7 สิ่งที่ไม่มีวันเหมือนเดิมตลอดไป
เวลาผ่านไป...
ดวงจันทร์แห่งท้องฟ้ามืดเคลื่อนต่ำ เสียงน้ำค้างร่วงที่นอกหน้าต่างเงียบสงัด บนพื้นแมรี่นั่งขดร่างในอ้อมแขนของเฟรเดอริค เธอกอดเขาไว้ และเขากอดปลอบโยนร่างที่ร้องไห้จนแน่นิ่งไปแล้วนั้น ภายนอกประตูยังแว่วเสียงเหล่ามาเกียเมามายที่หัวเราะอย่างสนุกสนาน
“ทำไมท่านต้องทำแบบนี้ด้วย” แมรี่ถามแผ่วเบาอย่างเลื่อนลอย ใบหน้าสวยเศร้ายังซบหน้าเช็ดน้ำตาเหนือหัวใจของเฟรเดอริค ”ตั้งแต่ฮิวโกตายไม่เคยมีใครขอโทษข้า ไม่เคยมีใครปลอบโยนข้า ไม่เคยมีสักคนในเผ่ามาเกียหรือในโลกนี้ พวกเขามองหยาดน้ำตาและฟังเสียงกรีดร้องของข้าอยู่ห่างๆ เคียงข้างข้าไม่มีใคร ข้าไม่เหลือใครอีกแล้ว”
เฟรเดอริคลูบไล้เส้นผมนุ่มลื่นของเธอในความเงียบ แสงสลัวในห้องทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝันแสนแปลกที่เงียบและเดียวดาย “ข้ารู้จักเผ่ามาเกียดี พวกเขาเป็นแค่เผ่าพันธุ์ธรรมดา ไม่ได้สูงส่งหรือวิเศษกว่าเผ่าอื่นใด”
“แล้วทำไมท่านต้องทำแบบนี้? ” เธอสัมผัสบาดแผลของเขา “ทำไมต้องรับมีดของข้า ท่านต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“เพราะข้าไม่อยากให้ใครแม้แต่คนเดียวในบาลเธียร้องไห้ ข้าเกลียดน้ำตา”
“แต่ข้าไม่เหลืออะไรเลย ข้าไม่เหลือใคร ตอนนี้นักเวทย์ทั้งเมืองคงหวาดกลัวและเกลียดชังข้า สาปแช่งข้าและอยากฆ่าข้าให้ตาย ข้าไม่รู้อีกต่อไปแล้วว่าควรไปที่ไหน”
“ถ้าเช่นนั้น...” เขานิ่งคิดชั่วครู่ “เจ้าจะไปกับข้าก็ได้”
“เฟรเดอริค!?” เธอมองเขาราวกับไม่เชื่อ “ท่านไม่เข้าใจว่าตัวเองกำลังพูดอะไร ท่านจะพูดแบบนั้นได้อย่างไร ข้าจะไปกับท่านในฐานะอะไร?”
“จริงของเจ้า ข้ายังไม่ได้คิดไว้เลย” เขาตอบตามจริง “ข้ารู้แต่ว่าข้าไม่อยากเห็นใครแม้คนเดียวในบาลเธียร้องไห้ และข้าจะยอมทำทุกอย่างเพื่อรักษาหัวใจที่แตกสลาย”
“หัวใจของข้าด้วยเช่นนั้นหรือ? ”
“ใช่”
แมรี่นิ่งมองใบหน้างดงามของพ่อมดแห่งลาเมนเทีย ใบหน้าที่ราวกับรูปสลักเทวทูตอันสูงเกินจะเอื้อมคว้าได้ เธอนิ่งคิดอยู่นานก่อนเอ่ยถามออกไป “หากเป็นเช่นนั้น...ช่วยเป็นคนรักของข้าได้ไหม?”
