2 The Dark Passover(2)
ทันใดนั้นแว่วเสียงร้องฟังคล้ายสายลมหนาวพัดหวีดหวิว ตามด้วยแวมไพร์กลุ่มหนึ่งที่เดินทางมาถึงประตูหน้า ทุกตัวดูเหมือนมนุษย์ทุกกระเบียดนิ้วหากแต่งดงามกว่าหลายร้อยเท่า แต่งกายงดงามราวกับถูกเชิญให้เข้าร่วมงานเต้นรำของมหาอาณาจักรอันมั่งคั่ง และการมองเพียงแวบเดียวไม่อาจทำให้ใครคนหนึ่งรู้ได้ว่าพวกเขามาเพื่อสังหาร เสียงร้องของแวมไพร์สาวนั้นอาจหลอกหลอนทว่าก็ไพเราะจนชวนให้เคลิ้มและตกอยู่ในภวังค์ และแน่ทีเดียวผู้ที่ไม่ระวังก็จะหลงตามปีศาจที่แสนเย้ายวนนั้นไปสู่ความตาย
แกรก...
นักเวทย์ในบ้านขนลุกเมื่อได้ยินเสียงเล็บแวมไพร์แหลมยาวขูดบานประตูไม้
กึก!
แล้วแวมไพร์สาวสวยก็โผล่ใบหน้าที่ประดับรอยยิ้มหวานลึกลับเข้ามาทาบหน้าต่าง เสียงหน้าผากสัมผัสกับบานกระจกแผ่วเบา นัยน์ตาสีราวด้านมืดของดวงจันทร์เหน็บหนาวกวาดสำรวจในบ้าน
เหล่านักเวทย์เงียบกริบ กลั้นหายใจ เทียนเล่มสุดท้ายที่ถูกเป่าดับลงก่อนหน้าทำให้เวลานี้บ้านดูมืดสนิทไร้ชีวิต แวมไพร์สาวถอนหายใจแรงอย่างผิดหวังเมื่อมองไม่เห็นอะไร กลิ่นลมหายใจที่ลอยเข้ามาเหมือนน้ำหอมแปลกประหลาดที่ชวนให้มึนเมา แล้วพวกแวมไพร์หนุ่มสาวก็หันไปฉีกทึ้งเนื้อสัตว์ร้ายที่กองอยู่หน้าประตูแทน
อีกไม่นานปีศาจกระหายเลือดจะผ่านไป ตลอดหลายร้อยปีในเทศกาลนี้ไม่เคยมีใครถูกฆ่าตายและหากไม่มองโลกในแง่ร้ายจะบอกว่าเทศกาลปัสกาช่วงหลังกลายเป็นงานรื่นเริงไปแล้วก็ได้
เมื่อเสียงกินราวกับงานเลี้ยงชั้นสูงเงียบลงแวมไพร์ที่งดงามก็จากไป ลอยเคลื่อนห่างสู่ท้ายหมู่บ้านและลับหายไปในป่าใหญ่
เทศกาลเฉลิมฉลองเริ่มขึ้นเมื่อนั้น เสียงโห่ร้องเฮฮาดังลั่น ตะเกียงถูกจุดขึ้นในบ้านทุกหลัง ขวดเหล้าถูกเปิดฉลองอย่างครึกครื้นท่ามกลางเสียงร้องเพลงและดนตรีเต้นรำ
ไม่นานมาเกียหลายคนก็เริ่มเมามาย ทันทีกับที่มีเสียงเคาะประตูบ้านดังขึ้นก่อนที่ดีเร็คพ่อมดนักผสมเหล้าจะเปิดประตูเข้ามา เช็ดเลือดสัตว์ป่าที่ติดมากับรองเท้ายนพรมหน้าธรณีประตู ในมือถือถาดค็อเทลสูตรใหม่ที่มีสีแดงข้นสะดุดตา
“ค็อคเทลสีเลือดเช่นนั้นหรือ เข้ากับบรรยากาศดีเหลือเกิน ฮ่าๆๆ” พ่อมดคนหนึ่งที่เห็นตะโกนและขว้างขวดเหล้าลงพื้นอย่างคึกคะนอง
ดีเร็คพ่อมดเจ้าของดวงตาสีชมพูสดราวทับทิมเดินแจกค็อคเทลไปรอบๆ ห้อง “มาฉลองปัสกากันเถิดเพื่อนรัก! ซดค็อคเทลของข้าแล้วตั้งชื่อให้กับมัน บางทีความเมามายอาจทำให้เต็มไปด้วยจินตนาการก็ได้”
เมื่อดีเร็คแจกเวียนมาถึงเฟรเดอริค แทนที่จะแจกแก้วเดียวเขากลับยื่นให้ถึงสามแก้วอย่างเต็มใจ
