พิชิตใจ : ตำราที่ 3 : เอาแต่ใจ
“เทียนไข ~” เสียงของธาดาดังลอยออกมาจากในห้องแต่งตัว ฉันละสายตาจากหนังสือแล้วหันไปมองตามเสียงเรียก
“อะไรอีก” ไม่เรียกสักวันจะตายหรือไงไอ้บ้าธาดา
“มานี่หน่อย ~”
“หาอะไรไม่เจออีก ครีมอยู่ตู้ด้านบนมุมซ้ายสุด นาฬิกาเรือนใหม่ฉันเรียงไว้ให้ในลิ้นชักเรียบร้อยแล้ว และถ้าน้ำหอมฉันก็แกะกล่องเรียงให้เรียบร้อยแล้วเช่นกัน” นี่ฉันเป็นเลขาส่วนตัวหรือเมียกันแน่ วุ่นวายมาตลอดชีวิตไม่เคยเปลี่ยน
“...” เงียบ ตายแล้วมั้ง
“หาเจอแล้วใช่มั้ย” ฉันตะโกนถามย้ำกลับไป
“...” เงียบ
“ช่วยเร็วกว่านี้หน่อยนะคุณป้าจะมาแล้ว อย่าให้ท่านต้องรอ”
“...” เงียบเช่นเดิม
ฉันหันกลับไปมองยังห้องแต่งตัวอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่ายแล้วลุกเดินตรงเข้าไปยังในห้อง
ภาพตรงหน้าคือธาดายืนถือขวดน้ำหอม ไม่ได้สวมเสื้อหันมามองฉันที่กำลังเดินเข้าไปหาเขา
“นึกว่าตายแล้วนะคะคุณธาดา” เขาหันมามองฉันและก้าวเดินเข้ามาใกล้
“ฉันจะตายก็ต่อเมื่อแต่งงานกับเทียนแล้วเท่านั้น” วันหนึ่งฉันต้องเจอกับความบ้าบอของหมอนี่ทุกวัน
“ได้ เดี๋ยวไปแต่งงานกันเลยแล้วนายก็ตายเลยนะ” ธาดามองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ
“ถ้าฉันตายเธอจะต้องเสียใจ แต่ฉันจะไม่ให้เธอมีสามีใหม่ฉันจะตามเฝ้าเธอ” ฉันถอนหายใจอีกครั้ง
“คุณธาดาหยุดบ้าได้มั้ยคะ แล้วที่เรียกมานี่มีอะไรพิเศษหรือเปล่าคะ” ต้องหยุดเขาก่อนที่จะบ้าไปมากกว่านี้
“จะเทสต์น้ำหอม” เขาชูน้ำหอมขวดใหม่ในมือให้ดู
“เป็นคนเลือกเองนะกลิ่นนี้ แล้วก็เทสต์มาแล้วนี่คะ สมองกลับอีกแล้วเหรอคะเนี่ย” ถึงฉันจะพูดแรงใส่เขาแค่ไหน ธาดาก็ไม่เคยโกรธหรือโมโห เขากลับชอบใจที่ฉันพูดกับเขามากกว่า
“ดมแบบนั้นไม่รู้เรื่องหรอก ต้องแบบนี้”
ฟุด ๆ
น้ำหอมในมือถูกพ่นในคอเสื้อ และตามตัวของฉันอย่างไม่ทันตั้งตัว ก่อนที่จะดึงตัวเข้าไปกอดพร้อมกับซุกหน้าลงดมกลิ่นน้ำหอม ฉันเอามือดันอกเปลือยของเขาไว้ และเอียงหน้าหนี
“หยุดนะธาดา...”
“...” ถึงจะทำเสียงดุแค่ไหน แต่คนตัวใหญ่กว่าก็ไม่ยอมฟัง เขาพรมจูบไปตามลำคอ มือหนาโอบรัดเอวกระชับให้แน่นขึ้น
“ธาดา” ฉันพยายามดันตัวเขาออก แต่กลับถูกเขากอดแน่นขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“หอม...” เสียงกระซิบลอยออกมาจากคนตัวสูงที่ซุกหน้าอยู่ตรงหน้าอก
“ถ้าพอแล้วก็ปล่อย”
“พูดอะไรน่ะ กว่าเธอจะเข้าใกล้ฉันมันยากมากเลยรู้มั้ย” เขาเงยหน้าขึ้นสบตา และเอียงหน้ามาพูดข้างหู เมื่อพูดจบเขาก็ซุกหน้าดมไปตามลำคอเหมือนเดิม
“คุณป้ามาถึงแล้ว ปล่อย” ฉันยังคงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย มือก็ดันอกเขาไว้ ยิ่งดันมากแค่ไหนก็ถูกกอดรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น
“ก็ปล่อยแม่รอไป” มือข้างหนึ่งของธาดาปล่อยจากเอว แล้วมาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของฉันออกทีละเม็ด
“หยุดนะ หยุดธาดา!”