เฟรเดอริคนิ่งอึ้ง แมรี่กำลังขอร้องเขา ดูราวดอกไม้สีขาวที่พร้อมจะถูกสายลมเบาบางทำลาย
“ช่วยดูแลข้า รักข้าเหมือนที่ฮิวโกเคยรัก เรียกชื่อข้า กอดข้า และเรียกข้าขึ้นมาจากก้นหุบเหวของฝันร้าย ท่านทำได้ไหม? ”
“ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยมีความรัก และข้าไม่แน่ใจ” เฟรเดอริคตอบ “แต่ถ้าหากความรักของข้าจะช่วยเจ้าได้ทำไมข้าจะปฏิเสธ ในเมื่อในโลกนี้เจ้าไม่มีใคร”
แล้วเฟรเดอริคเอ่ยด้วยเสียงราวกับพี่ชายที่ปลอบโยนน้องสาวตัวเล็กจากฝันร้าย “ข้ายินดีจะเป็นชายคนรักของเจ้า หากเจ้าต้องการ”
แล้วกงล้อของชะตากรรมระหว่างแมรี่และเฟรเดอริคก็เคลื่อนหมุน แมรี่เคลื่อนใบหน้างดงามของเธอสูงขึ้น ก่อนจะทาบทับริมฝีปากของเธอลงบนริมฝีปากของพ่อมดแห่งตระกูลลาเมนเทีย
สิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้อาจเป็นชะตากรรม พรอันงดงามหรือคำสาปร้าย ทว่าใครจะรู้ได้นอกจากพระผู้เป็นเจ้า หรือบางทีอาจจะเป็นชะตากรรมอาถรรพ์ของตระกูลลาเมนเทียเองที่เล่าขานสืบกันมานาน ว่ากันว่าเพื่อแลกกับพลังเวทย์ที่สูงล้ำกว่าตระกูลอื่นใดและความงามที่ยากจะหาสิ่งใดเปรียบเทียบได้ ลาเมนเทียรุ่นก่อนได้ทำสัญญากับโลกมืดโดยยินยอมสละแลกกับชีวิตอันยืนยาว ความหวัง และความฝัน
เพื่อพลังและความงดงามลาเมนเทียได้แลกกับโศกนาฏกรรมและจุดจบอันลึกลับ แล้วอาถรรพ์นั้นจึงสืบทอดลงมาจากรุ่นสู่รุ่น ไม่มีใครสักคนเดียวในตระกูลลาเมนเทียที่จบชีวิตลงอย่างสวยงามดังเช่นรูปร่างหน้าตา และพวกเขาตาย
เฟรเดอริคผู้ได้ครอบครองทั้งพลังเวทย์มหาศาลและความสง่างามเหนือกว่าผู้ใดก็ราวจะพิสูจน์ถึงความจริงแห่งสัญญาที่ลาเมนเทียในอดีตทำเอาไว้ ทว่าสำหรับลาเมนเทียแล้วโชคร้ายที่แบกรับไว้อาจเป็นการเสียสละอันคุ้มค่า เพื่อที่ลาเมนเทียจะได้ปกป้องบาลเธียที่แสนลี้ลับและเปราะบางแห่งนี้ตลอดมาและตลอดไป นับเป็นตระกูลนักเวทย์เดียวที่ภักดีและรับใช้บัลลังก์แห่งอาณาจักรนี้มาได้อย่างเข้มแข็งไร้ที่ติไม่ว่ากี่ร้อยปีจะผ่านพ้นไป
แมรี่ลืมตาขึ้นแล้วจากจูบอันแผ่วเบาและอ่อนโยน ในความมืดสลัวเฟรเดอริคเห็นใบหน้าแม่มดแดงที่อยู่ชิดใกล้เขาได้กลายเป็นใบหน้าของผู้หญิงที่สวยและอ่อนหวาน
ดวงตาของเธอไม่ได้อาบสีแดงฉานไว้อีกต่อไป หากแต่กลับกลายเป็นสีแอปริค็อตสดใสเหมือนวันเก่าก่อน ไม่มีหยาดน้ำตาสีเลือดที่แสนเศร้าและน่าหวาดผวา และรอยยิ้มของเธอทำให้นึกถึงฤดูร้อนแสนงดงามทว่าสั้นเกินไปของบาลเธียที่เขารักตลอดมา เธอได้กลับกลายเป็นแมรี่ที่อ่อนโยนคนเดิมแล้ว ตั้งแต่วินาทีนี้เธอไม่ใช่แม่มดแดงอีกต่อไป
