EP : 9
“เอยครับพี่ลุ้น อย่าแกล้งคนรอได้ไหม”
“ฮ่า ๆๆ โอเคค่ะ เอยไม่แกล้งแล้วก็ได้...พี่ลุคเป็นความสบายใจของเอยนะ”
“แล้ว...แล้วเป็นอย่างอื่นได้ไหม”
“ก็...ลองดูอย่างที่พี่ลุคบอกแล้วกันนะคะ เอาแบบนั้นได้ใช่ไหม เอยว่าถ้าเอยลองเปิดใจ...เอยรักคนที่แสนดีอย่างพี่ลุคได้ไม่ยากหรอก”
“...”
“พี่ลุครออีกนิดได้ไหมคะ”
“ได้สิ เอยก็รู้ว่าพี่รอมาตลอด” ใช่ค่ะเขารอมาตลอด เขาเคยบอกว่าต่อให้ไม่มีความหวังเขาก็จะรอ แต่ฉันไม่อยากให้เขารอแล้ว...หมดเวลารอแล้วล่ะ
“ขอบคุณนะคะ”
“แล้วถ้าแบบนี้สถานะของเราหลังจากนี้คืออะไรดี” พี่ลุคยิ้มให้ตอนที่ถาม นั่นสิ สถานะของเราสองคนหลังจากนี้คืออะไรดีนะ
“ก็...” ฉันตอบไม่ได้เหมือนกันเลยพูดออกมาได้แค่นี้และอีกฝ่ายก็ยิ้มออกมาเหมือนรู้ใจ
“เป็นเหมือนเดิมก่อนก็ได้เอยพี่แค่ถามเล่นเฉย ๆ แค่เอยเปิดใจไม่มีคำว่าพี่น้องกั้นอยู่เหมือนเดิมก็พอ รอเอยรู้สึกกับพี่เมื่อไหร่ค่อยเปลี่ยนสถานะดีไหม”
“ค่ะ เอาแบบนั้นก็ได้ค่ะ” ฉันรีบตอบตกลง แบบนี้ล่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว
“อยากนั่งต่อไหมหรือว่าทำอะไร”
“พี่ลุคเบื่อแล้วเหรอคะ”
“ไม่เบื่อหรอก พี่นั่งได้ทั้งคืนอยากพิสูจน์ไหมล่ะ” พี่เขาพูดด้วยรอยยิ้ม ดูก็รู้ว่าแกล้งหยอกฉันเลยย่นจมูกใส่
“ไม่เอาหรอกค่ะ นั่งทั้งคืนก้นเป็นตะคริวกันพอดี”
“เอยก็นอนไง นอนตักพี่ได้นะ”
“ไม่ค่ะ พรุ่งนี้เอยมีเรียนตอนเช้า”
“หึ ๆๆ จริงสิถ้างั้นเราไปเดินเล่นกันหน่อยไหมก่อนกลับ พี่ไม่อยากพาเอยกลับดึก”
“ก็ได้ค่ะ แต่ขอนั่งมองคลื่นอีกนิดได้ไหมคะกำลังเพลินเลย”
“ได้สิ ถ้างั้นเอยอยากกลับหรืออยากไปเดินเล่นตอนไหนก็บอกพี่นะ”
“ค่ะ” ฉันพยักหน้าตกลงพี่ลุคก็ขยับมาใกล้ฉันมาขึ้นทำให้ฉันเลิกคิ้วขึ้นเพราะอยากรู้ว่าพี่ลุคขยับมาใกล้ทำไมส่วนพี่เขาก็คงรู้ว่าฉันกำลังต้องการถามเลยยิ้มให้
“ใกล้กันมันน่าจะสบายใจกว่าเดิม”
“อย่าแอบแต๊ะอั๋งเอยก็แล้วกันค่ะ”
“หึ ๆๆ ไม่หรอกน่า” พี่ลุคหัวเราะเบา ๆ แล้วหันไปมองทะเลฉันเองก็หันไปมองบ้าง
ฉันสบายใจมากเลยค่ะ สบายใจจริง ๆ นะ และคงสบายใจกว่านี้ถ้าอะไร ๆ ในอดีตถูกแก้ไขให้ดีขึ้น ถึงวันนั้นฉันคงมีความสุขมาก
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเห็นแก่ตัวมากแค่ไหน แต่ฉันจมอยู่กับฝันร้ายมานานหลายปีแล้วขอพาตัวเองออกมาจากฝันที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตสักทีเถอะนะ
-เวลาต่อมา-
“ขับรถดี ๆ นะคะ”
“อื้ม เราขึ้นไปพักผ่อนเถอะ” พี่ลุคจอดรถส่งฉันหน้าหอตอนตีสอง ตอนแรกแค่จะชวนเขานั่งเล่นอีกนิดหน่อยแล้วสักสองทุ่มค่อยกลับแต่สุดท้ายดันนั่งกันเพลินยิ่งตอนเดินเล่นก็ยิ่งเพลินไปกันใหญ่จนสุดท้ายก็ออกจากพัทยาตอนห้าทุ่มกว่า ๆ เกือบเที่ยงคืน
“พี่ลุคง่วงไหมคะ เอยพากลับซะดึกเลย”
“ถ้าง่วงจะให้พี่ค้างที่นี่ไหมล่ะ ถ้าได้พี่ขอสารภาพเลยว่าตอนนี้พี่ง่วงมาก” เขาทั้งทำสายตาอ้อนทั้งมีสีหน้าง่วงแต่ฉันเชื่อนะว่าพี่ลุคง่วงจริง ๆ
“ได้ค่ะ”
“จริง?”
