บทที่ยี่สิบสี่
ถึงแม้พศพัชร์จะกลับมาบ้านแต่สุดท้ายคนที่ทำหน้าที่มาส่งแพรววา ก็ยังเป็นของโทบี้หุ่นดรอยด์ขับรถเช่นเคยเหตุเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน ทำให้ส่วนใหญ่เธอจะเห็นพ่อนอนมากกว่า เด็กสาวตัดสินใจให้โทบี้จอดลงกลางทางเพื่อที่จะเดินเท้าไปโรงเรียนแทน ประกอบกับนัดกับกลุ่มมณีอรไว้แล้วแพรววามายังจุดนัดหมายคือร้านอาหารจานด่วน ซึ่งนาถชญากำลังกินแฮมเบอเกอร์อย่างเอร็ดอร่อย แพรววายอมรับจากใจจริงว่าแม้เพื่อนคนนี้จะกินเก่งมากขนาดไหนแต่น้ำหนักของนาถชญาก็ไม่เคยเพิ่มเลย ในความเห็นของอนัญลักษณ์คิดว่าสาเหตุที่เจ้าตัวไม่อ้วนอาจเพราะนอกจากกินเก่งแล้ว ยังเป็นคนที่บ้าพลังเอามาก ๆ ด้วยเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ แพรววาก็เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่านาถชญาเป็นนักกีฬา หลังจากที่แพรววามาถึงเป็นคนสุดท้ายพอดีกับที่นาถชญากินเสร็จ ทั้งกลุ่มจึงพากันเดินเท้าไปโรงเรียนด้วยกัน แต่ละคนก็ล้วนบอกแผนว่าช่วงปิดเทอมจะทำอะไรกันบ้าง ทันใดนั้นเองที่แพรววาหันไปเห็นนักเรียนคนหนึ่งจากโรงเรียนเดียวกัน กำลังเดินอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพวกเธอและนักเรียนคนนั่นคือ อาลแบร์ สิ่งที่พิมพ์พรรณเล่ามาคงจะจริงที่อีกฝ่ายชอบความสันโดษ
"อ๊ะ คนนั่น... ที่มีเรื่องกับคริสเตียนในสวนน้ำ" แพรววาพูดและชี้ให้ทั้งกลุ่มดู
หยาดรุ้งหันมาพิจารณาเด็กหนุ่มครู่หนึ่ง "หล่อดีนะ แปลกดีที่ยังโสดอยู่" ยุวดีหันมาแยกเขี้ยวใส่แต่เด็กสาวเลือกไม่สนใจ "แต่ทำไมพี่เขาเดินคนเดียวล่ะ เขาไม่มีเพื่อนเลยจริง ๆ เหรอ"
"ก็เท่าที่พี่พิมรู้มาอ่ะนะ" แพรววาพูด
"อืม...." คติยามองสภาพใบหน้าอีกฝ่าย "สมแล้วที่เป็นนักมวย หมัดคริสเตียนหนักเป็นบ้า"
ลวิตตาทำท่าจะพูดอะไรต่อแต่สายตาก็ดันไปเห็นคนกลุ่มหนึ่ง อยู่ไม่ไกลจากตำแหน่งที่อาลแบร์มากนักและที่สำคัญเธอยังสังเหตว่า ในมือของกลุ่มชายฉกรรจ์มีอาวุธครบมือ แถมสายตายังมุ่งร้ายเอามาก ๆ อีกต่างหาก ก่อนที่ลวิตตาจะร้องเตือนเด็กหนุ่มมันก็สายไปเสียแล้ว เพราะในวินาทีต่อมาหนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์ร้องตะโกนไล่หลังอาลแบร์ "เฮ้ย ! แกตรงนั้นนะ" และพออาลแบร์เหลียวหลังหันมามองก็ต้องเจอเข้ากับกำปั้น พุ่งตรงเข้ามากระทบเข้าที่ใบหน้าเต็ม ๆ พริบตาเดียวอาลแบร์ก็ล้มลงไปนอนกับพื้น พร้อมถูกเท้าของใครหลายคนพุ่งเข้ามาเหยียบร่างของเขาโดยที่อาลแบร์ทำได้แค่เอาสองมือบังหัวเอาไว้ มณีอรกับอนัญลักษณ์ที่เห็นแบบนั้นก็หันมาบอกให้คนอื่น ๆ ไปตามคนมาช่วย จากนั้นทั้งสองก็ตั้งใจว่าจะเข้าไปช่วยอีกฝ่าย ทว่าทันใดนั้นเองที่หนึ่งในกลุ่มที่กำลังรุมทำร้ายอาลแบร์ถูกใครบางคน เข้ามาจับหลังคอเสื้อแล้วกระซากปลิวกระเด็นราวกับขนนกปลิวไปตามสายลม
และพอทั้งกลุ่มพากันพร้อมใจหันมามองก็เห็นสองเด็กหนุ่มยืนอยู่ มณีอรกับอนัญลักษณ์จำได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มเพื่อนของจิตติพัฒน์ สุพิศาลกับภานุวัชร์นั่นเอง หนึ่งในกลุ่มอันธพาลชี้หน้าพวกเขาด้วยไม้หน้าสามในมือ "มึงสองคนเป็นใครว่ะ อย่ามาเสือก !" สุพิศาลไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวที่อีกฝ่ายมีจำนวนคนเยอะกว่า "ไอ้พวกกระจอกเอ้ย" มณีอรที่ได้ยินก็ถึงกับอึ้งพูดไม่ออก คำพูดของสุพิศาลมันแสดงให้เห็นว่าฝ่ายนักเลงพากันเดือดดาลกับคำดูถูกอย่างมาก ฝั่งภานุวัชร์ที่แสดงชัดเจนว่าไม่ค่อยอยากมีเรื่องเท่าไหร่นัก "พี่ชาย ผมว่าพอแค่นี้เถอะอย่าใช้ความรุนแรงกันเลย พูดจากันดี ๆ ก็ได้" ทว่าไม่ทันที่เด็กหนุ่มพูดจบนักเลงทางฝั่งซ้ายมือ ก็พุ่งเข้าโจมตีใส่ภานุวัชรด้วยไม้หน้าสามติดตะปู อนัญลักษณ์เห็นอันตรายแบบนั้นก็รีบวิ่งไปเข้าหวังจะช่วยเด็กหนุ่มก่อนจะพบว่า ในสองนาทีต่อมาร่างของนักเลงคนดังกล่าวกลับล้มทั้งยืนลงไปนอนแน่นิ่งกับพื้น สร้างความตกใจให้กับคนที่ยืนดูเหตุการณ์อย่างมาก โดยเฉพาะกับอนัญลักษณ์ที่ตั้งใจเข้าไปช่วย
เธอไม่ได้ตาฝาดแน่นอนเพราะในช่วงวินาทีก่อนที่นักเลง จะวิ่งเข้ามาถึงตัวของภานุวัชร์ด้วยไม้หน้าสาม เด็กหนุ่มกลับเบี่ยงหลบไปทางขวามือ และเหวี่ยงกำปั้นขวาอัดเข้าไปที่หน้าของนักเลงเต็ม ๆ ในฐานะที่เกิดในครอบครัวนักมวยอนัญลักษณ์รับรู้ได้ถึงแรงกำปั้นของอีกฝ่ายได้ ช่างผิดกับบุคลิกภายนอกที่ดูแทบไม่ออกว่าจะเก่งด้านต่อสู้ "เจ็บมือจัง" นั้นคือประโยคที่หลุดออกมาจากภานุวัชร์
"ไหนบอกว่าอย่าใช้ความรุนแรงไง ภาพฟ้า" สุพิศาลหันมาถาม "เมื่อกี้เต็มไม้เต็มมือเลยนะเพื่อน"
"ฉันยืนยันคำเดิมว่าไม่ควรใช้ความรุนแรง" ภานุวัชร์พูดเสียงเรียบและสัะบัดข้อมือขวาที่พึ่งชกหน้าคนสลบไป "แต่ในกรณีป้องกันตัวมันคนละเรื่องกัน"
"ออ อย่างนี้นี่เอง เข้าใจล่ะ สมแล้วที่ฉันเลือกนายให้เป็นรองหัวหน้าแก๊ง"
ภานุวัชร์หันขวับมาแยกเขี้ยวใส่สุพิศาล
"นายยัดเยียดต่างหาก หิน"
ฝั่งกลุ่มนักเลงในตอนแรกเหมือนจะลังเลแต่ก็มีคนหนึ่งหันมาตวาดใส่ "เฮ้ย ! พวกมึงจะกลัวกันทำไม มันมีแค่สองคนเรามีเยอะกว่า" สุพิศาลสังเกตว่าคนอื่น ๆ ดูยำเกรงนักเลงที่ตวาดใส่ เขาจึงเดาว่าหมอนี้น่าจะเป็นหัวหน้าแก๊งเพราะด้วยลักษณะรูปร่างกำยำและแข็งแรง ใครเห็นก็ต้องมีหวั่นเกรงเป็นธรรมดาและคงดูน่าเคารพกว่านี้ หากไม่ใช่เพราะมีมันสมองเท่ากับปรสิตกินของเสียที่ออกมาจากรูก้นของมนุษย์ "ไอ้ตัวนั่น ฉันขอนะ" เขาหันมาพูดกับภานุวัชร์ด้วยเสียงเรียบ "ตามสบายเลย" เมื่อภานุวัชร์พูดจบ สุพิศาลก็พุ่งตรงเข้าไปหาเป้าหมายที่เล็งไว้ทันที ด้านนักเลงที่น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ก็ถึงกับหน้าถอดสีในทันที และไม่กี่อึดใจกำปั้นข้างขวาของสุพิศาลอัดกระแทกเข้าหน้า ส่งผลให้นักเลงคนนั่นเซล้มลงไปนอนกับพื้นอีกคน ส่วนนักเลงคนอื่น ๆ ที่ในตอนแรกตกใจแต่ก็ภายหลังเมื่อตั้งสติได้ ก็หันอาวุธในมือเข้าโจมตีใส่สุพิศาลกับภานุวัชร์ ทว่าส่วนใหญ่จะเน้นรุมภานุวัชร์มากกว่าเพราะคิดว่าอีกฝ่ายน่าจะเล่นงานง่ายกว่า... ซึ่งอนัญลักษณ์คิดว่าพวกมันคิดผิดอย่างมหันต์
พริบตาเดียวภานุวัชร์กลับสามารถจัดการนักเลงไปได้สามถึงสี่คน ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากที่พวกมันเข้ามารุมซึ่งนักเลงโดนหมัดของภานุวัชร์ หากไม่รู้สึกจุกท้องจนลุกไม่ขึ้นก็ลงไปนอนกับรากมะม่วงเหมือนคนกับแรกที่หาเรื่องเขา เช่นเดียวกับสุพิศาลที่สามารถจัดการนักเลงได้อย่างไม่ยากเย็น มณีอรกับอนัญลักษณ์แทบไม่ต้องทำอะไรเลยเพราะแค่ลำพังสองหนุ่ม พวกนักเลงก็นอนราบกับพื้นกันหมดทั้งสองจึงตัดสินใจ วิ่งเข้าไปช่วยอาลแบร์ที่บาดเจ็บหนัก สี่นาทีต่อมาแพรววาก็พาทั้งตำรวจ อาจารย์สามถึงสี่คนและสารวัตรนักเรียนตามมาอีกหกคน หนึ่งในนั้นมีเอมอรเพื่อนของพิมพ์พรรณ เหล่านักเลงต่างถูกจับในทันทีโดยตำรวจคนหนึ่งติดต่อหารถฉุกเฉินมารับ เนื่องจากสภาพของแต่ละคนไม่พร้อมที่จะโดนส่งไปที่โรงพัก ที่สำคัญพวกมันยังหน้าสีเป็นไข่ต้ม เมื่อรู้ว่าเด็กหนุ่มสองคนที่ตัวเองไปหาเรื่องด้วยแท้จริงคือยุวชนทหารของฟรอนเทียร์ อย่างไรก็ตามตำรวจขอให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์มาให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับทางสถานี
อาจารย์อาคาสะซึ่งเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองขออาสาที่จะสอบถามนักเรียนเอง แล้วจะนำข้อมูลที่ได้มาไปส่งให้กับตำรวจส่วนอาลแบร์ที่ถูกทำร้ายอาจต้องถูกนำส่งโรงพยาบาล และคงต้องทำการติดต่อไปหาฝ่ายผู้ปกครองอีกด้วย หลังจากที่รถพยาบาลกับรถฉุกเฉินเข้ามาถึงที่เกิดเหตุ ร่างของอาลแบร์กับพวกนักเลงถูกห่ามขึ้นรถกันแล้ว อาจารย์อาคาสะจึงให้นักเรียนทุกคนเข้าโรงเรียนกันได้แล้ว ทุกคนพากันทยอยเข้าเขตโรงเรียนกันหมด ยกเว้นอนัญลักษณ์ที่เดินมาหาภานุวัชร์เพราะก่อนหน้านี้ เธอจำได้ว่ามีนักเลงคนหนึ่งฟาดท่อเหล็กใส่ที่ข้างลำตัวแต่เด็กหนุ่มยกแขนซ้ายขึ้นป้องกัน ก่อนจะสวนกลับด้วยกำปั้นขวาเข้าไปที่หน้าของนักเลงคนนั่น
"ไม่ไปหาหมอหน่อยเหรอ" อนัญลักษณ์ถาม
ภานุวัชร์หันมาสบตากับเด็กสาว ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนตรงหน้าที่แฝงด้วยความอ่อนโยน มันถึงกับทำให้อนัญลักษณ์ใจเต้นไม่น้อยพลางทำให้นึกถึงเตชินทร์พ่อที่หายสาบสูญของเธอ
"อะไรนะครับ"
เสียงของอีกฝ่ายดึงสติของเธออีกครั้ง เธอจึงถามอีกรอบ "นายไม่ไปหาหมอเหรอ"
"ผมไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ" ภานุวัชร์บอกและก็ยิ้ม "แค่เจ็บ "นิดหน่อย" เอง"
อนัญลักษณ์ที่ได้ยินก็แทบอยากเขกหัวคนที่อยู่ตรงหน้าเหลือเกิน เธอไม่แน่ใจว่าประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายยังทำงานปกติดีอยู่หรือไม่ เพราะเด็กหนุ่มทำเหมือนกับท่อเหล็กเป็นเพียงของเล่นเด็กที่ฟาดโดนแขน อย่างไรก็ตามบทสนทนาก็ต้องยุติลงเนื่องจากคติยาที่รู้ว่า เธอไม่ได้ตามเข้าไปในโรงเรียนด้วยก็ร้องเรียกหน้าประตู "ยัยอองตอง เข้ามาได้แล้ว !" เด็กสาวจึงจำใจต้องเดินกลับเข้าโรงเรียนไปอย่างช่วยไม่ได้ แต่ในใจอนัญลักษณ์เริ่มจะเชื่อข่าวลือที่ว่า พวกเด็กชาวฟรอนเทียร์เป็นพวกร่างกายตายด้านไม่มีความรู้สึกเจ็บ เธอยอมรับว่าน่าจะเป็นเรื่องใส่สีตีไข่มากกว่าจนกระทั่งได้เห็นด้วยตาของเธอเอง
ฝั่งภานุวัชร์ก็หันมาทางสุพิศาลที่เหมือนจะยังมีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจ ซึ่งเขาคิดว่าคงจะเกี่ยวข้องกับเด็กหนุ่มที่ถูกรุมทำร้ายอย่างแน่นอน
"นายคิดยังไงเหรอเพื่อน" ภานุวัชร์ถาม
"มี... ฉันอยากไปหาเจ้าหนุ่มคนเมื่อกี้นี้ เดี๋ยวลองหาดูว่าเขารักษาตัวที่ไหน"
+++++++++++++++