แล้วแมรี่ที่งดงามทาบเรียวนิ้วสีขาวเหนือบาดแผลของเฟรเดอริค ร่ายมนตร์ราวบทเพลงไพเราะแสนสั้นเหนือบาดแผลนั้น ความเจ็บปวดและเลือดที่ไหลหลั่งจากร่างสูงค่อยๆ เลือนหาย แล้วแมรี่คว้ามือเฟรเดอริคให้ลุกขึ้นเดินตามเธอเข้าไปในกระจกเงาบานใหญ่ ได้ยินเสียงเพลงแว่วมาจากดินแดนอันไกลแสนไกล
เพียงก้าวแรกของเฟรเดอริคในโลกระจกเขาก็พบว่าแมรี่หายไป เหลือแต่ตัวเขายืนอยู่คนเดียวท่ามกลางความมืดหม่นว่างเปล่า ก่อนที่อีกวินาทีร่างของเขาจะดิ่งลงสู่ความมืดลึกไม่มีที่สิ้นสุดโดยลำพัง
ทว่า ณ จุดสิ้นสุดนั้นปรากฏวิหารโบราณขนาดใหญ่หลังหนึ่ง ภายนอกประดับรูปปั้นสีขาวของเทวทูตหัวขาดและนางฟ้าปีกหัก เสียงระฆังที่หอคอยวิหารดังวังเวง ร่างของเฟรเดอริคดิ่งลงอย่างเชื่องช้าบนลานหน้าวิหารที่ปกคลุมด้วยดอกพาร์นัสเซียกลีบสีขาวบาง
ทันใดนั้นเขาเห็นแมรี่เดินออกมาจากวิหารในชุดเจ้าสาวที่ขาวสว่าง ในมือถือบูเก้ดอกกุหลาบสีน้ำเงินที่แวววาวไปด้วยละอองน้ำ ใบหน้าเปื้อนยิ้มสดใสและอ่อนหวาน ดวงตาสีแอปริค็อตเปล่งประกาย เส้นผมหยิกเป็นลอนสีเดียวกับดวงตายาวสยายแตะกลีบดอกไม้เหนือพื้น
วินาทีนี้อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิตที่เฟรเดอริคมั่นใจว่าได้ทำถูกต้อง ถึงจะงุนงงหากแต่ชั่วขณะนี้คืองานหมั้นของเขากับแมรี่ และเขาก็ไม่เคยเสียใจไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนไหนที่ได้ตัดสินใจลงไป
แล้วเฟรเดอริคเอ่ยมนตร์ที่จะใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้นในชีวิตมาเกีย ก่อนจะแตะปลายนิ้วที่นัยน์ตาของตัวเอง ลอกกระจกตาราวอะเมทิสเจิดจ้าออกจากดวงตา ทำให้นัยน์ตาสีม่วงเข้มนั้นซีดเผือดไป ก่อนจะเปลี่ยนกระจกตาบนฝ่ามือของตัวเองให้กลายเป็นแหวนหมั้นอะเมทิสและสวมให้อีกฝ่าย
ดวงตาของแมรี่วูบไหว เศร้าและเสียดายที่นัยน์ตาของเฟรเดอริคสีซีดไป แล้วเขาร่ายมนตร์อีกบทพร้อมกับยกมือของแมรี่ขึ้นมา ก้มกัดปลายนิ้วของเธอแผ่วเบา เลือดสายเล็กไหลรินลงมาและหลอมรวมเป็นแหวนหมั้นสีแดงบนฝ่ามือของเขา
หยดน้ำตาของแมรี่ร่วงลงบนแหวนนั้นทำให้เขารู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ด้วยความดีใจ และหยาดน้ำตานั้นใสแวววาว ไม่ได้คล้ำด้วยสีของหยาดน้ำตาเลือดอีกต่อไป แล้วแม่มดสวมแหวนสีแดงเปื้อนน้ำตาให้กับเฟรเดอริคด้วยรอยยิ้ม
สำหรับเฟรเดอริค เขาได้ช่วยผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นจากโลกที่ฉาบไปด้วยสีแดงและหุบเหวแห่งความโหดร้าย เพื่อที่จะได้เห็นเธอยิ้มอีกครั้ง จากนั้นแมรี่สวมกอดเขา และเฟรเดอริคสวมกอดเธอไว้
แล้วคืนนั้นเฟรเดอริคและแมรี่ก็กลายเป็นคู่หมั้นกันอย่างสมบูรณ์