Chapter 3 เธอไม่ขายแต่ฉันจะซื้อ
Chapter 3
เธอไม่ขาย แต่ฉันจะซื้อ!
@ผับแถวมหาวิทยาลัยของแซนดี้
“รายละเอียดก็ตามนี้เลยนะจ๊ะ แล้วมีชุดมารึเปล่าเราน่ะ?”
เจ๊นวลซึ่งเป็นผู้จัดการคอยดูแลผับแห่งนี้ได้เอ่ยถามฉัน
“ไม่ได้เตรียมมาเลยค่ะเจ๊ไม่คิดว่าจะรับเข้าทำงานวันนี้เลย”
ฉันยิ้มตอบ ภายในใจก็ยังหวาดหวั่นกับงานที่จะได้ทำ ผับแห่งนี้ต่างจากผับของคนที่ชื่อพายุซึ่งมีโอบอ้อมเป็นหุ้นส่วนอยู่พอสมควร ที่นั่นค่อนข้างมีแต่วัยรุ่นแต่ผับนี้ส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงาน
“แหมหนูจ๊ะ สวย อึ๋ม อวบอั๋นขนาดนี้ แถมยังเรียนมหาวิทยาลัยดีๆอีกมีหรือเจ๊จะไม่อยากรับเข้าทำงาน”
เจ๊นวลว่าพร้อมกับยิ้ม ส่วนฉันเองก็ได้แต่นั่งยิ้มแห้ง
“อะๆ ไม่มีชุดมาก็ไม่เป็นไร ส้มจ๊ะ! พาน้องแซนดี้ที่มาใหม่ไปหาชุดใส่หน่อยลูก”
สาวหุ่นดีในชุดรัดรูปสีขาวหันมามองทางโซฟาตัวสีแดงที่เจ๊นวลนั่งอยู่
“ได้ค่ะเจ๊”
“แล้วก็แต่งตัวเสร็จพาไปหาคุณภัทรได้เลย”
“ได้ค่ะเจ๊”
ผู้หญิงที่ชื่อส้มพาฉันมาแต่งเนื้อแต่งตัว ทรงผมยาวตรงสีดำพร้อมกับหน้าม้าถูกลอนจนสวย ใบหน้าใสถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง ส่วนชุดที่ได้ใส่ก็เป็นชุดเดรสสายเดี่ยวรัดรูปสีดำ กระโปรงรัดรูปแนบจนแทบจะเห็นโหนกนูนทุกสัดส่วน
“มันสั้นแล้วก็รัดมากเลยนะคะพี่ส้ม”
ถึงจะเตรียมใจมาแล้วก็เถอะ แต่ชุดนี้มันแทบจะเห็นหอยอยู่แล้วนะคะพี่ส้มขา
“มันก็ชุดปกติแหละค่ะ ที่นี่ก็ใส่อย่างนี้กันทั้งนั้นแต่น้องแซนดี้โชคดีนะมาวันนี้ ได้เจอกับคุณภัทรเจ้าของผับแห่งนี้แถมยังมีแขกด้วยวันนี้”
“เอ๋...แล้วหนูต้องเข้าไปพบเหรอคะ ได้ยินเจ๊นวลบอกว่าให้พี่ส้มพาหนูเข้าไปหา”
“คงอยากให้ไปลองรับแขกดูก่อนน่ะ แต่สบายใจได้นะน้องแซนดี้ ยังไงคุณภัทรก็เป็นเจ้าของที่นี่ถ้ามีอะไรผิดพลาดไปก็สามารถคุยได้ ถือว่าทดลองงานก่อนจะไปเจอลูกค้าจริงแล้วกัน”
“ได้ค่ะ...”
