EP : 11
“พี่ชาร์ลระวังข้างหน้า! พี่ชาร์ล! กรี๊ด!!!”
“สัส!”
เอี๊ยด!!!!!
“กรี๊ด!!!”
เสียงล้อรถลากไปกับถนนดังสนั่นไปทั่วบริเวณก่อนที่รถของชาร์ลจะเหวี่ยงไปด้านข้างด้วยความเร็วแล้วรถก็กระชากเต็มแรงก่อนจะหยุดนิ่ง
กึก!
“...”
“...ไม้หวาย” เขามั่นใจว่ารถหยุดนิ่งโดยที่ไม่ได้ชนอะไรเรียบร้อยก็หันไปมองก่อนจะเรียกชื่อเธอที่ใช้สองมือปิดหน้าพร้อมกับร่างกายที่สั่น แต่เธอเงียบ เงียบมาก
“ไม้หวาย”
“...” เธอยังเงียบพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นมากขึ้น เขาเอื้อมมือไปแตะไหล่เธอเบา ๆ
“ฮึก!” การสัมผัสจากเขาทำให้เธอสะดุ้ง มีเสียงออกมาที่คล้ายเสียงสะอื้นแต่ดังแค่ครั้งเดียวก็เงียบอีกครั้ง
“ไม้หวายไม่เป็นอะไรแล้ว ปลอดภัยแล้ว” ชาร์ลวางมือลงบนไหล่บางแล้วบีบเบา ๆ เพื่อเรียกสติเธอ
“...ฮึก!”
“...ไม้หวาย” ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจของเขา ความรู้สึกสนุกหายไปเมื่อเห็นผู้หญิงที่นั่งข้างเขาตกอยู่ในภาวะช็อค
“ฮึก!” ไม้หวายเลื่อนมือที่ปิดหน้าลงมาปิดแค่ปากไว้แล้วมองตรงไปข้างหน้า เสียงสะอื้นดังแค่แผ่วเบาแต่ร่างกายเธอกลับกระตุกแรง เหมือนเธอจุกอยู่ในอกจนระบายออกมาไม่ได้ยิ่งทำให้ชาร์ลใจคอไม่ดี
“ไม้หวายได้ยินพี่ไหม” เขาบีบไหล่เธอแรงขึ้น โน้มตัวไปหาคนที่เอามือปิดปากแล้วเอาแต่มองไปข้างหน้าเหมือนเดิมไม่หยุด
“ไม้หวาย...หวาย”
“หวาย...กลัว~” ไม้หวายเอ่ยออกมาเสียงสั่นก่อนที่น้ำตาของเธอจะไหลออกมาจากดวงตา เธอหันมามองเขาช้า ๆ ทำให้ชาร์ลเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวชัดเจน
“...”
“...หวายกลัวพี่ชาร์ลได้ยินไหมคะ”
“...”
หมับ!
“...พี่ขอโทษ” เขาคว้าคนที่น้ำตาไหลอาบแก้มแต่กลับไม่มีเสียงสะอื้นแม้แต่นิดเดียวเข้ามากอด ร่างกายที่ตอนแรกไม่เป็นอะไรกลับสั่นเทิ้มขึ้นมาไม่ต่างจากเธอ
“ฮึก! ฮื่อ ๆๆ” ทันทีที่โดนกอดและถูกปลอบโยนด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและอ่อนโยนอย่างที่ไม่มีอะไรแอบแฝงไม้หวายก็ปล่อยโฮออกมาทันที
เธอไม่ได้อยากถูกเขากอดหรอกแต่เธอก็ไม่มีเรี่ยวแรงขัดขืน เธอกลัวจริง ๆ กลัวจนมือไม้ไร้เรี่ยวแรง
“ไม่ร้องนะหวาย พี่ขอโทษ ต่อไปพี่จะไม่ขับรถเร็วแบบนี้อีกพี่สัญญา” เขากอดเธอไม่ปล่อย มือใหญ่ลูบผมนุ่มของเธอช้า ๆ
เขาไม่หลงเหลือความรู้สึกสนุกที่ได้แกล้งเธอ ในใจตอนนี้มีแต่ความรู้สึกแย่ เมื่อกี้ถ้าเธอไม่ร้องเตือนไม่ใช่แค่เขาที่ตายแต่คนที่เขากอดไว้คนที่พยายามห้ามให้เขาขับรถให้ช้าลงตลอดเวลาก็จะเป็นอะไรไปด้วย
