4
อลันแค่นเสียงหัวเราะ “ต้องให้ฉันบอกอีกเหรอ นายฉลาดก็คิดเอาเอง”
เขาแสดงท่าทางเหยียดหยันใส่อีกแล้ว และนั่นทำให้ความอดทนของพศกรแทบจะหมดลง เขานับหนึ่งถึงสิบในใจ เพราะยังมีเรื่องต้องคุยกับชายตรงหน้าอีก
“แกโตขึ้นมาก มีดวงตาสีน้ำตาลเข้มเหมือนพี่ และพี่เป็นพ่อที่ดีมาก” เสียงของพศกรอ่อนลง
“ให้ตายเถอะพลู นายต้องการอะไร ฉันขอบอกไว้เลยนะว่า ถึงจะเป็นเจ้าของไข้คูเปอร์ก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้”
“ทำไมครับ ผมทำอะไรให้พี่ถึงปิดกั้นโอกาสที่ผมจะได้ทำความรู้จักกับหลานตัวเอง แล้วก็พ่อแม่พลูยังหวังมาตลอดว่าจะได้เลี้ยงดูแก พวกเราไม่เคยไม่เหลียวแลแกตอนที่พี่พริมทิ้งแก…” ความจริงสุดท้ายมันเจ็บปวดกับทั้งสองฝ่าย พศกรรู้ดี แต่ก็ต้องพูด และนั่นทำให้ชายหนุ่มระเบิดอารมณ์
“ด้วยการที่จะได้สิทธิ์ในการเลี้ยงแกน่ะเหรอ พวกนายแค่ต้องการพรากแกไปจากฉัน อ้างว่าฉันไม่มีปัญญาเลี้ยงลูก” เขาตะคอก
“พวกท่านเป็นห่วง…” พศกรพยายามแก้ต่างและเขาสวนขึ้นทันควัน
“ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
“คือ…เกี่ยวกับงานที่พี่ทำ…”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ งานฉันทำให้ฉันเป็นคนรู้จักมีความอดทน ฉันไม่เคยรังเกียจที่จะเช็ดอ้วก และฉันไม่มีปัญหาในการอดนอน และมันทำให้ฉันเป็นพ่อที่สมบูรณ์”
อลันรู้สึกเดือด เมื่อก่อนเขาเป็นบาร์เทนเดอร์ตามผับ เขารู้ว่าอาชีพกลางคืนอย่างเขามักโดนดูถูกและมองในแง่ร้ายเสมอ หลายคนดูถูกอาชีพเขา แต่เขาถือว่ามันเป็นงานสุจริต
หลังจากที่ชายหนุ่มระเบิดอารมณ์ออกมา พศกรนิ่งเงียบไปชั่วขณะ และเขาอาศัยจังหวะนั้นพูดต่อ
“ฉันหวังว่านายจะไม่บอกคูเปอร์ว่านายเป็นใคร”
พศกรยังคงเงียบ
“พลู นายเป็นแค่หมอเจ้าของไข้แกเข้าใจมั้ย” เขาย้ำ
“ครับ” พศกรตอบ แต่เขาเห็นความผิดหวังในแววตา
“ขอบใจ” อลันตอบแล้วกำลังจะเดินกลับออกไป แต่ชายหนุ่มเข้ามาขวางอีกครั้ง
“พี่อลัน ถ้าพี่เปลี่ยนใจ…”
เหมือนว่าจะล่วงรู้ความคิด เขาจึงพูดดักไว้ก่อน
“ไม่มีทาง แล้วนายก็ไม่ต้องมาพูดอะไรแบบนี้อีก นายต้องไม่เจอแกอีก มันจะทำให้แกสับสน”
“ทำไมครับ”
“นายยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“บอกแกว่าผมเป็นเพื่อนพี่ น้า หรืออะไรก็ได้ที่พี่ต้องการ”
อลันจ้องหน้าหนุ่มหน้าหวานอีกครั้ง เขาเห็นความมุ่งมั่นที่แสดงออกมา แต่เขาจะไม่ใจอ่อน
“ฉันขอบใจที่นายรักษาแกอย่างดีในวันนี้ แต่นั่นก็เพียงพอแล้ว เราไม่ต้องการอะไรจากนายอีก”
พศกรจ้องตาคนตรงหน้า มุมปากเหยียดยิ้ม “ผมเข้าใจแล้วครับ พี่เองก็เห็นแก่ตัวไม่ต่างจากพี่พริม”
คำพูดของนี้ทำให้อารมณ์โกรธของอลันพวยพุ่งขึ้นมาจนยากระงับ
“นายว่าอะไรนะ” เขาถามเสียงลอดไรฟัน
“ก็พรากคูเปอร์ไปจากตากับยายของแกไงครับ” พศกรพูดต่อโดยที่เมินว่าเขากำลังโมโหมากแค่ไหน “แล้วก็พรากแกไปจากน้า…”
“อลิซทำหน้าที่นั้นได้ดีอยู่แล้ว” อลันสวน
พศกรรู้ว่าตนเองยั่วโมโหคนตรงหน้าแค่ไหน ได้แต่สะกดใจตัวเอง หยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นส่งมาให้เขา รู้ดีว่าอลันไม่ยอมแลกเบอร์โทรกับตัวเองแน่
“คูเปอร์เป็นไข้หวัดใหญ่ พยาบาลจะคอยดูแลแก นี่นามบัตรผมครับ ถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาผมได้ตลอดเวลา ถ้าคูเปอร์ไม่สบายอีก หรือ…ถ้าพี่เกิดเปลี่ยนใจ”
“ฉันไม่โทรหานายเด็ดขาด”
แม้ว่าจะถูกเขาปฏิเสธใส่หน้าแต่พศกรทำเป็นหูทวนลม หย่อนนามบัตรลงในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตชายหนุ่ม จากนั้นก็หมุนตัวกลับเดินออกไปโดยไม่รอให้เขาพูดจาว่าร้ายอีก
ไม่ใช่ว่าไม่รู้สึกกับคำพูดของอลัน เขารู้สึก และเขาก็เจ็บเป็น
อลันกลับมาที่ห้องพักของคูเปอร์ที่ตอนนี้มีพยาบาลเข้ามาดูแกอยู่ หล่อนให้ข้อมูลเรื่องการออกจากโรงพยาบาลในวันรุ่งขึ้นก่อนที่จะส่งยิ้มเจื่อน ๆ ให้แล้วเดินออกจากห้องไป
“นั่นอะไรคะ” อลิซซึ่งตาดีสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่กระเป๋าเสื้อพี่ชายถามขึ้น
“นามบัตรพลู” เขาตอบ หยิบมันออกมาเพื่อที่จะขยำทิ้ง
“อย่าเพิ่งค่ะพี่ เขาเป็นหมอ ถ้าพี่ต้องการความช่วยเหลือก็โทรหาได้” อลิซหยุดเขาไว้
“นายนั่นไม่ได้เป็นหมอแค่คนเดียวเสียเมื่อไหร่”
“นั่นแหละค่ะ เชื่อลิซ เก็บมันไว้เหอะ”
เธอฉวยนามบัตรในมือพี่ชายแล้วหย่อนมันลงกระเป๋าเสื้อเขาตามเดิมเหมือนกับที่เจ้าของทำก่อนหน้า