“ค่ะ นอนที่นี่ได้ จอดนอนได้เลยพี่รปภ. ที่นี่ไม่ว่าหรอก”
“หึ ๆๆ ลงไปเลยยัยเด็กใจร้าย” พี่ลุคหัวเราะในลำคอก่อนจะกดปลดล็อกประตูทั้งที่สายตายังมองฉันอยู่ตลอด เห็นแบบนี้บอกเลยว่าแอบกวนประสาทเก่งนะคะ
“ไม่ต้องไล่เลยค่ะ”
“ไล่ กับคนใจร้ายพี่ไล่แน่นอน ลงไปเลยเร็ว ๆ”
“ชิส์! ขับรถดี ๆ นะคะ” ฉันมองค้อนแต่ก็ไม่ลืมที่จะบอกให้เขาขับรถดี ๆ
“ครับผม” พี่ลุคยิ้มรับฉันก็หันไปเปิดประตูลงจากรถทันที
“เอย”
“คะ” ฉันขานรับหลังจากลงรถเรียบร้อยแล้ว
“รปภ. ไม่ไล่ใช่ไหม”
“ถามทำไมคะ” ฉันถามออกไปก็ยิ้มไปด้วย พอบอกว่าจะเปิดใจพี่ลุคก็จะเริ่มออกลายรึเปล่านะ
“พี่จะจอดนอน”
“จริง?”
“ตอบมาก็พอแล้วก็รีบขึ้นไปนอนพรุ่งนี้เรามีเรียนเช้า” พอฉันย้ำถามก็ทำเสียงดุซะงั้น เนียนเลยนะคุณลุค
“ไม่ว่าค่ะ”
“โอเค พี่จะนอนก่อนพี่ง่วงมาก สารภาพเลยนะเอยว่าเมื่อคืนพี่ดูบอลถึงตีสี่”
“นี่จะเรียกร้องความสนใจรึเปล่าคะ” ฉันถามเขาตรง ๆ ด้วยน้ำเสียงรู้ทัน
“ใครจะทำแบบนั้นพี่โตแล้ว ขึ้นนอนได้แล้วไปพี่จะงีบสักพักแล้วค่อยขับรถกลับ”
“จริงเหรอคะ” ฉันยังแกล้งถามด้วยน้ำเสียงกับสายตาและรอยยิ้มรู้ทันต่อแต่พี่ลุคทำหน้าง่วงใส่พร้อมกับดุออกมาด้วยน้ำเสียงที่ดุจริงจังมากขึ้น
“ขวัญเอย....ขึ้นไปนอน”
“ชิส์! ก็ได้ค่ะ ฝันดีนะคะ ถึงคอนโดแล้วบอกเอยด้วยล่ะเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าเอยตื่นมาอ่าน”
“โอเค ขึ้นไปข้างบนได้แล้วครับมันดึกแล้ว”
“ค่ะ” ฉันยอมตกลงแล้วโบกมือลาเขานิดหน่อยก่อนจะเดินขึ้นหอพัก
กริ๊ก!