ความสนุกของเขาเกือบทำให้ผู้หญิงคนนี้เป็นอะไรไป ซึ่งเขามั่นใจว่าความเร็วระดับนั้นกับแบริเออร์คอนกรีตที่อยู่ข้างหน้าต่อให้รถจะราคาแพงหรือแข็งแรงแค่ไหนก็ไม่มีทางที่จะรักษาชีวิตของคนในรถไว้ได้
“ฮื่อ ๆๆ หวายไม่กลับกับพี่ชาร์ลแล้วได้ไหมหวายกลัว ฮื่อ ๆๆ”
“ไม่ หวายเชื่อใจพี่ พี่ไม่ขับเร็วแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ไม่ร้องไห้นะ” เขารีบบอกแล้วกระชับกอดให้แน่นก่อนที่จะขยับออกจากเธอช้า ๆ เพราะถึงแม้ถนนจะโล่งแต่ก็พอมีรถขับอยู่บ้างและตอนนี้รถของเขาก็จอดอยู่กลางถนน เมื่อกี้อาจจะรอดแต่ถ้าจอดนานกว่านี้ก็ไม่แน่
“หวายใจเย็น ๆ ก่อนนะพี่ขับรถไปจอดริมฟุตบาทแป๊บเดียว” เขารีบบอกเธอที่เอาแต่นั่งสะอื้นโดยที่ไม่มองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว
หมับ!
“ฮึก!” ทันทีที่มือเขาขยับเกียร์รถมือเล็กของเธอก็จับลงที่ข้อมือเขาแล้วบีบเต็มแรงด้วยมือที่สั่น อาการของเธอดูก็รู้ว่ากำลังกลัวมาก กลัวเขาขับเร็วอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร พี่จะขับช้า ๆ” ความรู้สึกผิดก่อขึ้นในใจของเขามากกว่าเดิมก่อนที่เขาจะขยับเกียร์แล้วพลิกข้อมือเพื่อกุมมือเธอไว้จากนั้นเท้าของเขาก็ขยับออกจากเบรกช้า ๆ เพื่อให้รถเคลื่อนตัว
มือไม้หวายที่ถูกเขากุมไว้สั่นแรงขึ้น เธอกลัวจริง ๆ ไม่ใช่แกล้งเล่นละครเมื่อกี้รถพุ่งตัวด้วยความเร็วจนมองข้างทางไม่ทันด้วยซ้ำแล้วเบื้องหน้าของเธอก็มีแบริเออร์คอนกรีตวางอยู่ข้างทางในมุมมืดตั้งเยอะ มันอยู่ตรงหน้าที่เธอมั่นใจว่าความเร็วระดับนี้ถ้าชนยังไงซะรถก็ต้องเละ
เหตุการณ์ตอนรถพุ่งด้วยความเร็วเข้าไปหาแบริเออร์ติดตาเธออยู่ตลอดเวลาเหมือนโฆษณาที่ฉายซ้ำไม่มีหยุดพัก
“หวาย” เขาเรียกเธอทันทีที่ขับรถมาจอดริมฟุตบาทเรียบร้อยแล้ว
“...” เธอได้ยินเขาแต่เธอยังช็อคอยู่จนไม่อยากทำอะไร และที่สำคัญเธอไม่อยากคุยกับเขา
“หวายเราได้ยินพี่ไหม”
“...ขออยู่เงียบ ๆ ก่อนได้ไหมคะ” เสียงเธอสั่นแต่ก็พยายามพูดออกไปเพราะไม่อยากได้ยินเสียงเขา
“...อื้ม ได้สิ”
ความจริงเธอเบือนหน้าไปด้านข้างตั้งแต่พูดจบแล้วด้วยซ้ำ เขาจะมองว่าเธอกลัวจนโอเวอร์ก็ตามเธอไม่สน เธอรู้แค่เธอกลัว เธอเพิ่งผ่านเสี้ยววินาทีของความตายมาเมื่อกี้เอง ตอนที่เขาเหยียบเบรกจนล้อลากไปกับถนนทำให้เกิดเสียงดังสนั่นแข่งกับเสียงท่อที่ดังกระหึ่มจากซุปเปอร์คาร์ของเขาไม่ต่างจากเสียงเรียกของมัจจุราชที่พร้อมจะมาเอาชีวิตเธอตั้งแต่วินาทีนั้น เสียงนั้นยังดังก้องในหัวอยู่เลย
เธอช็อค แต่ก็ยังขอบคุณตัวเองที่ไม่ได้ช็อคจนตาค้างแล้วตายไป
