บท
ตั้งค่า

บทที่ยี่สิบเจ็ด

จิตติพัฒน์ที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงก็สะดุ้งโขยงลุกขึ้นมานั่งตัวตรง พร้อมกับเหงื่อไหลท่วมร่างกายทั้งที่ห้องของเขาเปิดแอร์เย็นฉ่ำ ฝันร้ายอีกแล้ว.... เด็กหนุ่มคิด ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนเหตุการณ์ในคืนวันที่ร้อยเอกจตุพักต์ ทำการปลิดชีพด้วยการใช้ปืนของตัวเองยิงเข้าที่ข้างขมับในระยะเผาขนต่อหน้าต่อตาเขา มันยังคงตามหลอกหลอนเขาไปอีกตราบนานเท่านานจนกว่าชีวิตของจิตติพัฒน์จะหาไม่ พอคิดแบบนั้นคำถามแรกก็บังเกิดขึ้นแม้มันจะไม่มีวันได้รับคำตอบก็ตาม เมื่อไหร่กันที่ฝันร้ายนี้มันจะจบสิ้นเสียที ครู่ต่อมาเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นจากหัวเตียงจิตติพัฒน์เอื้อมมือไปหยิบมันขึ้นมาดูพบว่ามีข้อความใหม่เข้ามา ซึ่งมันเป็นข้อความที่ส่งมาโดยแพรววาอีกเช่นเคยและก็เป็นอีกครั้งที่จิตติพัฒน์เลือกจะไม่ตอบข้อความหรือแม้แต่จะอ่านมัน นับตั้งแต่จิตติพัฒน์เดินทางกลับค่ายหน่วยรบพิเศษที่เมืองหลวง เขาแทบไม่ได้ติดต่อหาแพรววาเลยทั้งที่รับปากกับเธอเป็นหมั้นเป็นเหมาะแล้ว เหตุผลก็เกิดจากความตั้งใจของตัวเขาเองที่ไม่ต้องการจะสานสัมพันธ์กับเธอ แน่นอนว่าเรื่องนี้มงคลพัสไม่ค่อยเห็นด้วยนักแต่ก็ไม่สามารถบังคับเพื่อนรักได้เช่นกัน มงคลพัสจึงทำได้แค่เพียงปล่อยวางเท่านั้น

[เจต นายตื่นหรือยังเพื่อน] เสียงโทรจิตจากมงคลพัสดังแววเข้ามาในจิตของจิตติพัฒน์ 

[พึ่งตื่นเมื่อกี้นี่เอง] จิตติพัฒน์ตอบ [ทำไมเหรอ]

[ใจคอจะไม่ลงมากินข้าวหรือไง ลงมาได้แล้ว]

จิตติพัฒน์ลุกจากเตียงและทำธุระส่วนตัวพร้อมกับเดินออกมาจากห้อง ในชุดยุวชนทหารที่วันนี้เขาจะสวมมันเป็นครั้งสุดท้ายเนื่องจากเขาอายุครบสิบแปดปีแล้ว มันถึงเวลาที่จิตติพัฒน์และพ้องเพื่อนจะได้เป็นทหารชั้นประทวนกันแล้วนั้นเอง เขาตามมาสมทบกับทุกคนในโรงอาหารซึ่งมีอาการตื่นเต้นไม่แพ้กันโดยเฉพาะกับพงศ์ดนัย สืบเนื่องจากงานนี้พันตรีพงศ์ยศพ่อของเขาก็มาร่วมงานด้วย และอาจเป็นคนมาประดับยศนายสิบบนบ่าให้อีกต่างหาก ทุกคนต่างรีบกินอาหารบนจานให้เสร็จแล้วต่างรีบไปรายงานตัวกับ อีชิน พี่ชายของอีคยองโฮ ซึ่งทำหน้าที่เป็น "แกนกลาง" ของหน่วยรบอาร์ทิสส์ หลังจากทุกคนมารายงานตัวกันแล้วอีชินจะทำหน้าที่นำทางยุวชนทหารคนอื่น ๆ ตรงไปยังห้องประชุมใหญ่ที่จัดงาน ทันทีที่เดินเข้ามาจิตติพัฒน์ต้องเบิกตาโตเพราะงานนี้มีคนมาร่วมมากมาย ที่สำคัญงานวันนี้จิตราวุธก็มาร่วมด้วยขาดแค่จิตรเทพพี่คนโตเท่านั้น ยุวชนทหารที่กำลังจะกลายเป็นทหารชั้นประทวนจะมานั่งแถวหน้าสุด โดยมีประธานออกมากล่าวแสดงความยินดีพอเป็นพิธีจากนั้น เหล่าทหารสามเหล่าและตำรวจที่ได้รับมอบหมายในการติดยศนายสิบ ก็จะพากันขึ้นมาบนเวทีเพื่อรอประดับยศให้แก่ยุวชนทหาร