“เฮ้อ!” ที่ถอนหายใจไม่ใช่อะไรหรอกแค่เหนื่อยแล้วก็ง่วงมากเท่านั้น อาบน้ำแล้วเข้านอนดีกว่าส่วนพี่ลุคเดี๋ยวเขาก็กลับ เชื่อฉันเถอะว่าเขาแค่แกล้งเรียกร้องความสนใจอยากให้ฉันชวนขึ้นมานอนบนห้องตามประสาผู้ชาย
ฉันเข้าไปอาบน้ำแล้วก็ล้มตัวลงนอนแต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ที่ไม่สนใจจะหยิบมันออกมาเล่นตั้งแต่ไปถึงพัทยาเพราะเวลาที่มีเรื่องไม่สบายใจแล้วต้องการพักใจฉันเลือกที่จะบอกลาโลกภายนอกชั่วคราวจนกว่าตัวเองจะรู้สึกดีขึ้น
Tankun : เอย
Tankun : โทรกลับหาพี่หน่อย
Tankun : พี่มีเรื่องอยากคุยด้วย
Tankun : พี่รออยู่นะเอย
Tankun : เอย?
Tankun : ทำไมไม่ค่อยคุยกัน
Tankun : พี่ทำอะไรผิดบอกพี่สักที
Tankun : เอย
Tankun : ???
Tankun : ทำไมวะ
ฉันอ่านข้อความของพี่แทนที่ส่งมาตั้งแต่ช่วงเย็นแล้วก็ส่งมาเรื่อย ๆ จนถึงช่วงเที่ยงคืนเพราะฉันเงียบไม่ยอมตอบเขา
“...เอยขอโทษค่ะพี่แทน” ฉันเอ่ยคำนี้ออกมาพร้อมกับสายตาที่กำลังจ้องมองข้อความจากเขาแต่คนที่ฉันขอโทษไม่ได้ยินหรอก หรือต่อให้ได้ยินเขาก็คงมีแต่คำถามว่าขอโทษเขาเรื่องอะไรซึ่งฉันคงให้คำตอบไม่ได้
“...” อย่าร้องนะขวัญเอย อย่าร้องไห้ วางโทรศัพท์แล้วปิดไฟนอนซะมันดึกมากแล้วอีกไม่นานก็เช้าแล้ว นอนซะเพราะยังมีเรื่องที่ต้องเผชิญอีกนะ
“เฮ้อ!” การได้ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงช่วยให้ความอึดอัดเจ็บปวดในใจคลายลงไปได้แต่ก็ไม่ได้หายไปหรอกนะ แค่ช่วยได้ในระดับหนึ่งเท่านั้น ระดับที่เล็กน้อยมากเหลือเกิน
ฉันตัดสินใจวางโทรศัพท์ให้ไกลตัวเพราะไม่อย่างนั้นก็คงเอาแต่มองข้อความของพี่แทนด้วยความเจ็บปวดแต่ก่อนที่จะปิดไฟนอนก็รู้สึกอยากเข้าห้องน้ำเลยเข้าไปทำธุระก่อนพอเดินออกมาขาที่ควรก้าวไปที่เตียงก็ดันเปลี่ยนทิศทางเดินไปหลังระเบียงซะดื้อ ๆ
โอค ดูหน่อยก็ได้ไม่เป็นไรหรอก อยากรู้ว่าพี่ลุคกลับไปรึยังแต่ฉันว่าคงกลับไปตั้งนานแล้วล่ะ
“...” นี่เขายังไม่กลับเหรอ? ฉันมองรถของพี่ลุคที่จอดอยู่ข้างล่างจากระเบียงหลังห้อง หอฉันเป็นตึกที่ข้างในหันหน้าเข้าหากันแล้วหลังห้องฉันวิวที่เห็นมันคือวิวลานจอดเลยเห็นได้ชัด
ฉันเข้าห้องมานานแล้วนะเป็นชั่วโมงแล้วด้วยตั้งแต่ขึ้นมาอาบน้ำแล้วก็นั่งเศร้าหน้าจอโทรศัพท์
หรือว่าพี่ลุคง่วงจริง ๆ แต่ก็น่าจะง่วงนะเขาไม่ได้ดื่มกาแฟแถมขับรถนานนี่ตีสามเศษ ๆ แล้วด้วย
