จักกันอยู่แล้วเหรอ”
เมื่อเห็นว่าเราสองคนอุทานชื่อซึ่งกันและกันขึ้นมา ผู้ชายที่ชื่อพายุที่นั่งอยู่ตรงข้ามฉันก็มองหน้าฉันสลับกับโอบอ้อมแฟนเก่า
“แสนดี...มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“นังแซน...ผู้ชายคนนี้เป็นใครเนี่ย รู้จักชื่อเก่าแกได้ไง”
จีมี่กระซิบถามฉัน
“เอ่อ...สวัสดีโอบ พอดีเราจะมาสมัครงานที่นี่”
โอบอ้อมขมวดคิ้วมุ่นเมื่อได้ยินว่าฉันจะมาสมัครงานที่นี่ เขามองหน้าฉันสลับกับผู้ชายที่ชื่อพายุ
“สมัครงานอะไรวะพายุ”
“เด็กดริ้งค์ไง...ร้านเรากำลังขาดอยู่พอดี”
“แสนดีเนี่ยนะจะมาสมัครเป็นเด็กดริ้งค์!”
โอบอ้อมทำท่าไม่เชื่อ ผู้ชายทั้งสามคนจากที่ตอนแรกกำลังสนุกสนานกับร้านเหล้าก็หันมามองเราด้วย
“เอ่อ...มีอะไรกันหรือเปล่าพี่”
ดูท่าว่าจะเป็นรุ่นน้อง
“ใช่...พอดีเรามาสมัครงานอ่ะโอบ”
“ไม่เชื่อ...คนอย่างเธอเนี่ยนะจะมาทำงานเป็นเด็กดริ้งค์”
นิสัยเมื่อก่อนฉันไม่ใช่อย่างนี้หรอก ไม่ใช่คนที่นิยมชมชอบอะไรกับของนอกกายและเงินเลย ถูกเลี้ยงมาอย่างดีเป็นลูกคุณหนูแต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว บ้านของฉัน ลำบากกว่าแต่ก่อนมาก
“ใจเย็นมึง...มีอะไรไว้คุยกันหลังร้าน”
“ออกมาคุยกับฉันทีแสนดี”
“แต่ฉันกำลังสมัครงานอยู่นะโอบ”
“พูดไม่ฟัง?”
“ไม่ใช่แบบนั้น...”
ตั้งแต่เมื่อไหร่นะที่ผู้ชายแสนดีอ่อนโยนอย่างโอบอ้อมกลายเป็นผู้ชายดุดันและพูดจากับฉันแบบนี้ไปได้ เมื่อก่อนโอบไม่ใช่คนอย่างนี้เลย
“โอเค...”
เมื่อพูดไม่ฟังก็เลยโดนกระชากข้อมือให้ลุกขึ้นจากเก้าอี้ที่นั่งซึ่งแน่นอนว่าการกระทำนี้ตกอยู่ในสายตาของรุ่นน้องผู้ชายทั้งสามคนรวมทั้งจีมี่เพื่อนรักด้วย
“เดี๋ยวสิ...คุณจะทำอะไรเพื่อนฉัน ปล่อยเพื่อนฉันนะ”
“ไม่เป็นไรจีมี่....แกรอนี่ก่อนเดี๋ยวฉันขอออกไปคุยกับเขาก่อน”
เพราะไม่อยากให้ทุกคนตกใจเลยพูดไปแบบนั้น
ฉันยอมเดินตามโอบอ้อมออกมาคุยด้านนอกแต่โดยดี
“มีอะไรหรือเปล่าโอบ...ทำไมทำกับฉันแบบนั้นต่อหน้าคนอื่นล่ะ”
“ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้?”
