9 Prince Siegfried
สมแล้วที่แม้แต่ดินแดนไกลโพ้นก็ยังร่ำลือกันว่าเจ้าชายซิกฟริด เอเดลริคเป็นเจ้าชายที่รูปงามที่สุดในโลกแห่งเทพนิยาย ว่ากันว่าไม่เพียงสง่างามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้หากแต่ยังใจดีและร่าเริงจนราวกับจะทำให้โลกทั้งโลกที่มืดหม่นเปล่งประกายสดใสอีกด้วย
ผิวสีขาวราวหิมะและใบหน้าที่สง่างามราวกับรูปสลักของเจ้าชายดูโดดเด่นและน่าหลงใหลอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ดวงตาสีฟ้าสว่างดูราวท้องฟ้าในแดดของฤดูร้อนที่เปล่งประกาย ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีบลอนด์สว่างราวเทวทูตที่ขับให้ใบหน้าดูอ่อนโยนและสดใส
ไม่น่าแปลกใจที่ไม่มีใครละสายตาไปจากความสง่างามไร้ที่ติของเจ้าชายได้ การปรากฏตัวแม้เพียงแวบเดียวเรียกเสียงกรีดร้องจากบรรดาเจ้าหญิงได้เสมอ พวกเธอเพ้อคลั่ง ถูกกระชากลมหายใจ หรือไม่ก็หมดสติไปอย่างช่วยไม่ได้ แม้แต่กวีพเนจรที่รุ่มรวยคำบรรยายที่สุดก็ยังยากจะหาคำที่คู่ควรมาอธิบายความสง่างามของเจ้าชาย และศิลปินเก่งกาจที่สุดที่วาดรูปเจ้าชายก็ยังยอมรับคอตกว่าไม่อาจวาดเจ้าชายที่สง่างามเท่าตัวจริงได้
“ทุกคนกำลังรอลูกอยู่จ้ะ” ราชินีแคทเธอรีนยิ้มอ่อนหวาน และใช่... เจ้าหญิงจากทุกอาณาจักรใฝ่ฝันจะได้เห็นหน้าเจ้าชายสักครั้งเหมือนที่ได้ยินมาในเรื่องเล่ามากมาย
“ครับท่านแม่” ริมฝีปากราวภาพวาดของจิตรกรเอกยิ้มสดใสใบหน้าสง่างามที่ดูอ่อนโยนและอารมณ์ดีของเจ้าชายไม่ได้สง่างามน้อยไปกว่าที่ร่ำลือกันไว้ แม้แต่เด็กตัวเล็กๆ ที่ได้เห็นก็ยังหยุดร้องไห้
แล้วราชินีผู้สวยสง่าก็เดินออกมาที่ท้องพระโรงพร้อมกับเจ้าชาย เพียงเท่านั้นเองเสียงฮือฮาจากแขกเหรื่อชั้นสูง ขุนนาง และเจ้าหญิงเจ้าชายจากทั่วแคว้นแดนไกลก็ดังอื้ออึง เจ้าหญิงจากหลายอาณาจักรกรีดร้องแล้วหมดสติไป ข้าราชบริพารได้แต่หัวเราะและหยอกล้อกันเองเรื่องความสง่างามของเจ้าชายที่พวกเขาภูมิใจซึ่งเพิ่มมากขึ้นทุกปีอย่างเลี่ยงไม่ได้
ไม่นานตัวแทนจากแต่ละอาณาจักรก็อวยพรและมอบของขวัญวันเกิดให้เจ้าชาย