โอเคค่ะฉันไม่สามารถพาตัวเองกลับไปล้มตัวนอนได้แล้วล่ะนอกจากพาตัวเองไปหาเสื้อคลุมมาใส่ให้เรียบร้อยแล้วเดินลงไปข้างล่าง
ก๊อก ๆๆ
ก๊อก ๆๆ
ฉันเดินลงมาเคาะกระจกเบา ๆ พร้อมกับมองดูพี่ลุคที่นอนหลับ มองเห็นชัดเจนเพราะเขาแง้มกระจกเอาไว้ เคาะเบา ๆ แต่ดูเหมือนพี่ลุคจะไม่ตื่นนะ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าเขาแกล้งหลับเพราะทั้งตาที่หลับสนิททั้งเสียงกรนแผ่วเบาที่ฉันได้ยินเป็นเครื่องยืนยันได้ดีว่าเขาหลับสนิทแค่ไหน
ก๊อก ๆๆ
“พี่ลุค” นี่หลับหรืออะไรเนี่ย? ถ้าไม่หลับลึกก็คงซ้อมตายหรือว่าตายจริง? แต่ไม่หรอกไม่ตายหรอกเพราะกรนอยู่เขาน่าจะง่วงมากหรือไม่ก็เหนื่อยมากจนหลับลึกมากกว่า
ก๊อก ๆๆ
“พี่ลุคคะ”
“อืม~” โอเคหลังจากเคาะอยู่หลายรอบในที่สุดเขาก็ขยับตัวพร้อมกับส่งเสียงครางคล้ายละเมอออกมาแล้ว แต่มาลุ้นกันต่อดีกว่าว่าจะตื่นหรือหลับต่อ
“พี่ลุค”
“...”
“พี่ลุคคะ”
ก๊อก ๆๆ
“พี่ลุค”
“อืม~ ฮ้าว~ อ้าวเอย มีไร” พี่ลุคขยับตัวครางแล้วหาวพร้อมกับบิดขี้เกียจช้า ๆ ก่อนจะหันมามองทางกระจกแล้วทักฉันด้วยสายตาที่ปรือมาก ที่สำคัญเขาดูงง ๆ ด้วย
“นี่ตกลงนอนจริงเหรอคะ”
“อืม~ เอยมีอะไร” พี่ลุคดูยังมึน ๆ งง ๆ คงเพราะเพิ่งตื่น
“ปลดล็อกรถให้เอยหน่อยค่ะ” ฉันบอกออกไปพี่ลุคก็ยังดูงง ๆ ก่อนจะสะบัดหัวสองสามทีเพื่อตั้งสติแล้วถึงได้กดปลดล็อกให้ฉันจากนั้นฉันก็เปิดประตูรถด้วยตัวเอง
“ไหวไหมคะพี่ลุค”
“อื้ม โทษทีพี่ง่วงจริง ๆ กี่โมงแล้ว แล้วเราได้นอนรึยัง”
“กำลังจะนอนค่ะแต่เห็นรถพี่ลุคยังจอดอยู่เลยลงมาดู”
“อ่อ แล้วนี่กี่โมงแล้ว” เสียงพี่ลุคง่วงมากจนฉันเริ่มเห็นใจ เห็นบอกว่าดูบอลถึงตีสี่นี่คะแล้วไหนจะขับรถพาฉันไปทะเลแล้วกลับมาดึกดื่นอีก ถ้าบอกกันตั้งแต่แรกว่าเมื่อคืนไม่ได้นอนก็คงไม่ขอให้พาไปหรอก
พี่ลุคชอบตามใจแต่ไม่เคยถามความพร้อมของตัวเอง ขอแค่ฉันบอกว่าอยากทำอะไรอยากไปไหนก็จะเห็นว่าเขาว่างเสมอ หลายครั้งพี่ลุคก็น่าตีจริง ๆ นะ อยากดุเหมือนกันที่มัวแต่ตามใจฉันจนลืมดูแลตัวเองแต่ก็ดุไม่ลงหรอกเพราะรู้ว่าเขาทำแบบนี้...เพราะอะไร
เพราะแบบนี้ไงถึงเปิดใจเผื่อว่าเรื่องร้ายที่ฝังใจมานานหลายไปจะได้จบไปอย่างที่หวังไว้สักที
“กี่โมงแล้วก็ช่างเถอะค่ะสภาพนี้พี่ลุคขับรถกลับไม่ไหวหรอก ขึ้นไปนอนข้างบนดีกว่า เร็วค่ะเอยง่วงแล้ว”