ฉันตอบด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักก่อนจะเดินตามพี่ส้มออกไปจากห้องแต่งตัวและพาขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งมีป้ายติดเอาไว้ด้านหน้าว่าห้องวีไอพี
“มาวันแรกก็จะให้หนูรับแขกวีไอพีเลยเหรอคะเนี่ย”
ฉันถามเสียงสั่น... บอกตามตรงว่าค่อนข้างตื่นเต้นเพราะไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานด้านนี้มาก่อน
“เอาน่า...เป็นโชคดีของเธอนะ แขกของคุณภัทรใครก็อยากจะเจอทั้งนั้นแหละ มีแต่คนแย่งกันจะเข้าแต่เจ๊นวลเห็นว่าเธอมาทำงานใหม่ก็เลยอยากให้ลองฝึกบริการแขกหน่อยเพราะเห็นว่าไม่มีประสบการณ์”
“ค่ะ...งั้นหนูเข้าไปนะคะ”
พี่ส้มพยักหน้าเป็นอันว่าให้เข้าไปได้ มือเล็กสั่นเทาจับเข้าที่ประตูบานใหญ่สีดำ
แอ๊ดดดด
“สงสัยเด็กดริ้งค์ที่เจ๊นวลเตรียมไว้จะมาแล้วว่ะพายุ โอบ เห็นเจ๊แกว่าเด็กใหม่หุ่นดีอวบอึ๋มน่าจะเรียกแขกเข้าร้านพี่ได้เยอะเลย แกเองก็ดูไว้เป็นแบบอย่างแล้วกันว่าพี่บริหารยังไง”
“ได้เลยพี่ภัทร ไม่ทำให้พี่ชายผิดหวังแน่ครับ จริงไหมไอ้โอบ”
“เออ”
“สวัสดีค่ะ...O_O”
แค่เอ่ยคำทักทายสวัสดียังไม่ทันที่จะได้พูดเรื่องอื่น ดวงตากลมโตก็เบิกโตเป็นไข่ห่านเมื่อพบกับผู้ชายทั้งสามคนที่นั่งอยู่ นี่มันรวมพลคนที่ฉันเจอเมื่อวานชัดๆเลยนี่นา มีทั้งผู้ชายที่ชื่อพายุและโอบอ้อมแฟนเก่าอันเป็นที่รักซึ่งยื่นคำขาดว่าไม่ให้ฉันโผล่หน้าไปที่ผับนั้นอีก
แต่คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...ที่นี่ไม่ใช่ผับเมื่อวานสักหน่อย เขานั่นแหละที่ผิด...ผับนี้ไม่ใช่ของโอบอ้อมสักหน่อย
“อ้าว...นี่ผู้หญิงเมื่อวาน แซนดี้นี่ใช่ไหม?”
ผู้ชายที่ชื่อพายุเอ่ยทักทายออกมา ส่วนผู้ชายที่ชื่อภัทรซึ่งเป็นเจ้าของผับก็มองฉันสลับกับพายุ
“อ้าว รู้จักกันแล้วเหรอ”
“ก็นิดหน่อยอ่ะพี่ ว่าแต่แซนดี้มาทำงานที่นี่งั้นเหรอ”
“เอ่อ พอดีพึ่งมาสมัครเลยค่ะ”
โอบอ้อมยังคงเงียบและจ้องฉันตาเขม็งราวกับจะกลืนกิน แต่ไม่สนใจหรอกนะตอนนี้ฉันมาทำมาหากินนี่นาจะมาทำหน้าทำตาแบบนั้นใส่ได้ยังไง
“เข้ามานั่งก่อนสิแซนดี้...มานั่งข้างผมมา”
ผู้ชายที่ชื่อภัทรผิวขาวตัวสูงโปร่งสวมเสื้อเชิ้ตสีดำปลดกระดุมสามเม็ดพร้อมกับกางเกงสแล็คสีดำ ดูดีมากเลยล่ะผู้ชายคนนี้
ฉันเดินเข้าไปนั่งข้างผู้ชายคนนั้นแล้วพยายามดึงกระโปรงชุดเดรสสีดำลงมาไม่ให้มันขึ้นไปมากกว่านี้ สั้นจนไม่รู้จะสั้นยังไงแล้ว
“ตัวหอมจัง...ฉีดน้ำหอมอะไรเหรอครับ?”
คุณภัทรสูดดมความหอมจากกลิ่นกายของฉันทำเอาฉันตัวแข็งทื่อไม่กล้าขยับ และแน่นอนว่าการกระทำนี้อยู่ในสายตาของโอบอ้อม...
“เอ่อ ใช้...”
“พี่ภัทรครับ ผมถูกใจคนนี้ขอไปต่อได้มั้ย?”
โอบอ้อมรีบพูดแทรก ทั้งคุณภัทรและพายุหันขวับมามองเป็นตาเดียว
ส่วนฉันตอนนี้ที่อยู่ในชุดสายเดี่ยวสีดำสั่นระริกไปทั้งตัว ต้องมาใกล้ชิดผู้ชายขนาดนี้แต่ไม่เคยทำงานแบบนี้มาก่อนย่อมเกร็งเป็นธรรมดา แต่ถ้าหากต้องไปใกล้ชิดกับโอบอ้อมแฟนเก่าที่รักมากฉันจะรู้สึกยังไงกันนะ?