เขาปล่อยให้เธออยู่เงียบ ๆ อย่างที่เธอต้องการโดยที่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไร ไม่แม้แต่ส่งเสียงรบกวนจนกระทั่งเวลาผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีชาร์ลก็หยิบขวดน้ำที่มีลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปฝั่งของเธอ
“หวาย” เขาเปิดประตูรถแล้วย่อตัวนั่งลงที่ฟุตบาท ซุปเปอร์คาร์เป็นรถที่เตี้ยอยู่แล้วพอเขาย่อตัวนั่งลงก็เลยทำให้เธอที่อยู่บนรถนั่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าเขาไม่เท่าไหร่
“ล้างหน้าหน่อยจะได้รู้สึกดีขึ้น น้ำขวดนี้พี่ยังไม่ได้เปิด” เขาสงสารเธอ ทั้งสงสารแล้วก็รู้สึกผิดที่ทำให้เธอช็อคขนาดนี้
ไม้หวายไม่พูดอะไรนอกจากหยิบขวดน้ำมาเพราะอาการเธอไม่ดีขึ้นเลย อยากดีขึ้นเร็ว ๆ อยากกลับห้องแล้ว เขาเองก็รีบขยับตัวหลบเพื่อที่เธอจะได้ล้างหน้าได้สะดวก
เธอล้างหน้าตามที่เขาแนะนำพยายามล้างให้สดชื่นขึ้นแต่ก็ช่วยได้นิดหน่อยเท่านั้น พอล้างจนน้ำหมดขวดเขาก็หยิบผ้ามาเพื่อจะเช็ดหน้าให้แต่ทันทีที่เขาเอื้อมมือไปหาเธอก็ชะงักแล้วเอนตัวถอยหนีมือของเขาทันทีทำให้มือชาร์ลชะงักค้างกลางอากาศ
“ผ้าพี่เอาไว้เช็ดหน้าเวลาไปยิมส์ ซักแล้วยังไม่ได้ใช้”
“ไม่มีทิชชู่เหรอคะ”
“มันเพิ่งหมดพี่ลืมซื้อ ใช้ผ้าพี่เช็ดหน้าก่อนนะ”
ไม้หวายฟังเขาพูดจบก็ยกแขนตัวเองขึ้นเพื่อใช้แขนเสื้อเช็ดหน้าเช็ดตาจนเรียบร้อยส่วนเขาก็เก้อไปเลยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะความผิดติดตัวและความรู้สึกผิดที่อยู่ในใจ
“ดีขึ้นบ้างไหม”
“ไปต่อเลยไหมคะ”
“ดีขึ้นแล้วใช่ไหมหวาย”
“...ค่ะ” เธอดีขึ้นแล้วแต่ก็แค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ไม่เป็นไรต่อให้ยังไม่ดีขึ้นแต่การรีบกลับไปที่หอยังไงก็ดีกว่าอยู่ตรงนี้กับเขาสองคน
“พี่จะขับช้า ๆ” เขาพูดคำนี้ออกมาอีกครั้งเพราะรู้ว่าเธอยังกลัวแต่เธอไม่ได้พูดอะไรนอกจากขยับตัวหันไปนั่งให้เรียบร้อย
“อ่าส์!” ชาร์ลแอบถอนหายใจออกมาเบา ๆ ไม่ใช่เพราะรำคาญหรือหมั่นไส้เธอแต่เขากำลังโมโหตัวเองจนไม่รู้จะทำยังไงดีต่างหาก
ชาร์ลกลับมานั่งที่นั่งของคนขับ เขามองไปที่เธอเห็นเธอนั่งนิ่งแต่พอรถเคลื่อนตัวแค่เริ่มเคลื่อนช้า ๆ ไม้หวายก็ตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง
เขาเห็นเพราะแอบชำเลืองมอง เห็นมือเรียวคู่นั้นที่บีบกันจนแน่นค่อย ๆ สั่นมากขึ้น รถที่เคลื่อนที่ได้แค่ประมาณหนึ่งร้อยเมตรก็ถูกจอดที่ข้างทางอีกครั้ง
“...มีอะไรคะ” เธอกลั้นใจถามออกไป ไม่ชอบตัวเองเลยที่เอาแต่กลัวไม่หายแบบนี้
“เราไหวเหรอไม้หวาย”
“ไหวค่ะ ขับต่อเลยหวายอยากกลับไปพักผ่อน”
“แต่พี่ว่าเราไม่ไหว”