“สามแก้วแทนพระบิดา พระบุตร และพระวิญญาณเฉพาะสำหรับพ่อมดแห่งตระกูลลาเมนเทียเท่านั้น” ดวงตาสีแดงอมชมพูโชนประกายของดีเร็คขยิบให้เพื่อนรัก เฟรเดอริคส่ายหน้าพร้อมยิ้มเรียบบาง ก่อนจะรับค็อกเทลมาดื่มรวดเดียวหมดแก้วแรก
“ท่านดื่มราวกับไม่เกรงกลัวสีราวกับเลือดแดงฉานของมัน” ดีเร็คสังเกตและเอ่ยชม
“บางทีข้าอาจหวาดกลัวสิ่งลึกลับน้อยเกินไป” เฟรเดอริคเอ่ยราวกับโทษตัวเอง
“ไม่เลยเพื่อนข้า” ดีเร็ควางมือเหนือไหล่เพื่อน “เพราะด้วยใจที่มุ่งมั่นอีกทั้งความเชื่อในความดีและความหวังของท่านความหวาดกลัวถึงถูกปัดเป่าหมดไป ข้ารู้สึกถึงสิ่งนั้นได้”
“ท่านต่างหากที่เป็นเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นจะเปลี่ยนสีแดงฉานนี้ให้เป็นค็อคเทลที่สง่างามได้อย่างไร” อีกฝ่ายตอบกลับ
“นั่นสินะ ไม่ว่าข้า ท่านหรือใครในบาลเธียก็ล้วนแต่ต้องทำแบบนี้ เปลี่ยนความมืดและลี้ลับให้กลายเป็นสิ่งสวยงามให้ได้ และเราไม่เคยลืมว่าท่านตั้งใจทำเช่นนั้นทุกวันเพื่อบาลเธียอย่างเสียสละเพียงใด”
“ท่านควรหยุดพูดและดื่มบ้างในคืนแห่งความยินดีอย่างปัสกา ชีวิตของพ่อมดเราไม่ได้ยืนยาวสักเท่าไหร่” เฟรเดอริคยื่นแก้วให้ดีเร็ค ทว่าอีกฝ่ายส่ายหน้าและเดินหนีไปแจกค็อคเทลให้พี่น้องมาเกียท่านอื่นต่อแล้ว
เมื่อดีเร็คห่างออกไปเฟรเดอริคลากสายตากลับมาที่น้ำสีแดงฉานในแก้วของตัวเอง บางสิ่งทำให้ดวงตาสีอะเมทิสเหม่อมองสีเลือดในแก้วราวได้ยินเสียงกระซิบบางอย่างเรียกเอาไว้
“อะไรกัน ไม่มีใครตั้งชื่อให้ค็อคเทลสุดวิเศษของข้าที่ทำขึ้นเพื่อปัสกานี้เลยหรือ? ” ดีเร็คท้วงถามลั่นห้อง
“บลัดดี้แมรี่!” พ่อมดเมาคนหนึ่งตะโกนมอบชื่อแก่ค็อคเทลนั้น
ในทันทีทุกคนหน้าซีดเผือดและนิ่งราวถูกสาป ก่อนที่อีกเสี้ยวลมหายใจแทบทุกคนจะรุมเข้าตะครุบพ่อมดคนนั้นเพื่ออุดปาก!
“ชู่ว!”
“บ้าไปแล้วหรือ? อยากตายหรืออย่างไรกัน!?” ทุกคนตำหนิพ่อมดเมาอย่างหวาดผวา
“อย่าเรียกดัง เรียกเบาๆ ก็ไม่ได้!” แม่มดอีกคนหนึ่งเอ็ดใส่ด้วยเสียงกระซิบแทนที่จะเป็นเสียงดัง และนั่นก็เพราะเรื่องราวที่ถูกพูดถึงนั้นเป็นเรื่องต้องห้าม
ทว่าความไร้เดียงสาทำให้เด็กหญิงคนหนึ่งถามขึ้นจนได้ “บลัดดี้แมรี่เป็นใครคะ”
นักเวทย์ผู้ใหญ่ถอนลมหายใจ ส่ายหน้ายอมแพ้ดวงตาเป็นประกายที่รอฟังราวกับวิงวอน
แล้วมาเกียทั้งห้องก็ได้ฟังเทพนิยายที่ละเลงด้วยสีแดงยิ่งกว่าเรื่องใดๆ นั้นอีกครั้ง เทพนิยายอันจะกลายเป็นฉากใหม่ในชีวิตของเฟรเดอริคในค่ำคืนนี้ และเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตลอดไป