

2 ลูซิเฟอร์
ภายในห้องตรวจ
ยังไม่ทันที่เขาจะเค้นถามความจริงจากปากของลิลิธ ดราก้อนก็จำต้องรีบเดินตามหมอเข้ามาเพื่อทำการตรวจเจาะไขกระดูกของเขาไปเช็กให้แน่ใจก่อนว่า สามารถเข้ากับเด็กที่ป่วยอยู่ได้หรือไม่
ดราก้อนทิ้งตัวนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล แม้ว่าภายในห้องจะเงียบสงบดี แต่ภายในใจของเขาตอนนี้มันว้าวุ่นไปหมด อดีตคู่หมั้นที่ไม่ได้เจอกันมานานเกือบสี่ถึงห้าปี จู่ ๆ ก็เดินกลับเข้ามาในชีวิตของเขา พร้อมกับมาขอให้เขาช่วยมาบริจาคเลือดและไขกระดูกให้กับเด็กคนหนึ่งที่...
“อะ...อ๊า!” ดราก้อนร้องเบา ๆ ด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่จุดหนึ่งตรงกระดูกเชิงกรานค่อย ๆ แผ่ซ่านเมื่อหมอเริ่มขั้นตอนการเจาะไขกระดูก ดวงตาของเขาเบิกโต เพ่งมองขึ้นไปที่เพดานห้องที่เต็มไปด้วยแสงไฟสว่างจ้านั้น มันทั้งเจ็บทั้งทรมานมาก ๆ ช่วงขณะหนึ่งเลย
“อืม” เขาสัมผัสถึงความเย็นเฉียบของเครื่องมือที่แทงเข้าไปลึกผ่านผิวหนังลงถึงกระดูก ความเจ็บปวดเหมือนกับมีดที่กรีดลงตรงจุดนั้น
“จะเจ็บหน่อยนะครับคุณ” หมอเตือนเบา ๆ ก่อนจะเริ่มกระบวนการดูดไขกระดูก
ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วร่างกาย แต่ดราก้อนเม้มปากแน่น และพยายามอดทนต่อความเจ็บปวดนั้นเงียบ ๆ ในตอนที่เขาเจ็บจนแทบทนไม่ได้ จู่ ๆ เขาก็นึกถึงคำที่หมอพูดก่อนหน้านี้ว่า แม่ของเด็กเคยตรวจแล้วแต่ใช้กับลูกไม่ได้ จึงต้องมาลองไขกระดูกของฝั่งผู้เป็นพ่อแทน
“ใจเสาะแบบลิลิธ ทนเจ็บขนาดนี้ได้ด้วยเหรอเนี่ย?” ดราก้อนพึมพำเบา ๆ มือทั้งสองข้างกำหมัดแน่น จนกระทั่งวินาทีที่เข็มปลายแหลมค่อย ๆ ถอนออกไปจนหมด
“เสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เดี๋ยวเชิญคุณดราก้อนไปรอฟังผลที่ด้านนอกได้เลยนะครับ” ความเจ็บปวดทุกอย่างหยุดลงในทันที ในตอนที่หมอวางเครื่องมือทุกอย่างลงและเตรียมส่งผลไปตรวจที่แล็บ
“คนที่สามารถบริจาคไขกระดูกให้กันได้...ต้องเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องทางพันธุกรรมแบบตรง ๆ ใช่ไหม?”
หมอหันมามองดราก้อนเล็กน้อย ความเงียบครอบงำชั่วขณะก่อนที่หมอจะถอนหายใจ พยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าคุณไม่ตอบผมตรง ๆ ผมก็มีสิทธิ์ฟ้องคุณเหมือนกันใช่ไหม?” ดราก้อนจงใจแกล้งขู่ ๆ ไปเพื่อให้อีกฝ่ายยอมเปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด เพราะรู้ดีว่าออกไปเค้นถามจากลิลิธก็คงเปล่าประโยชน์
“ตามจริงคุณแม่ของน้องขอผมเอาไว้น่ะครับ ว่าไม่ให้บอกใคร...”
“และผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า...ผมไม่ได้กลัวคุณฟ้องหรอก”
“แต่ที่ผมยอมบอกเพราะอย่างน้อยคุณก็ยอมมาบริจาคไขกระดูกเพื่อคนไข้เด็กคนนี้ของผม”
“และคนที่บริจาคให้ได้...ต้องเป็นพ่อแม่ หรือพี่น้องสายเลือดเดียวกันที่ไขกระดูกสามารถเข้ากันได้ ซึ่งตรวจกับของแม่แล้วมันเข้ากันไม่ได้” เขาตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ดังนั้นพ่อจึงเป็น...ตัวเลือกเดียวและสุดท้าย ที่ช่วยเขาได้” คำตอบของหมอทำให้ดราก้อนรู้สึกจุกอก และไม่สามารถที่จะอ้าปากถามอะไรต่อได้เลย
“แต่ถ้าคุณยังไม่มั่นใจว่าใช่ลูกตัวเองไหม...เดี๋ยวรอผลตรวจสักพักเราก็จะได้รู้แน่ชัดแล้วครับ” ดราก้อนแทบไม่ได้ฟังที่หมอพูดเลย เขารู้สึกเหมือนโลกตัวเองหยุดหมุนอย่างกะทันหัน
ไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวเองควรจะดีใจ เสียใจ หรือควรจะรู้สึกยังไงกันแน่
“แล้วเด็กคนนั้น…ชื่ออะไร?” ดราก้อนเอ่ยถามไปด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“เขาชื่อ...ลูซิเฟอร์ ครับ” หมอเหลือบมองแฟ้มข้อมูลในมือ
ดราก้อนยิ้มมุมปากบาง ๆ เมื่อได้ยินชื่อ เขาพยักหน้ารับและค่อย ๆ เดินออกจากห้องตรวจอย่างช้า ๆ
ขาทั้งสองข้างมันเหมือนไม่มีแรง มือสั่น และเหมือนหายใจไม่ออก
“ลูซิเฟอร์…งั้นเหรอ?” เขาพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เหมือนคนที่ขาดสติไปชั่วขณะหนึ่ง
ทางด้านลิลิธ เธอยังคงยืนยกมือขึ้นภาวนาให้ลูกชายของตัวเองและยืนเฝ้าหน้าห้อง ICU ไม่ห่าง
“ฉันมีเรื่องต้องคุยกับเธอ...ตอนนี้!” ดราก้อนเดินมาถึงตัวของเธอและคว้าเข้าที่ข้อมือเล็กของเธอและลากคนตัวเล็กเดินตรงไปทางบันไดหนีไฟที่เงียบสงัด
“แต่ฉันไม่มีอะไรจะคุย!” ลิลิธพยายามสะบัดมือของเขาออก
?____??♀️