“ไม่ไหวแล้วจะให้ทำยังไง ให้อยู่แบบนี้เหรอหวายไม่เอา” ทั้งที่กลัวจนหลอนแต่เธอก็ฝืน เธอกลัวแต่เธอจะเข้มแข็งให้ได้
“พี่เป็นห่วง”
“อย่าพูดเลยค่ะ ถ้าพี่ชาร์ลรู้สึกอย่างที่พูดสักนิดพี่ชาร์ลจะไม่เอาแต่เล่นสนุกอย่างเมื่อกี้”
“...” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนทำให้เขารู้สึกจุกเพราะคำพูดของพวกเธอได้ แต่วันนี้เวลานี้ผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้กลับทำให้เขาจุกเพราะคำพูดเธอได้
“ขับรถต่อเถอะค่ะ ถ้าจะให้หายดีรอจนเช้าก็คงไม่ได้กลับ”
“ไหวแน่นะหวาย”
“ไหวค่ะ ขับเลย”
“...อื้ม” เขารับคำด้วยความจำใจก่อนจะขับรถช้า ๆ อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อนถ้าไม่ใช่เพราะรถติด
ชาร์ลขับรถด้วยความกังวล เขาอยากจอดรถอยู่หลายครั้งเพราะอาการหวาดผวาของไม้หวายที่เขาแอบชำเลืองสายตาดูแล้วเห็นอยู่หลายครั้ง
เธอกลัวมากเขารู้แต่เธอก็ทำให้เขานับถือในความเข้มแข็งของเธอ ถึงจะไม่ได้เข้มแข็งมากเพราะยังมีความกลัวแต่เธอก็พยายามเข้มแข็งและก้าวผ่านความกลัวให้ได้มากที่สุด
“ให้พี่จอดรถก่อนไหม”
“ไม่ค่ะ จะถึงแล้ว” เขาถามหลังจากขับรถมาได้พักใหญ่แต่เธอก็รีบปฏิเสธทันที แต่ความจริงมันยังไม่ถึงง่ายหรอกเพราะเขาขับรถช้ามากอีกตั้งหลายกิโลเมตรกว่าจะถึงหอเธอ
ชาร์ลขับรถต่อทั้งที่ไม่อยากขับเลย ทุก ๆ 5 วินาทีเขาจะชำเลืองมองเธอเสมอ อาการเธอยังเหมือนเดิมจนเขาอยากจอดรถแล้วคว้าเธอเข้ามากอดไว้ อยากกอดเพื่อปลอบโยนให้เธอหายกลัวและบอกเธอว่าไม่ต้องกลัวเขาจะไม่ทำให้เธอรู้สึกแย่อย่างวันนี้อีกต่อไป
ชาร์ลอยากทำอย่างที่ใจต้องการแต่สุดท้ายก็ไม่ได้ทำ สิ่งที่ทำได้มีแค่การพยายามขับรถให้ถึงหอเธอจนในที่สุดก็มาถึงจุดหมายอย่างที่ต้องการ
“ขอบคุณค่ะ” เธอเอ่ยคำขอบคุณทันทีที่รถจอดจากนั้นก็เดินลงจากรถโดยที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว และถึงจะอยากพูดอะไรมากเท่าไหร่แต่อาการของเธอก็ทำให้เขาเลือกที่จะเงียบก่อนเพราะคงดีกว่าถ้าเขาเลือกที่จะไม่กวนเธอในคืนนี้
ชาร์ลได้แต่มองตามหลังของไม้หวายที่เดินเข้าไปในหอพักช้า ๆ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจนกระทั่งแผ่นหลังบางหายไปจากสายตา
“...พี่ขอโทษ” เขาได้แต่มองเข้าไปข้างในหอพักแล้วเอ่ยคำขอโทษออกมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาแล้วก็ไม่สามารถละสายตาจากหอพักที่เขาเคยเอ่ยปากพูดว่ามันโกโรโกโสได้เลย
ความเข้มแข็งที่อยู่ในความอ่อนแอของเธอทำให้ความรู้สึกของเขาในวันนี้มันเปลี่ยนไปรวดเร็วจนน่าใจหายและเขาเองก็รู้ดีว่ามันคืออะไร...แต่ที่ไม่รู้คือต่อจากนี้เขาควรจะทำยังไงต่อไปดี