ฉันเริ่มออกแรงดิ้น เพราะตัวที่เล็กกว่าเลยทำให้ถูกดันจนหลังติดกับตู้เสื้อผ้า ขายาวแทรกกลางระหว่างขาของฉันเพื่อไม่ให้ต่อต้านเขาได้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น เรื่องนี้ถือว่าเป็นความลับของฉันกับเขาก็ว่าได้
“เธอโกรธหรือเปล่าที่ฉันยุ่งกับผู้หญิงคนอื่น” เขาถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ไม่ เพราะฉะนั้นไปทำกับผู้หญิงคนอื่นซะ ไม่ต้องมายุ่งกับฉัน” อยู่กับเขาก็เว้นระยะห่างตลอดเวลา ฉันจะใกล้เขามากไม่ได้ เพราะถ้าใกล้เกินไปผลมันก็จะออกมาเป็นแบบตอนนี้
ฟุบ! ธาดาฟุบหน้าลงบนไหล่ฉัน ลมหายใจร้อนเป่ารดบริเวณไหปลาร้า
“แค่เธอพูดว่าให้ฉันเลิกยุ่งกับคนอื่น แล้วมายุ่งกับเธอคนเดียว ฉันก็จะทำตามที่เธอบอกทันทีเลยแท้ๆ ทำไมไม่ยอมฉันสักทีล่ะเทียน” พูดบ้าอะไรของเขาอีก
“นายจะไปยุ่งกับใครก็ได้นะธาดา แต่อย่ายุ่งกับฉัน ยังไงเราก็เป็น...เพื่อนกัน” ฉันเว้นวรรคหายใจก่อนที่จะพูดคำต้องห้ามออกมา ธาดาเงยหน้าขึ้นมามองด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป
“เคยบอกว่าห้ามพูดคำนี้ ไม่เชื่อฟังกันเลยใช่มั้ย” น้ำเสียงเย็นของเขากำลังทำให้ฉันเสียวสันหลัง
“ยอมรับความจริงมันยากมากนักหรือไง” ฉันพูดพร้อมกับก้มหน้าหลบสายตาเขา
“เงยหน้าขึ้นมา”
“....” เงยก็โง่เต็มทีแล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่าจะโดนอะไรจึงเลือกที่จะไม่ทำตาม
“เทียนไข...”
“....” ฉันยังคงยืนก้มหน้าไม่ทำตามคำสั่งของเขา มือก็พยายามดันอกกว้างออกให้ห่างจากตัว
“ขอเห็นหน้าหน่อย...ไม่ทำอะไรหรอก” คนแบบธาดาจะเชื่อได้กี่เปอร์เซ็นต์กัน
“....” ฉันยังคงก้มหน้านิ่ง
“ถ้าไม่เงยหน้าขึ้นมาฉันจะจัดการทำให้มันเงยขึ้นมาเองนะ” คำขู่ของเขาก็ไม่มีผลกับฉัน คำขู่แบบนี้ฉันเคยโดนมาแล้ว ฉันรู้ดีว่าต้องทำยังไง ถ้าฉันดื้อดึงมากเดี๋ยวเขาก็ยอมแพ้เอง
“หยุดขู่ฉันแล้วไปแต่งตัวให้เรียบร้อย คุณป้ากำลังมาถึงแล้ว” ฉันพูดในขณะที่ตัวเองยังก้มหน้าอยู่เหมือนเดิม
“....” ครั้งนี้เขาเงียบ แต่ทุกสัมผัสจากเขายังคงอยู่ มือที่โอบเอวยังคงกอดฉันแน่นไม่ยอมปล่อย
“จะเล่นสงครามประสาทหรือไงคะคุณธาดา” ยังไงก็จะก้มหน้าแบบนี้ไปจนกว่าเขาจะปล่อย
“...” เงียบไม่มีการตอบกลับ
“ถ้าจะเงียบก็ช่วยปล่อยด้วยอึดอัด” ฉันพยายามดันเขาออก แต่ก็ไม่เป็นผล ขาของธาดายังคงแทรกกั้นกลางระหว่างขาทั้ง 2 ข้าง
“เฮ้อ~” ธาดาถอนหายใจออกมาทำเอาฉันสะดุ้งด้วยความตกใจ แต่ต้องตกใจสุดขีดเมื่อมือของเขาสอดเข้ามาใต้ชายเสื้อแล้วปลดตะขอบราเซียอย่างชำนาญ ฉันคว้ามือของเขาไว้ในขณะที่มันเลื่อนมากุมอกอวบไว้
“หยุดธาดา!”
“ไม่” สั่งได้ทุกเรื่องก็จริง แต่ก็มีเรื่องนี้ที่ไม่เคยทำตาม ต้องใช้กำลังตลอด
“นับหนึ่ง” ฉันเริ่มนับถอยหลังพร้อมกับจ้องหน้าเขา
“สอง” เขากลับช่วยฉันนับอีกต่างหาก
“อย่า” ธาดาซุกหน้าลงจูบต้นคอ ทำเอาฉันขนลุกไปทั้งตัว มือเล็กทั้งผลักและดันเขาออก ทำไมแรงเยอะขนาดนี้เนี่ย
“ขอห้านาที”
“ทำอะไร” ธาดาเงยหน้ามองและยิ้มมุมปาก
“จูบฉันห้านาที แล้วจะปล่อย”
“เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีก เมื่อคืนก็อยู่กับผู้หญิงอีกคน แล้วตอนนี้จะมาวุ่นวายกับฉัน” เบื่อหมอนี่จริงๆ
“ไม่พอใจเหรอ” ธาดาทำหน้าสำนึกผิด
“พอใจมาก ช่วยไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นที”
“เธอพูดจาทำร้ายจิตใจฉันมากเกินไปแล้ว” น้ำเสียงและสีหน้าของเขาเริ่มแสดงออกว่าไม่พอใจในคำพูดของฉันมากแค่ไหน
“ปล่อยเถอะ”
“เทียนไข” ฉันหันหน้าไปทางอื่นพร้อมกับดันตัวเขาออก
เมื่อหลุดพ้นก็รีบเดินหนีออกจากห้องทันที โดยไม่หันไปมองเขาว่าจะเป็นยังไง คุณป้าก็มาแล้ว ฉันต้องคุยเรื่องงานของฉันให้ชัดเจน ธาดาเป็นผู้บริหารตามความตั้งใจของพวกเขาได้แล้ว ก็เท่ากับว่าหมดหน้าที่ฉันแล้ว