จิตติพัฒน์กับมงคลพัสอยู่แถวสองได้ลุกขึ้นพากันเดินไปที่เวที คนที่ติดยศสิบตรีให้แก่มงคลพัสเป็นทหารจากทัพบก แต่เขาไม่ได้ติดยศให้แก่เด็กหนุ่มกลับส่งมันใส่มือแทน "แม่ของนายควรเป็นคนประดับยศให้นายนะ ยุวชนทหาร" จิตติพัฒน์พึ่งนึกขึ้นได้ว่าวันนี้ปรรณรักมาร่วมงานแทนพันโทมนต์ธนัท ทหารคนนั่นยิ้มให้กับมงคลพัสและกล่าวทิ้งท้ายแค่ว่า "พ่อแม่นายต้องภาคภูมิใจในตัวนาย" แล้วก็ทำท่าวันทยหัตถ์ให้แก่มงคลพัส ส่วนของจิตติพัฒน์ผู้ที่จะมาประดับยศนายสิบให้เป็นทหารจากกองพันฟีนิกซ์ ดูจากตรายศรูปนกฟีนิกซ์กำลังสยายปีกคาดว่าน่าจะยศนายพัน โดยทหารคนนั่นกล่าวแนะนำตัวกับจิตติพัฒน์ว่า เขามีชื่อว่า พันเอกศักดิ์ดา ซึ่งอีกไม่นานก็จะเกษียณราชการเร็ว ๆ นี้แล้ว อีกทั้งจิตติพัฒน์ยังได้รู้อีกว่าพันเอกศักดิ์ดาเคยเป็นครูฝึกให้กับร้อยเอกจตุพักต์พ่อของเด็กหนุ่ม ในสมัยที่ร้อยเอกจตุพักต์ยังเป็นยุวชนทหารในกองพันฟีนิกซ์อยู่

"นายหน้าเหมือนพ่อมากเลยนะ" พันเอกศักดิ์ดากล่าวขึ้น "รู้ไหมตอนงานประดับยศนายสิบ ฉันคือคนที่ติดยศให้กับพ่อของนายแทนพ่อของเขาที่ตายอย่างกล้าหาญในสนามรบ.. และในวันนี้ก็เป็นฉันอีกเช่นกันที่ได้มาประดับยศให้ลูกชายของเขา" 

จิตติพัฒน์ไม่ตอบอะไรแต่เขาสัมผัสได้ถึงเสียงสั่นน้อย ๆ ในน้ำเสียงนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าสำหรับพันเอกศักดิ์ดายังคงรู้สึกผูกพันกับยุวชนทหารที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในสังกัดของตน อย่างไรก็ตามหลังติดยศนายสิบให้แก่จิตติพัฒน์แล้ว พันเอกศักดิ์ดากล่าวแค่เพียงว่า "พ่อนายต้องภาคภูมิใจในตัวนาย" แล้วทั้งสองฝ่ายก็ต่างทำท่าวันทยหัตถ์ให้แก่กันก่อนที่จิตติพัฒน์จะเดินลงจากเวที กลับมานั่งตรงเก้าอี้ข้าง ๆ มงคลพัศจนกระทั่งจบงาน

บัดนี้เขาไม่ใช่ยุวชนทหารจิตติพัฒน์ พรหมรักษ์อีกต่อไป เขาได้กลายเป็นสิบตรีจิตติพัฒน์ พรหมรักษ์เรียบร้อยแล้ว

++++++++++++

แพรววานั่งมองข้อความบนจอโทรศัพท์มือถือเป็นรอบที่เท่าไหร่เธอก็จำไม่ได้ และคำตอบก็เหมือนเดิมคือไม่มีการตอบรับจากจิตติพัฒน์ แถมพอเธอโทรไปก็ไม่ยอมรับสายอีกต่างหาก การกระทำของจิตติพัฒน์ทำให้แพรววาว้าวุ่นใจพอสมควรเลยทีเดียว ในทุก ๆ วันเธอก็จะเอาแต่จ้องหน้าจอโทรศัพท์เฝ้ารอแต่ข้อความของอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะตอบกลับซึ่งสภาพของแพรววาในตอนนี้ เรียกได้ว่ามันทำให้เพื่อน ๆ พากันไม่สบายใจเท่าไหร่โดยเฉพาะพิมพ์พรรณ ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่เคยน้องสาวเป็นแบบนี้มาก่อนเลย พิมพ์พรรณได้พยายามติดต่อหามงคลพัสด้วยเช่นกัน และดูท่าเธอจะโชคดีกว่าแพรววาตรงที่มงคลพัสทิ้งข้อความอธิบายยาวกว่าสามบรรทัด แต่สิ่งที่เธอโฟกัสคือเหตุผลของจิตติพัฒน์ที่ไม่ยอมตอบข้อความแพรววา และแสดงออกชัดเจนว่าต้องการจะเลิกติดต่อกับเธอ ฝั่งมงคลพัฒได้ขอร้องว่าอย่าพึ่งเล่าให้แพรววาฟัง เพราะเด็กหนุ่มอยากให้แพรววารู้จากปากของจิตติพัฒน์ พร้อมบอกพิกัดที่พักของจิตติพัฒน์ให้กับพิมพ์พรรณ ข้อความสุดท้ายที่มงคลพัสส่งมาคือวันนัดเจอซึ่งเป็นวันหยุดวันสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะเดินทางออกนอกประเทศ

"ฉันไม่เข้าใจความคิดของอีตานี่เลยสักนิด คอยดูนะถ้าเจอตัวเมื่อไหร่..." ยุวดีพูดพลางบิดข้อมือเกิดเสียงดังกรอบ "แม่จะขอเตะก้านคอสักทีเถอะมาทำเพื่อนฉันเป็นแบบนี้" ยุวดีรู้สึกโกรธแค้นแทนแพรววามาก

"จ้า แม่คนเก่ง" คติยาหันมาพูดแซว "ก่อนจะเตะก้านคอน่ะ วัดส่วนสูงของตัวเองหรือยังล่ะ ยัยใยบัว" ยุวดีที่ได้ยินก็ทำได้แค่มองค้อนใส่กลับคติยาเท่านั้น

"ฉันคิดว่าบางทีเจตอาจมีเหตุผลของเขาก็ได้นะ" มณีอรบอก 

"เหตุผลอะไรล่ะ นี้มันผ่านมาหลายวันแล้วเล่นไม่ตอบข้อความแบบนี้ ถ้ามีเหตุผลอย่างน้อยก็ต้องตอบมาบ้างสิ" อนัญลักษณ์พูดบ้าง "ทำเหมือนยัยแพรวไม่มีความรู้สึกงั้นแหละ" 

"แล้วพี่พิมล่ะ ทางนั้นได้คุยกับคนของเขาบ้างไหม" หยาดรุ้งหันไปถามแพรววา

แพรววารู้สึกไม่ค่อยอยากพูดคุยกับใครมากแต่ก็ต้องจำใจตอบ "ก็มีคุยบ้างแต่ก็ไม่บ่อยหรอก" 

ครู่ต่อมาพิมพ์พรรณได้แยกกับกลุ่มเพื่อนมาสมทบกับกลุ่มแพรววา เมื่อเห็นสภาพของแพรววาที่รอคอยข้อความของจิตติพัฒน์ พิมพ์พรรณได้แต่ถอนหายใจเล็กน้อย ตอนนี้เหลือแค่วันเดียวพรุ่งนี้ก็เป็นวันนัดหมายที่จะไปเจอกัน พิมพ์พรรณได้แต่หวังว่าจิตติพัฒน์จะยอมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้แพรววาฟัง สุดท้ายไหน ๆ พรุ่งนี้ก็จะได้เจอกันอยู่แล้วพิมพ์พรรณจึงบอกเรื่องนัดหมายให้ทุกคนฟัง แลดูจะได้ผลเพราะเมื่อรู้ว่าจะได้ไปเจอกับจิตติพัฒน์สีหน้าของแพรววาดูสดชื่นขึ้นมาทันตา เล่นเอาลติตาภาวนาในใจว่าหากตนเองมีชะตากรรมที่จะได้เจอโชเมท ขออย่าให้ต้องเจอสถานการณ์แบบเดียวกับแพรววาเลย อย่างไรก็ตามมันก็เป็นเรื่องน่าเสียดายที่กลุ่มมณีอรไม่มีใครสามารถตามไปด้วยได้ จึงมีเพียงพิมพ์พรรณกับแพรววาที่ได้เดินทางไปเมืองหลวง โดยพิมพ์พรรณเองก็ตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมพงศ์ภรณ์กับชไมพรพอดี แถมยังใช้เป็นข้ออ้างในการมาเที่ยวเมืองหลวงได้อีกด้วยรับรองว่าความลับไม่แตกแน่นอน

"แล้วจะออกเดินทางกันเมื่อไหร่ดีล่ะ" แพรววาถาม

"เย็นนี้ พี่บอกแม่กับคุณอาพั้นแล้วยังไงพ่อพี่กับคุณอาหมอกเถียงไม่ได้แน่ ๆ" พิมพ์พรรณบอก

กลุ่มมณีอรต่างพร้อมใจกันกุมมือแพรววาเพื่อส่งแรงให้กับอีกฝ่าย และอวยพรขอให้สองพี่น้องเดินทางปลอดภัยโดยไม่รู้เลยว่า บทสนทนาของพวกเธอได้มีคนแอบฟังอยู่ เบลล่านั่นเองทันทีที่ได้ยินแผนการต่าง ๆ หมดแล้ว วินาทีนั้นเองที่รอยยิ้มของการแก้แค้นได้ปรากฏบนใบหน้าของเบลล่า ตอนนี้เด็กสาวคิดไว้แล้วว่าในเมื่อไม่มีอะไรต้องเสียอีก นับตั้งแต่เกิดเรื่องที่สวนน้ำเสมอแมนก็ไม่ยอมติดต่อหาเธออีก และเช่นกันเบลล่าก็ไม่ได้ติดต่อกลับ ตรงกันข้ามในเมื่อทุกคนและทุกอย่างต้องการที่จะให้เธอร้าย... ใช่ เธอก็จะร้ายให้ถึงที่สุด และรายชื่อในบัญชีแค้นคนแรกที่จะถูกสังเวย... ก็คือ แพรววา

++++++++++

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel