13 Enchanted
เจ้าชายควบม้าพาร์ซิฟาลพร้อมกลุ่มทหารล่าสัตว์ไปตามแนวป่าโปร่ง และครั้งนี้เดินทางไกลจากปราสาทมากกว่าทุกครั้ง สักพักทิวทัศน์รายรอบเริ่มแปลกตา ไม่นานเจ้าชายก็มาถึงริมทะเลสาบสีเงินที่เงียบและสวยงามเหมือนอีกโลก
ไกลออกไปเหนือผิวน้ำฝูงหงส์ขาวว่ายวนไปมาราวเริงระบำ กลางฝูงหงส์นั้นเองดวงตาสีฟ้าคมของซิกฟริดสังเกตว่ามีหงส์ตัวหนึ่งที่ดูเด่นและสง่างามต่างออกไปจากตัวอื่น มงกุฎสีทองฝังพลอยหลากสีประดับอยู่บนหัวทำให้หงส์นั้นดูราวกับเจ้าหญิง เจ้าชายไม่เคยเห็นหงส์ที่งดงามเช่นนี้
เมื่อเห็นฝูงหงส์ขบวนล่าสัตว์ก็หยิบธนูขึ้นเตรียมยิง หากแต่เจ้าชายกลับยกมือขึ้นห้าม ข้าราชบริพารที่ติดตามจึงต่างรู้ว่าได้เวลาปล่อยเจ้าชายของพวกเขาไว้ที่นี่เพียงลำพัง เมื่อนั้นพวกเขาควบม้ากลับวังไป ปล่อยให้เจ้าชายยืนชื่นชมฝูงหงส์ขาวเพียงลำพังท่ามกลางทิวทัศน์ที่สวยเหมือนความฝัน
ใครกันนะ? เจ้าหญิงโอเดทในร่างหงส์ขาวได้แต่สงสัย ใครกันที่มาที่นี่ สง่างามอยู่บนหลังม้าขาวริมทะเลสาบ ดูราวกับแสงแดดเจิดจ้าอันสะดุดตาและเปล่งประกาย เขาเป็นเจ้าชายเช่นนั้นหรือ? ความสง่างามไร้ที่ติทำให้ร่างนั้นดูเหมือนภาพลวงตาที่เกิดจากประกายแดดเสียมากกว่า ที่สำคัญแววตาของเขางดงามอ่อนโยนกว่าดวงตาของใครในโลกที่เธอเคยเห็น
เหมือนเวลาหยุดเดินเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าชายคนนั้น หากทว่าแท้จริงแล้วเวลาล่วงเลยไป จากนาทีเป็นชั่วโมง หากทว่าเจ้าชายยังอยู่ริมฝั่ง นิ่งสง่าราวเทวทูติไร้ที่ติท่ามกลางแสงสว่าง
เจ้าหญิงหงส์ขาวเผลอมองเจ้าชายอย่างลืมเวลา รู้ตัวอีกทีดวงอาทิตย์ก็ใกล้ตกดินแล้ว หงส์ขาวหลายตัวว่ายน้ำขึ้นฝั่งหายไป เจ้าหญิงเองก็ต้องไปแล้วเช่นกัน หากแต่เมื่อเธอเหลียวมองไปที่ริมฝั่งเจ้าชายปริศนาก็ยังคงยืนอยู่ที่นั่นดู ไร้ที่ติในแสงสว่างที่ค่อยๆ หมดไปจากท้องฟ้าที่เวลานี้เรืองสีเขียวมรกตเข้ม หากทว่าความมืดและเย็นที่กำลังคืบคลานเข้ามา กลับทำให้เจ้าชายและทุกอย่างที่รายล้อมร่างนั้นดูยิ่งสง่างามน่าหลงใหล เจ้าหญิงบอกตัวเองให้ละสายตาไปจากเจ้าชาย
ทว่าถึงจะว่ายห่างออกมาแล้วเธอกลับพบว่าดวงตางดงามของเจ้าชายยังคงจ้องมองเธออยู่ เจ้าหญิงหงส์ขาวอย่างเธอควรจะทำอย่างไรดี? เสียงเรียกในหัวใจของเธอเตือนว่าเธอจะคืนร่างให้เจ้าชายเห็นไม่ได้ เพราะแน่นอนว่าจะต้องเกิดอันตรายถ้าหากเฟรดอริคอยู่แถวนี้ บางทีเธอควรจะอ้อมไปขึ้นฝั่งทางอื่นที่ไกลออกไป
แต่ทันทีที่เธอจะว่ายน้ำไปอีกทางก็เห็นว่าเจ้าชายยกคันธนูขึ้นและเล็งลูกศรมาที่เธอ ในที่สุดเธอก็เพิ่งเข้าใจ เจ้าชายมาที่นี่เพื่อล่าสัตว์ และกว่าเธอจะรู้ตัวก็สายเกินไปเสียแล้ว!
เจ้าหญิงกรีดร้องในใจ หลับตาแน่นด้วยความหวาดกลัว สำหรับเจ้าชายแล้วสัตว์ที่งดงามตัวนี้ต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น ทว่าทันทีที่นิ้วเรียวยาวจะปล่อยลูกธนูก็ปรากฏแสงสว่างสีขาวเจิดจ้าบดบังหงส์ตัวนั้น
เจ้าชายหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ เบิกตาว้างเมื่อเห็นหงส์ขาวตรงหน้าค่อยๆ กลายร่างเป็นหญิงสาว เจ้าหญิงปลอมตัวอีกแล้วหรือ? เจ้าชายนึกอัศจรรย์แกมหงุดหงิดใจ ที่ปลอมตัวกันปั่นหัวเจ้าชายมาแล้วทั้งวันยังไม่พออีกใช่ไหม?
หากแต่ครั้งนี้การปลอมตัวของเจ้าหญิงกลับต่างออกไป นั่นก็เพราะครั้งนี้เป็นการปลอมตัวของเจ้าหญิงที่งดงามที่สุดเท่าที่เจ้าชายเคยเห็นมา
หงส์ขาวหายไป เวลานี้ต่อหน้าเจ้าชายคือเจ้าหญิงแสนสวยในแสงสีขาวที่กำลังจะดับลง เธออยู่ในชุดยาวสีขาวที่ปลายแช่อยู่ในน้ำตื้น มีมงกุฎสีทองล้ำค่าอันเดียวกับที่ประดับอยู่บนร่างหงส์เมื่อครู่อยู่บนเส้นผมสีบลอนด์สว่าง ปีกสีขาวที่ค้างบนแผ่นหลังชั่วครู่ก่อนจะเลือนหายไปทำให้เธอดูราวกับนางฟ้าที่กำลังหวาดกลัว
เจ้าชายได้แต่นึกประหลาดใจตัวเองที่ยังจ้องมองเธอราวกับถูกตรึงด้วยความอัศจรรย์ สับสนและแปลกใจที่ตัวเองหยุดหายใจ ความรู้สึกรุนแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อนนี้คืออะไรกัน? ความรักเช่นนั้นหรือ? แต่จะเป็นไปได้อย่างไรในแค่เวลาสั้นๆ ความรู้สึกที่ราวกับเลือดในกายไหลย้อนทาง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และร้อนวาบราวกับกำลังเรียกร้องบางสิ่งบางอย่าง...
ในที่สุดเจ้าชายก็ปล่อยคันธนูร่วงหลุดจากมือ ก้าวลงน้ำไปหาร่างที่ยังหลับตาอย่างหวาดกลัวและดูราวกับนางฟ้าที่ถูกทำร้ายนั้น
แล้วราวกับถูกเรียกด้วยเสียงบางอย่าง เจ้าชายเคลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ หลับตา ก่อนจะทาบทับริมฝีปากของตัวเองอย่างแผ่วเบาลงบนริมฝีปากของเธอ
ซิกฟริดจูบเจ้าหญิงแปลกหน้า...ทั้งที่ไม่เคยแน่ใจว่าความรักคืออะไร หากทว่าความหวาดกลัวแทรกเข้ามาแทนที่ความไม่แน่ใจ เขากลัวว่าเจ้าหญิงตรงหน้าจะเป็นเพียงภาพลวงตาหรือความฝัน เธองดงามเกินไปราวกับจะคงอยู่แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ราวกับแสงเงาบนประติมากรรมงดงามที่ไม่นานก็จะเลือนหายไป หรือไม่ก็คล้ายความฝันวัยเด็กที่เหมือนจะจำได้หากแต่บางทีอาจไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ
