บท
ตั้งค่า

LAST LOVE : 08

“แต่เฮียอยากให้เป็น”

สิ้นน้ำเสียงหนักแน่นของพี่ชายคนโปรด ไม่สิ…ไม่ใช่แล้ว เขายืนยันชัดเจนว่าจะไม่อยู่ในสถานะพี่น้องอีกต่อไป ฉันรู้สึกเหมือนร่างกายถูกสะกดให้นิ่งอยู่กับที่ ไร้คำสั่งการจากสมอง มีเพียงแต่จ้องมองนัยน์ตาสีดำสนิท คล้ายกับอยากคว้านหาคำลวงในนั้น แต่ปรากฏว่าไม่เจอสิ่งที่ต้องการ ล้วนบ่งบอกถึงความแน่วแน่และจริงจัง

ทั้งที่เชื่อมั่นในตัวเองมาตลอดว่าไม่มีความคิดเกินเลยระหว่างฉันกับเขา แต่ตอนนี้กลับใจสั่นอย่างน่าประหลาด

จังหวะที่ใบหน้าคมค่อยๆ เคลื่อนเข้ามาใกล้เพิ่มขึ้น เกิดแสงฟุ้งกระจายโดยรอบ ทุกอย่างดูช้าไปหมด ฉันเองก็ไม่เข้าใจว่ามันเกิดจากอะไร ช้าชนิดที่มีเวลาให้ยลโฉมองค์ประกอบสำคัญหลายส่วน ดวงตาเฉี่ยวคมกับคิ้วหนาเข้มน่าจะเป็นส่วนที่ดูมีเสน่ห์สุด และถึงจมูกจะไม่ได้โด่งขึ้นเป็นสัน แต่ก็รับกับรูปปากได้อย่างพอดิบพอดี ผมด้านหน้าที่ถูกรวบเกล้าขึ้นเล็กน้อย ยิ่งเผยในเห็นโครงหน้าเรียวชัดเจนขึ้น โดยรวมคือเพอร์เฟค ตลอดเวลาที่ผ่านมาฉันไม่เคยได้ใส่ใจรายละเอียดมากขนาดนี้ รู้สึกชินกับการได้เห็นหน้าเขาทุกวัน

แต่ตอนนี้เหมือนฉันกำลังมองเขาเป็นผู้ชายคนหนึ่ง ที่ต้องยอมรับว่าอายุไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลยจริงๆ

และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกหวั่นไหวกับรูปลักษณ์ภายนอกของคนที่เคยเป็นพี่ชายผู้แสนดี

“ได้ไหม”

“...” ความจริงฉันต้องปฏิเสธ ถ้าไม่ติดตรงที่ปากหนักอึ้ง เพราะโดนกดทับจากน้ำเสียงและแววตาอ่อนโยน

แต่…กับผู้หญิงคนอื่นเขาก็คงเป็นแบบนี้เหมือนกัน

พอมีความคิดนี้แทรกเข้ามา ทุกอย่างดับวูบทันที เปลือกตาฉันปิดลงสนิท พลางสะบัดศีรษะไปมาเล็กน้อย ก่อนจะเลื่อนมือขึ้นดันให้เขาถอยห่าง และสาวเท้าไปยังประตูห้องด้วยความเร่งรีบ พร้อมความรู้สึกอีนุงตุงนังที่ตีกันวุ่นวายอยู่ในหัว

ฉันดึงมือกลับและถอยหลังสองสามก้าวด้วยความตกใจ ในตอนที่กำลังเอื้อมไปเปิดประตูแต่มีคนจากด้านนอกเปิดสวนเข้ามาก่อน

“ป้าจะมาตามไปทานข้าวน่ะ” คุณป้าพูดขึ้นทันทีที่เห็นฉันยืนนิ่งอยู่ตรงหน้า

“หนูกำลังจะลงไปพอดีเลยค่ะ”

หลังจากที่ฉันพูดจบ บุคคลที่สามก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยการเดินออกมาจากมุมอับ พอเห็นลูกชายสุดที่รัก คนเป็นแม่ก็เอ่ยทักทันที

“อ้าว หมอ แม่คิดว่าลูกอยู่ที่ห้องซะอีก”

“มาอ่านหนังสือเป็นเพื่อนน้องน่ะครับ…อ๊ะ!” เขาตอบ พลางเลื่อนท่อนแขนวางพาดลงบนต้นคอฉันโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งถ้าเป็นเมื่อก่อน นี่คือสิ่งปกติที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคน แน่นอนว่าการกระทำทั้งหมดยังอยู่ในสายตาผู้ใหญ่ และถ้าผลักเขาออกตอนนี้ก็จะดูผิดวิสัย เพราะฉะนั้นฉันทำได้แค่ยกมือขึ้นด้านหลังแล้วแอบหยิกบริเวณใกล้เอวคนฉวยโอกาสไปหนึ่งทีเน้นๆ

จนคนถูกกระทำเผลอส่งเสียงร้องเล็ดลอดออกมา สร้างความตื่นตระหนกให้แก่คุณหญิงวรญาเป็นอย่างมาก

“ลูกเป็นอะไร!”