“สงสัยข้าจะอวยพรท่านไม่ได้สักอย่าง เพราะท่านขโมยเอาพรดีๆ ไปไว้ที่ตัวเองหมดจนไม่เหลือให้คนอื่นแล้ว” เจ้าชายน้อยต่างแดนองค์หนึ่งกระทุ้งศอกใส่เจ้าชาย เรียกเสียงหัวเราะให้กับแขกเหรื่อในงาน “ข้าอยากให้ท่านแต่งงานกับพี่สาวของข้าจะได้ไหม เธอชื่อเจ้าหญิงอเมลิน่าแห่งอาวิล่า เมื่อนาทีที่แล้วน่าจะเป็นครั้งที่สามร้อยในเช้านี้ที่เธอพูดกรอกหูข้าจนชาเรื่องของท่านนะเจ้าชาย”
ซิกฟริดเอียงคอก่อนจะหันไปหาพี่สาวของเจ้าชายน้อยจอมซนทันใดนั้นก็ต้องเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ “เจ้าหญิง? ข้ารู้สึกคุ้นหน้าท่าน เราเคยเจอกันมาก่อนใช่ไหม? “
คำถามที่เหมือนจีบเจ้าหญิงแห่งอาวิล่ากลายๆ ทำให้เจ้าหญิงทั้งท้องพระโรงกรีดร้อง ขณะที่เจ้าชายหลายคนส่งเสียงเฮชื่นชมว่าเป็นประโยคเข้าหาผู้หญิงที่ถือเป็นแบบอย่างได้ หากแต่เจ้าชายซิกฟริดไม่ได้มีเจตนาเช่นนั้นโดยเฉพาะเมื่อเห็นเจ้าหญิงอเมลิน่าในชุดสีเหลืองสว่างราวกับดอกบัตเตอร์คัพกำลังหน้าแดง
เจ้าหญิงยิ้มอย่างเขินอายแทนคำตอบ ทว่าทันทีที่เห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กสองข้างของเธอเจ้าชายก็ร้องลั่น
“อะ...เอมี่?! ” เจ้าชายชี้หน้าเธอ นิ้วสั่น “สาวใช้เอมี่! เจ้าต้องโดนลงโทษแน่! ปลอมตัวเป็นเจ้าหญิงแบบนี้เจ้าคิดจะ...? ”
เจ้าชายชะงักก่อนตริตรองกับตัวเองแผ่วเบา “เอมี่... สาวใช้ที่ขยันจนข้าคิดจะมอบเหรียญตราอัศวินหญิงให้ ถูพื้นเงาวับเหมือนกระจกจนต้นห้องแทบจะตีลังกาหัวทิ่ม วิ่งมาหาทุกครั้งที่เรียกเหมือนสุนัข...นี่มันอะไร...!? ”
“ข้าปลอมตัวเป็นสาวใช้ของท่านมานานแล้วเพราะข้าอยากอยู่ข้างๆ ท่าน” เจ้าหญิงเฉลยอย่างเขินอาย
“อะไรนะ!? ” แขกเหรื่อร้องดังกว่าเจ้าชาย
“ว่าแต่ข้าทุ่มเทรับใช้เจ้าชายขนาดนี้ ถ้าข้าขออะไรเล็กๆ น้อยๆ สักอย่างท่านคงไม่ว่าใช่ไหม เอ่อ...” เจ้าหญิงหน้าแดงแปร๊ด “ข้าขอเป็นคนรักของเจ้าชายสักหนึ่งวันได้ไหม ถือว่าแลกกับที่ข้าถูพื้นจนกล้ามนิ้วขึ้นก็ได้“
คำขอของเจ้าหญิงอเมลิน่าทำให้ทำให้เจ้าหญิงจากอาณาจักรอื่นอิจฉาจนต้องเบะปากใส่
“หา...?”
“ข้ารู้ว่าเจ้าชายใจดีที่สุดในอาณาจักรนี้ เรื่องแค่นี้คงจะไม่ปฏิเสธ....โอ๊ย!”
ก่อนพูดจบเจ้าหญิงคนหนึ่งก็เหยียบเท้าของเจ้าหญิงอเมลิน่าและผลักเธอไปข้างหลังแล้ว เจ้าหญิงคนใหม่ที่เวลานี้ก้าวมายืนข้างหน้าแทนมีเส้นผมสีแดงเพลิง ท่าทางดูราวอัศวินหญิงผู้งดงามและหาญกล้า “วันนี้เป็นวันที่เราให้ของขวัญวันเกิดเจ้าชายด้วยความจริงใจ ไม่ใช่วันที่เราจะขออะไรไร้สาระหรอกนะ”