“เอาสิโอบ แหม ร้ายนะมึง พี่ก็คิดว่าเป็นผู้ชายซื่อๆใสๆ ปกติภาพลักษณ์ดีไม่มีเรื่องผู้หญิงมาโดยตลอด ทำไมวะ? รึน้องแซนดี้เด็กใหม่ร้านพี่มันสวยกระแทกตา”
แน่นอนว่าก็ไม่วายโดนแซว แต่ฉันรู้สึกได้เลยว่าโอบอ้อมคงจะมีเรื่องอยากคุยกับฉันอีก
“เอ่อ คือ...” แล้วฉันควรจะทำยังไงล่ะ?
“ไปนั่งกับโอบสิครับน้องแซนดี้”
คุณภัทรเจ้าของผับว่ามาอย่างนั้นฉันก็เลยลุกขึ้นจากที่นั่งเดิมแล้วเดินเยื้องย่างกายนั่งลงข้างโอบอ้อมโดยมีการเว้นระยะห่าง มือเล็กกำเข้าหากันแน่น เตรียมใจเอาไว้แล้วว่าจะต้องใส่ชุดทำงานซึ่งมันค่อนข้างจะเห็นเนื้อหนังเยอะ
แต่ไม่รู้ทำไมพอโดนโอบอ้อมจับจ้องมองด้วยสายตาแบบนั้นฉันกลับรู้สึกทนไม่ไหว...มันอายจนรู้สึกอยากจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนสักที่
“บอกแล้วใช่มั้ยว่าไม่ให้มาทำงานแบบนี้”
น้ำเสียงอบอุ่นที่แสนจะคุ้นเคยกระซิบเข้าที่ข้างหู เมื่อเห็นฉันมานั่งกับโอบอ้อมแล้วคุณภัทรจึงเรียกผู้หญิงคนอื่นเข้ามานั่งแนบกายตัวเองกับพายุ ส่วนฉันในตอนนี้สนใจแต่โอบอ้อมที่นั่งอยู่ด้านข้าง
“งานแบบนี้มันงานแบบไหนล่ะ? งานสุจริตไม่ได้ขายตัวสักหน่อย”
ฉันเชิดหน้าแล้วจ้องตาสู้กับโอบอ้อม แม้ว่าในอดีตฉันจะเคยทำผิด ยอมเลิกกับเขาเพียงเพราะต้องการช่วยพ่อปลดหนี้...ร้านอาหารสิบกว่าสาขาที่พ่อบริหารอยู่สุดท้ายแม้จะปลดหนี้จากเจ้าหนี้รายใหญ่ได้แต่ก็ไปไม่รอดอยู่ดีเพราะพิษเศรษฐกิจและการแปรผันของกาลเวลา
“ไม่ได้ขายตัว? หึ แต่แต่งตัวแบบนี้อ่อยผู้ชายเนี่ยนะ”
“โอบ พูดเกินไปแล้วนะ ทำไมกลายเป็นคนแบบนี้ไปได้...เมื่อก่อนนายไม่ใช่คนแบบนี้เลยนะ”
ดวงตากลมโตของฉันจ้องมองผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำกางเกงสแล็คสีดำ โอบอ้อมที่เคยแสนดีเหตุใดเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ล่ะ
“ก็เหมือนเธอแหละแซนดี้...เมื่อก่อนไม่ใช่คนเห็นแก่เงินแบบนี้ ทำไมวะ อะไรมาทำให้เธอเปลี่ยนไป?”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ...ฉันต้องทำงานก็เพื่อเงิน”
ในขณะที่พูดก็มีความเศร้าแทรกแซงขึ้นมาด้วย ฉันรู้สึกไม่อยากเผชิญหน้ากับเขาเลย...ในอดีตฉันเป็นคนบอกเลิกเอง แล้วก็เป็นคนที่เสียใจแทบจะขาดใจตาย
“ทำเพื่อเงิน...ดี ไปต่อกับฉันสิรับรองได้เลยว่าเธอจะต้องชอบแน่นอน”
“ไม่....ฉันไม่ได้ขายตัวสักหน่อย ทำไมต้องจ้องแบบนั้นด้วย”
ฉันรู้เลยว่าโอบอ้อมไม่ได้จ้องมองฉันด้วยจิตใจอันแสนบริสุทธิ์ แต่เขากำลังมองว่าฉันจะรับเงินเขาไหม
“ถึงไม่ขาย...แต่ฉันอยากซื้อ ใครจะทำไม?”