“เป็นคนแบบนี้? แบบนี้นี่มันแบบไหนเหรอโอบ”
ฉันอยากจะร้องไห้ ปกติเป็นคนเข้มแข็งมากแต่เมื่อได้เจอกับอดีตคนรักที่เคยรักมาตำหนิติเตียนกันแบบนี้โดยที่ไม่ถามว่าฉันเจออะไรมาบ้างก็รู้สึกเสียใจ แต่ก็เข้าใจได้ที่จะเข้าใจฉันผิด
“ทำไมถึงมาทำงานแบบนี้”
“ก็ต้องใช้เงินอ่ะ ไม่ให้ทำงานจะให้ทำอะไร”
“หึ แล้วไอ้ออกัสล่ะ...มันก็รวยออกนี่ บ้านส่งออกยางพาราจะไม่รวยได้ไงวะ ยอมทิ้งฉันไปเพื่อเสวยสุขกับไอ้กุ๊ยนั่น”
“โอบอ้อม ทำไมต้องไปพาดพิงคนอื่นหยาบคายแบบนั้นด้วย”
ฉันแค่ไม่ชอบที่มาพูดเรื่องนี้ ถึงมันจะจริงที่ฉันทิ้งโอบอ้อมไปหาออกัสก็เถอะ
“แล้วต้องสุภาพว่างั้น? ต้องให้ฉันทำยังไงกับผู้หญิงที่ยอมเลิกกับฉันเพื่อไปคบกับไอ้ออกัส ผู้หญิงอย่างเธอมันเห็นแก่เงิน”
“โอบ! หยุดพูดจาทุเรศแบบนั้นได้แล้วนะ”
ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงก็ตาม ที่สำคัญตอนนี้พ่อของฉันก็เสียชีวิตลงแล้วแต่โอบอ้อมคงจะไม่รู้เรื่องนี้ เรื่องที่พ่อให้ฉันคบกับออกัสลูกชายของเจ้าหนี้เพื่อจะลดลาเรื่องหนี้สินให้ทุเลาลงได้บ้าง แต่สุดท้ายร้านอาหารของพ่อฉันก็ไม่รอดและล้มละลายลงในที่สุด ทุกสิ่งทุกอย่างโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดไม่มีอะไรเหลือ
“แล้วมันไม่จริงรึไง? บอกเลิกกับฉันทั้งที่ตอนนั้นปากบอกว่ารักนักรักหนา สุดท้ายแพ้อำนาจเงินของพ่อมันก็ไปคบกับมันอยู่ดี”
ฉันไม่ได้อยากเลิกกับโอบเลย แต่เพราะความจำเป็นที่จะต้องรักษาร้านกว่าสิบสาขาของพ่อเอาไว้ในตอนนั้น แม้ว่าสุดท้ายมันป่วยการที่จะยื้อก็ตาม
“เรื่องในอดีตอย่ารื้อฟื้นเลย...ถ้าไม่มีอะไรดีๆจะคุยแล้วก็ขอตัวก่อนนะ
พึ่บบ
“จะไปไหน?”
สุดท้ายก็โดนข้อมือมือหนานั้นดึงเอาไว้ไม่ยอมให้เดินจากไปอยู่ดี
“จะกลับไปสมัครงานกับผู้ชายที่ชื่อพายุ”
“ไม่รับ ฉันเป็นหุ้นส่วนของผับนี้ เพราะฉะนั้นการจะรับหรือไม่รับพนักงานสิทธิ์การตัดสินใจของฉันก็ย่อมมีส่วนร่วมด้วย”
“ไร้เหตุผลที่สุด ทำไมต้องกลั่นแกล้งกันแบบนี้ล่ะ”
ฉันรู้สึกเสียใจที่ผู้ชายที่เคยรักมากกลายเป็นแบบนี้ไปได้
“เป็นคนดีแล้วมันโง่เหมือนหมา...แล้วจะต้องดีไปทำไมวะ”
“...” พูดไม่ออกเลยฉัน
“แสนดี ถามจริง? ตอนนั้นที่เธอทิ้งฉันไปหาไอ้กัสมันสนุกมากมั้ยวะที่ปั่นหัวฉันได้ ปล่อยให้ฉันเป็นไอ้หน้าโง่ร้องขอความรักจากเธอฝ่ายเดียว”
“มันไม่ใช่แบบนั้น...เฮ้อ...”
แค่เจอออกัสมาก็เหนื่อยมากแล้ว อุตส่าห์ได้เจอหน้าแฟนเก่าที่รักมากด้วยความบังเอิญแทนที่จะเต็มไปด้วยความปลื้มปิติที่ไม่ได้เจอกันนาน แต่กลับกลายเหมือนคนเกลียดขี้หน้ากันไปซะอย่างนั้น ฉันไม่ชอบแบบนี้เลย
“พาตัวเธอกับเพื่อนเธอกลับไปซะ ที่นี่ไม่ต้อนรับ”
“ทำไมต้องทำกันถึงขนาดนี้ด้วย”
ฉันมองโอบอ้อมพร้อมกับดวงตากลมโตที่สั่นระริกเหมือนอยากจะร้องไห้
“กลับไปซะแสนดี”
“โอเค...ไล่ให้กลับฉันก็จะกลับ แต่ช่วยเรียกชื่อให้ถูกด้วยตอนนี้ฉันไม่ได้ชื่อแสนดีอีกต่อไปแล้ว ชื่อใหม่ฉันคือแซนดี้”
“หึ ตอนอยู่หาดใหญ่ก็ใช้ชื่อไทยได้ ทำไม? เข้ากรุงเทพแล้วคิดจะดัดจริตเปลี่ยนชื่อเป็นสาวเมืองกรุงรึไง?”
“โอบอ้อม!”
“โอเค แซนดี้ก็แซนดี้”
ฉันรีบเดินหนีออกมาแล้วชวนจีมี่ออกจากร้านไปโดยที่ไม่ทันได้พูดคุยกับผู้ชายที่ชื่อพายุอีก ผู้ชายที่ชื่อพายุกับรุ่นน้องทั้งสามคนได้แต่มองตามหลังฉันกับจีมี่อย่างงงๆ พร้อมกับโอบอ้อมที่เดินตามเข้ามาแล้วฉันก็เดินสวนออกไปจากร้าน
“เกิดอะไรขึ้นวะไอ้โอบ มึงรู้จักเหรอ”
“อือ”
“ใครอ่ะพี่โอบ? สวย อึ๋ม เซ็กซี่ฉิบหาย”
“ทะลึ่งไอ้ฟิล์ม”
“อะไรอ่ะ...ดุน้องทำไมพี่โอบอ่ะ”
“แฟนเก่ากูเอง”
“O_O??”
“เดี๋ยวๆๆ”
ขากลับเรานั่งแท็กซี่กันกลับมายังหอของจีมี่อีกครั้งโดยที่ยัยเพื่อนก็ดึงแขนฉันเอาไว้เหมือนตั้งคำถามและต้องการคำตอบ
“อะไร”
ฉันมองหน้าจีมี่แล้วนั่งลงบนเตียงของเพื่อน บอกตามตรงว่าตอนนี้ไม่สบอารมณ์อย่างแรง
“บอกกูมาสิคะนังแสนดี ผู้ชายคนเมื่อกี้คือใครอะไรยังไงเอ่ย?”
จีมี่นั่งลงข้างฉันแล้วถามอย่างข้องใจ
“กูบอกแล้วไงให้เรียกว่าแซนดี้ -*-”
“แหม ค่ะๆ แซนดี้ก็แซนดี้เนาะ นังลูกคุณหนูติดแกรม นังคนไฮโซ อะบอกมาสิว่าสรุปกับพ่อหนุ่มคนนั้นนี่คือยังไงจ๊ะ“
“เพื่อนเก่า”
“แน่ใจ๊?”
“เฮ้อ...แฟนเก่า”
“ฮะ แกเคยมีแฟนมาก่อนจะคบกับกัสเหรอ ทำไมฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย”
“แฟนเก่าที่คบก่อนหน้าที่จะคบออกัส”
“แต่ทำไมดูผู้ชายมองแรง มีเรื่องอะไรกันมาก่อนรึเปล่า?”