เมื่อเจ้าชายลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเจ้าหญิงลืมตาขึ้นแล้วเช่นกันถึงจะมืดเขาก็แน่ใจว่าเธอมีดวงตาสีเดียวกันกับเขา และมันอาจน่าหัวเราะที่จะสรุปเร็วเกินไป แต่เจ้าชายมั่นใจว่าเจ้าหญิงคนนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น พระเจ้าได้เตรียมวันเวลานี้ให้กับเขามานานแสนนานแล้ว
เจ้าหญิงโอเดทยังงุนงงที่ธนูไม่ได้ปักลงบนตัวเธอเหมือนที่คิด ตกตะลึงเมื่อจ้องมองดวงตาสีฟ้าของเจ้าชายแปลกหน้าที่อยู่ใกล้จนดูพร่า...ใกล้จนสัมผัสถึงลมหายใจ เธอได้เห็นดวงตาที่คมสวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา...ดวงตาสีฟ้าสว่างแม้แต่ในความมืดที่มีเฉดสีคล้ายกับนัยน์ตาของเธอ และดวงตานั้นมีเงาสะท้อนของเธออยู่ภายใน
“นึกว่าความฝันเสียอีก” เจ้าชายเอ่ยแผ่ว
พอรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นเธอก็สะดุ้งสุดตัว รีบถอยหลัง หากแต่ต้องสะดุ้งอีกเมื่อมือของเจ้าชายเคลื่อนมารั้งใบหน้าของเธอไว้ “ข้าคือซิกฟริด แล้วท่านล่ะเจ้าหญิง ท่านเป็นใคร?”
เจ้าชายยังคงจ้องมองเจ้าหญิงไม่วางตา แต่เธอกลับรีบถอยหน้าออกห่างจากใบหน้าของอีกฝ่าย แกะมืออุ่นจัดของเขาออก “ปล่อย! ปล่อยข้า อ๊ะ! ”
ความตกใจและประหม่าทำให้เจ้าหญิงถอยหนีแล้วเสียหลัก
“ระวัง!” ในเสี้ยวเวลาเดียวกันแขนของเจ้าชายก็คว้าร่างของเจ้าหญิงไว้ได้ก่อนที่เธอจะทันล้มลงไปในน้ำ ทำให้ใบหน้าของเธอและเขาอยู่ชิดจนเกือบจะแตะกันอีกครั้ง หากทว่าครั้งนี้ต่างออกไปเพราะเจ้าชายช้อนร่างของเจ้าหญิงขึ้นจนลอย
“ดะ...เดี๋ยวสิ” เจ้าหญิงร้องห้าม แต่เจ้าชายไม่ฟังเสียง เขาพาเธอเดินอย่างมั่นคงจนมาถึงฝั่ง
“ปล่อยข้าได้แล้ว ปล่อยสิ…!” เจ้าหญิงพูดเมื่อเจ้าชายหยุดนิ่งมองเธออีกนานโดยยังไม่ปล่อยลงง่ายๆ ทว่าเมื่อรู้ตัวว่าจ้องมองเจ้าหญิงแปลกหน้านานเกินไปก็รีบปล่อยเธอลงอย่างเบามือ
“อา...ขอโทษที” ถึงจะวางเจ้าหญิงแล้วเขาก็ยังจ้องมองเธออีก ดวงตางดงามของเจ้าชายทำให้โอเดทหายใจลำบากจนต้องหันหนี ที่จริงเธอควรจะวิ่งหนีมากกว่า เพราะถ้าเฟรเดอริคมาเห็นเข้าคงเป็นเรื่องใหญ่แน่ แล้วเจ้าหญิงก็ต้องสะดุ้งเมื่อเจ้าชายเคลื่อนมือมาสัมผัสใบหน้าของเธออีกครั้งราวกับจะดูให้แน่ใจ
“ท่านเป็นมนุษย์ที่แปลงเป็นหงส์ได้หรือเป็นเป็นหงส์ที่แปลงเป็นมนุษย์ได้กันแน่ ทำไมข้าถึงไม่เคยเห็นใครแบบท่านมาก่อนเลย” เจ้าชายรั้งใบหน้าเจ้าหญิงให้หันไปหาเขาเพื่อมองใกล้ๆ หากแต่เธอถอยหลังอีก รู้อย่างเดียวว่าควรจะรีบหนีไป เพราะเธอเริ่มรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงและไม่เข้าใจเลยว่าเพราะอะไร