“โอบ!”
ฉันดูเขาเสียงดังจากที่ตอนแรกกระซิบกระซาบจนพายุกับคุณภัทรเห็นความผิดปกติจึงมองจ้องมาที่เราสองคน
“มีอะไรกันหรือเปล่าวะ”
“ไม่มีอะไรหรอกพี่ภัทร...เดี๋ยวผมจะไปต่อกับแซนดี้นะ”
“โอ้โห...ไวไฟขนาดเชียวนะ ปกติไม่เคยเห็นทำแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลย อะๆไปกันเถอะพี่ไม่ห้ามหรอก นานทีโอบอ้อมผู้แสนดีจะมีผู้หญิงเคียงกาย”
“แปลกจริงพี่...ปกติมันต้องเป็นผมดิวะ ไอ้เพื่อนรักอีกคนก็มีเมียไปซะแล้วโดนตัดเขี้ยวเล็บ แล้วนี่ถ้าไอ้โอบโดนตัดเขี้ยวอีกคนผมต้องอยู่คนเดียวเลยเหรอวะเนี่ย”
“มึงไม่ต้องกลัวหรอกพายุ...กูไม่จริงจังกับใครหรอก แค่เล่นๆ”
ฉันได้ยินคำว่าเล่นๆดังอยู่ในใจ ทำได้เพียงก้มหน้ามองพื้นไม่อยากสบตากับใครทั้งนั้น โอบอ้อมไม่เคยคิดถึงจิตใจของฉันเลยว่าฉันจะรู้สึกยังไง
“ไปกันได้แล้ว”
จับเข้าที่ข้อมือเล็กแล้วดึงให้ฉันลุกขึ้นพาเดินออกมาจนถึงลานจอดรถแล้วผลักร่างเล็กก็ไปที่เบาะข้างคนขับพร้อมกับคาดเบลท์ให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ
รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนรถคันหรูของอดีตแฟนแล้ว รู้ทั้งรู้นะว่าตัวเองสามารถขัดขืนได้...แต่ใจลึกๆก็อยากจะไปกับเขา
โอบอ้อมเดินมานั่งที่เบาะคนขับแล้วออกรถในทันที ในระหว่างทางมีแต่ความเงียบเข้าครอบคลุมเพราะเราสองไม่คุยอะไรกันเลยสักนิด
@คอนโดของโอบอ้อม
โอบอ้อมดึงดันลากฉันขึ้นมาบนห้องของเขาที่ชั้นสามสิบสอง ใบหน้าหล่อจ้องมองอย่างเอาเรื่องก่อนจะพาเข้ามาภายในห้องนอนของเขา
เนื้อตัวของฉันสั่นเทาอยู่บนเตียงหรูใหญ่โตขนาดคิงไซส์ สายตาที่โอบอ้อมจ้องมองฉันในตอนนี้ราวกับแววตาของเสือผู้กระหายเหยื่อ กระต่ายตัวน้อยอย่างฉันจะสามารถขัดขืนเขาได้ไหมในวันนี้
ดวงตากลมโตจ้องมองคนตัวสูงที่กำลังจะกระโดดขึ้นมาคร่อมร่างของฉันเอาไว้ ชุดเดรสสีดำถูกถลกขึ้นจนแทบจะเห็นกางเกงชั้นในจากที่สั้นอยู่แล้วก็ยิ่งสั้นเข้าไปอีก
“ใครสั่งให้ใส่ชุดแบบนี้ ใส่มายั่วใคร?”
ความไม่พอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่อ โอบอ้อมที่แสนดีแม้จะหยาบคายกับฉันแค่ไหนแต่ภายในใจลึกๆฉันรู้ดีว่ายังมีโอบอ้อมคนเก่าซ่อนอยู่ภายในนั้น
“ใส่ทำงาน...เป็นชุดของพี่ที่ร้าน”
“ใส่แบบนี้ไม่ต้องใส่เลยก็เหมือนกัน”
สายตาคู่นั้นจ้องมองไปทั่วเรือนร่างรวมถึงหน้าอกหน้าใจที่มันทะล้นทะลักดีดเด้งออกมาจากชุดเดรสสีดำ
“หยะ อย่าจ้องกันแบบนั้นสิ”
มือเล็กยกขึ้นปกปิดกอบกุมเต้านวลเอาไว้ไม่ให้สายตาคู่นั้นได้จ้องมอง เป็นแค่แฟนเก่าจะมองกันแบบนี้ได้ยังไง
“ทำไมฉันจะจ้องไม่ได้...ในเมื่อเธอขายฉันก็กล้าซื้อ”
“ขายอะไรกัน ฉันไม่เคยขายอะไรทั้งนั้น”
โต้เถียงออกไปในเรื่องที่ไม่เป็นความจริง ดวงหน้าสวยเชิดสู้และมองแววตาคู่คมนั้นด้วยความเอาเรื่อง เรื่องไหนไม่จริงฉันจำเป็นต้องเถียง
“ขายสิ...เธอขายตัวเองให้กับไอ้ออกัสไง มาบอกเลิกกับฉันเพราะเห็นแก่เงิน...ไอ้กัสมันสามารถให้เธอได้ทุกอย่างที่พอใจใช่ไหมล่ะ
“ไม่ใช่แบบนั้น...”
นี่คือสิ่งที่โอบเข้าใจฉันผิดมาตลอด ฉันก็อยากจะอธิบายให้เข้าใจนะแต่สุดท้ายแล้วมันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก ถ้าฉันคบกับออกัสหนี้ของพ่อฉันก็จะเบาบางลงแถมจะไม่โดนตามทวงหนี้จากเจ้าหนี้นอกระบบแสนโหด
“ไม่ใช่แบบนั้น ไม่ใช่แบบนี้ เมื่อไหร่จะเลิกปฏิเสธสักทีวะในเมื่อมันคือความจริงทุกอย่าง”
“...”
ในเมื่อบอกไม่ให้ฉันปฏิเสธฉันจะเงียบและฟัง ฟังความอัดอั้นทั้งหมดที่อยู่ในใจของโอบมาโดยตลอด
“เธอคบกับมันเพราะมันมีเงิน....ส่วนฉันพ่อไม่เคยให้จับเงินเยอะมากมายในสมัยเรียนมัธยมเลย แต่กับไอ้กัสพ่อมันให้อภิสิทธิ์มันเต็มที่จนระรานคนไปทั่ว ทำไมวะ ทำไมผู้หญิงถึงชอบไอ้นักเลงหัวไม้นั่นกันจัง”
จะพูดว่าคนไปรุมชอบก็คงไม่ผิดนักเพราะออกัสเป็นนักเลงที่มีพรรคพวกเยอะแถมยังมีอิทธิพลจริงๆ ส่วนพ่อของโอบอ้อมฐานะไม่ได้ด้อยไปกว่าออกัสเลย แต่ก็ไม่เคยให้ใช้เงินถลุงกับผู้หญิงแบบที่กัสทำ ครอบครัวของโอบอ้อมจะควบคุมเรื่องการใช้เงินและสอนลูก ไม่สปอยล์ลูกเหมือนบ้านของออกัสซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ฉันรู้ดี
“เรื่องมันก็เป็นอดีตไปแล้ว จะรื้อฟื้นทำไม?”
พยายามเบี่ยงประเด็น ฉันไม่อยากให้โอบอ้อมย้ำไปถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้นตอนมัธยมปีที่ห้า เราอายุแค่เพียงสิบเจ็ดกันเท่านั้นและฉันรู้ว่าเขาคงเจ็บมาก
“แล้วนอกใจฉันทำไมล่ะ? หรือกลิ่นเงินของไอ้เวรนั่นมันหอม?”
“ไม่ใช่! โอบ...นายกำลังเข้าใจผิด”
“ถอดชุดออก เลือกเอา! จะถอดเองรึให้ฉันถอดให้”
“ไม่! ฉันมาทำงานเป็นเด็กดริ้งค์ ไม่ได้ขายตัว!”
แคว่กกกก
คนตัวสูงกระโดดขึ้นมาคร่อมแล้วใช้มือหนาฉีกชุดเดรสสีดำออกจนขาดวิ่น ความบางของเนื้อผ้าราคาถูกไม่สามารถสู้กับแรงของผู้ชายตัวสูงใหญ่อย่างโอบอ้อมได้เลย
“เธอไม่ขาย แต่ฉันจะซื้อ!”