เมื่อโดนตั้งคำถามแบบนั้นก็ทำให้ฉันตอบไม่ถูกเหมือนกันได้แต่มองหน้าจีมี่แล้วตัดสินใจเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นระหว่างฉัน ออกัส และโอบอ้อมให้กับเพื่อนรักได้ฟัง
“ต๊าย รักสามเศร้าเราสามคนไปอีก...ถึงว่าดูเกลียดชังแกนัก ไปหักอกหนุ่มหน้ามลคนหน้ามึนอย่างนั้นได้ไง”
“เฮ้อ...ไม่ได้อยากจะทำสักหน่อย ตอนนั้นพ่อบังคับให้ทำเหอะ”
“พ่อแกนี่ก็เหลือเกิน....”
จีมี่มองฉันด้วยแววตาสงสาร เรานั่งปรับทุกข์กันได้สักพักก็พากันอาบน้ำเข้านอน อีกประมาณสัปดาห์เดียวมหาวิทยาลัยก็จะเปิดเทอมแล้ว ฉันต้องเตรียมตัวหาค่าเทอมให้ทัน สงสัยจะต้องไปทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟแล้วก็เอากระเป๋าชาแนลลูกรักไปขายทิ้งเพื่อที่จะเอาเงินมาจ่ายค่าเทอมก่อน
ฮือ ชาแนลจ๋าแม่ลาก่อน T-T
อาทิตย์ต่อมา
วันเปิดภาคเรียนปีสามเทอมสอง
ข้าวของจากห้องของจีมี่ถูกย้ายออกมาเพื่อเข้าสู่หอใน ตอนนี้ฉันได้มาอยู่หอในของมหาวิทยาลัยแล้วเรียบร้อย
แต่สิ่งที่หนีไม่พ้นเลยก็คือ....
“กลับมาอยู่กับกัสเถอะนะ”
“ไม่ ไปให้ไกลเลยนะกัส”
ฉันพยายามเดินหนีแล้วสะบัดแขนแกร่งของออกัสที่พยายามยื้อฉันไว้ทุกทาง
“ไม่อยากให้เธอไปแซน ฉันขาดเธอไปไม่ได้จริงๆ”
“เก็บคำนี้ไว้พูดกับคนที่เห็นค่าความรักของกัสเถอะ”
“แสนดี!”
เมื่อเห็นฉันเดินหนีเขาก็เรียกชื่อเก่าของฉันขึ้นมา
“กัส! บอกแล้วไงว่าไม่ให้เรียกชื่อนี้!”
“ทำไมวะ!? กะเข้ามากรุงเทพจะเปลี่ยนตัวชุบตัวใหม่ให้ดูลูกคุณหนูจนมีไอ้หนุ่มหน้าโง่เข้ามาเปย์เหรอ! บอกเลย มันไม่มีใครโง่เปย์เท่าฉันแล้วแหละแสนดี!”
ฉันอยากจะกรี๊ดสักร้อยรอบแล้วจับหัวออกัสขยุ้มทุ่มลงพื้นซะเดี๋ยวนี้ตอนนี้
“หยุดพูดแล้วกลับไปซะกัส อย่ามายุ่งกับฉันอีก!”
“อะไรกัน? เกิดอะไรขึ้น?”
โชคดีที่อาจารย์ภาควิชาฉันผ่านมาทางนี้พอดีฉันจึงรีบเดินเข้าไปหลบหลังอาจารย์
“ไม่มีอะไรครับ”
สุดท้ายออกัสก็เดินจากไปแม้สีหน้าเขาดูจะไม่ยอมง่ายๆเลยก็ตาม เชื่อเลยว่าเย็นนี้คงจะมาตามฉันอีก
“ขอบคุณนะคะอาจารย์ เพื่อนเก่าค่ะ...พอดีว่าทะเลาะกัน”
“อืม ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
อาจารย์ว่ามาอย่างนั้น คงจะพอเห็นสถานการณ์ว่ามันดูไม่ปกติ
ตกเย็น
ฉันนั่งอยู่คนเดียวภายในห้อง ตอนนี้รูมเมทที่สุ่มยังไม่กลับมาที่ห้อง ห้องของฉันมีทั้งหมดสี่เตียงอยู่กันสี่คน เป็นห้องพัดลมและห้องน้ำรวม
เรียกได้ว่าทำใจได้ยากสุดๆที่จะต้องมาอยู่ที่นี่จากที่ตอนแรกอยู่คอนโดหรูๆ แต่ก็นะ...ทำใจซะเถอะ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืนและมีความสุขตลอดไปหรอก
ติ๊งงง
ฉันหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะมาดูก็พบว่าเป็นนังจีมี่เพื่อนรักกะเทยแสบแสนซน
[ จีมี่ : เป็นไงคะนังแซน อยู่ได้มั้ยมึง ]
[ แซนดี้ : สบายจ้ะ ]
[ จีมี่ : มึงอยู่ได้แน่นะ...ที่จริงจะย้ายมาอยู่กับกูก็ได้นะมึง ]
มันพิมพ์มาแบบนั้นคงเพราะห่วงว่าฉันจะอยู่ลำบาก หอในมหาลัยทรุดโทรมจะตาย ก็สมราคาอ่ะเนอะ
[ แซนดี้ : ไม่เป็นไร อยู่ได้สบายมาก...เดี๋ยวมึงเอาผู้ชายมานอนที่ห้องไม่ได้กูเกรงใจค่ะ ]
ฉันพิมพ์ตอบติดตลก
[ จีมี่ : อีบ้า...ใครจะเอาผู้ชายมากกที่ห้องคะ ไม่มีค่ะ! ไปห้องผู้ชายเองเลยสิคะรออะไร อิอิ ]
หึ อ่านแชทแล้วได้แต่ขำเพื่อนตัวเอง
จริงสิ...ถ้าฉันไม่หางานทำเห็นทีคงจะลำบากแน่เรื่องค่ากินค่าอยู่เพราะไม่ได้มีออกัสคอยให้แล้ว
ติ๊งงง
+มีเงินเข้า 10,000 บาท xxx นายกรกันต์
อะไรเนี่ย...จะโอนเงินมาให้ฉันอีกทำไม
ติ๊งง
[ ออกัส : เอาไว้ใช้ ]
[ แซนดี้ : อะไรอ่ะกัส โอนมาทำไม ]
ฉันรีบพิมพ์ไปอย่างใจร้อน ในเมื่อตั้งใจจะออกมาแล้วฉันก็จะไม่รับเงินเขาอีก ไม่รับความช่วยเหลืออะไรทั้งนั้นเพราะฉันรู้ดีว่าฉันไม่สามารถตอบแทนความรักที่กัสมีให้ได้
[ ออกัส : ฉันรู้ว่าเธอลำบาก ]
[ แซนดี้ : ขอไม่รับแล้วกันนะ จะโอนคืนไปเดี๋ยวนี้แหละ ]
แม้จะไม่ได้มีเงินมากมายอะไรแต่ฉันก็ตัดสินใจโอนเงินหนึ่งหมื่น คืนออกัสในทันทีและไม่ตอบอะไรเขาอีก ออกัสรักฉันมาก ให้ได้ทุกอย่าง แต่บางทีมันก็น่าอึดอัดและฝืนใจตัวเองเกินไปจนฉันไม่อาจทนได้
วันนี้แหละ....ฉันจะไปหางานทำที่ผับแห่งใหม่ไม่ไปผับเดิมอีก หากเจอโอบอ้อมอีกก็เขาด่าฉันเหมือนเคย คงไม่แปลกนักที่โอบอ้อมจะมีความแค้นเพราะจู่ๆฉันก็บอกเลิกเขาไป แต่ในขณะที่บอกเลิกฉันก็ไม่เคยหมดรักโอบเลยนะ....ยังรักแต่เขาคนเดียวเท่านั้น