Love Pharmacist - 08 | เริ่มเยอะแล้ว
“เริ่มดึกแล้วส่งแค่นี้ก็พอ” ผมบอกเขาเพราะเกรงใจ นี่ก็ทำให้เขาเสียเวลานานแล้ว
“พักอยู่ห้องไหน?” ไม่สนใจสิ่งที่ผมพูดเลยสักนิด ยังคงประคองผมเดินไปเรื่อย ๆ
“แปดแปดหกสาม” ก็ตอบเขาทันที
“อ่า ใกล้ถึงแล้วนี่” พูดและชี้ไปทางห้องของผมที่อยู่ไม่ไกล
“ไม่สนใจสิ่งที่ผมบอกเลยว่างั้น” ผมถามทีเล่นทีจริง
“บอกว่าไงนะไม่เห็นจะได้ยินสักนิด”
“เออแล้วแต่เถอะ”
และแล้วเราสองคนก็เดินมาถึงห้องพักของผม ห้องพักขนาดพอดีที่มันมีความทรงจำในอดีตระหว่างผมกับคนที่รัก มันเป็นสถานที่ที่ผมยากจะลืม แม้ว่าผมและเธอจะไม่ได้อยู่ห้องนี้ด้วยกันแล้วก็ตาม แต่ความทรงจำที่แสนสวยงามในวันเก่า ๆ ยังเฝ้าติดตาของผมไม่รู้ลืม
“ขอบใจนะที่มาส่ง” ผมพูดก่อนจะไขกุญแจประตู
“ไม่เป็นไรแค่นี้เอง เราเพื่อนกันไม่ใช่หรือไง” เขาพูดพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนมุมปาก
“อืม” โคตรซึ้งเลยครับก็ได้แต่ยิ้มตอบกลับและพยักหน้าเบา ๆ และจากนั้นเขาก็พูดขึ้น
“หิวน้ำว่ะ” ยกแขนผมออกแล้วเดินดุ่มนำหน้าเข้าห้องไป ประหนึ่งห้องของตัวเอง ผมได้แต่มองตามหลังตาปริบ ๆ พูดไม่ออกเลยครับ
“ปกติเป็นคนหน้าด้านหน้ามึนแบบนี้ป้ะ?” ผมเดินตามหลังเข้ามาแล้วพูดขึ้นอย่างยียวน เดินไปยังตู้เย็นด้วยขาที่กะเผกหยิบน้ำแล้วยื่นให้เขา ที่นั่งไขว้ห้างผิวปากสบายใจ
“ขอบใจสำหรับน้ำเย็น ๆ และคำชมที่โคตรรื่นหู” เขารับน้ำแล้วพูดขึ้น ก่อนจะยกขวดน้ำดื่มลงคอ จากคำพูดเขาไม่มีความสะทกสะท้านเลยสักนิด ผมล่ะยอมเขาเลยจริง ๆ กับความมึน
“ไม่เป็นไร”
“มานั่งนี่มามีไรจะบอก”
“เรื่อง?”
เขาวางขวดน้ำลง แล้วกวักมือเรียกผมที่สภาพโคตรจะสะบักสะบอมให้ไปนั่งข้าง ๆ บางทีผมก็นึกรำคาญ แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามที่เขาบอก ไม่พูดต่อแต่ออกคำสั่งทางสายตา แล้วทำไมผมถึงยอมตามน้ำของเขาง่ายจัง?
“ตกลงมีเรื่องอะไรจะบอก...ว่ามา” ผมย้อนถามเมื่อเขาเอาแต่มองหน้าแล้วอมยิ้มอ่อน
“นี่ก็ใกล้จะสงกรานต์แล้วนะ” เขาหันมาพูดกับผมด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
“แล้วไง?” ผมย้อนถามซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังจะสื่อ
“คือจะจีบก็รีบจีบให้ไว”
“เพราะ?” งงต่ออีกครับ อะไรของเขาก็ไม่รู้
“ก็มันเริ่มเยอะแล้วไง” คำตอบที่เขาบอกมายิ่งสร้างความงุนงงหนักไปอีก
“มีคนจีบนายเยอะว่างั้น เหอะ!” เลยลองถามในสิ่งที่ผมก็พยายามจะทำความเข้าใจ
“เปล่า”
“อ้าว...แล้วอะไรล่ะที่บอกว่าเยอะแล้ว”
“อายุไง อายุกูเนี่ยเริ่มเยอะแล้วโว้ยไอ้เภสัชฯ หน้าขาว”
“สรุปผมต้องขำใช่ไหม?”
“ฟาย...กูไม่เล่นด้วยแล้ว เชอะ! กลับบ้านดีกว่า บายแล้วเจอกัน”
ต่อความกันไปมาจนสุดท้ายเขาชักสีหน้างอนใส่ คือผมต้องสนองมุกตลกที่โคตรฝืดของเขาใช่ไหมถึงจะพอใจ พูดจบก็ลุกพรวดพราดโบกมือลา แล้วเดินจากห้องของผมไป ปิดประตูเสียงดังปัง ท่าทางของเขาทำเอาผมหลุดยิ้มออกมา จะว่าตลกก็ใช่ จะดูแสดงกิริยาไม่สมอายุก็ใช่อีกนั่นแหละ
“ปัญญาอ่อนไม่ดูอายุเลยว่ะ” ผมนึกภาพของเขาแล้วพูดกับตัวเองเบา ๆ พลางส่ายหัวไปมา ก่อนจะลุกไปจัดการชำระร่างกายของตัวเองแล้วเข้านอน