“ยะ…ยุงกัด” คำตอบของเขาทำฉันเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นยิ้ม

“ยุง?” คิ้วบางของหญิงสูงวัยเลิกขึ้นมองลูกชาย ก่อนจะกวาดสายตาไปโดยรอบ “ที่ไหนกัน”

“ต้องมีคนเปิดหน้าต่างทิ้งไว้แน่เลยครับ ไว้ผมจะจัดการเอง” เขาตอบ แล้วเอียงคอจ้องหน้าฉันเขม็งในประโยคหลัง เพื่อตอกย้ำว่าเขาต้องเอาคืนแน่

แต่ใครสนใจกัน…ฉันอาศัยจังหวะนี้โยกตัวหนีจากท่อนแขนเขา แล้วเดินไปหาญาติผู้ใหญ่ทันที

“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ คุณป้า” ฉันเอื้อมจับแขนท่าน ในลักษณะประคองเดินให้ไปตามทาง แต่ได้เพียงไม่กี่ก้าว ท่านก็หยุดและหันกลับไปหาลูกชาย ที่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะตามมาด้วย

“แล้วหมอไม่ไปทานพร้อมแม่กับน้องเหรอ”

“ไม่หรอกครับ เดี๋ยวผมจะออกไปหาพวกไอ้วาโย”

พอได้รับคำตอบ คุณป้าก็หันกลับมา เพื่อไปยังจุดหมายของเราต่อ

ท่ามกลางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ที่มีแค่สองคนป้าหลานนั่งกระจ๊อกอยู่มุมหนึ่งเท่านั้น หลังจากที่มื้อเย็นเริ่มได้ไม่ถึงนาที ฉันเหลือบมองนายแพทย์หนุ่มที่เดินลงบันไดมาในชุดเดิมเพิ่มเติมแค่แจ็คเก็ตสวมทับ และเขาหันมามอง วูบหนึ่งเราสบตากัน มีบางอย่างเกิดขึ้น จนฉันรู้สึกประหม่า ก่อนจะหลุบมองข้าวสวยร้อนระอุในจาน

ร้อนเหมือนใบหน้าฉันตอนนี้เลย…

“ถ้าวันนี้หนูไม่มา ป้าคงเหงาแย่” ประโยคแรก หลังจากที่ปล่อยทิ้งเงียบไปหลายนาที

และฉันทำได้แค่ส่งยิ้มหวานตอบ เพราะในหัวตอนนี้มีแต่เรื่องของลูกชายตัวดีของท่านเต็มไปหมด มีหลายอย่างที่ฉันหาเหตุผลมาหักล้างไม่ได้

“คุณป้าค่ะ เออ…”

คนถูกเรียกเหลือบตามองในตอนที่ประโยคไม่ถูกต่อให้จบ มีความลังเลเกิดขึ้นชั่วครู่ แต่สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจถามสิ่งที่ค้างคาออกไป

“เฮียไวน์ เขาไม่คิดจะแต่งงานบ้างเหรอคะ”

“นั้นสิ ป้าก็สงสัยเหมือนกัน แนะนำให้กี่คนต่อกี่คนก็ไม่ถูกใจ” ท่านว่าแบบยิ้มๆ ดูเหมือนท่านจะไม่ค่อยซีเรียสเรื่องนี้ ต่างจากคนเป็นแม่บ้านอื่น

“เหรอคะ”

“หนูลองถามให้หน่อยสิ ว่าเฮียเขาชอบแบบไหน”

“แล้วเขาไม่เคยพามาให้คุณป้าเจอเลยเหรอคะ ผู้หญิงแบบที่เขาชอบ” ในเมื่อเปิดมาขนาดนี้แล้ว ก็คงต้องไปต่อให้สุด

“ผู้หญิงคนเดียวที่เข้ามาบ้านนี้ ก็มีแต่หนูมิเชลเนี่ยแหละ”

“คะ...?” ฉันชะงัก ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าเข้ามาในฐานะน้อง แต่ก็ยังอดที่จะรู้สึกไม่ได้อยู่ดี

“หมอน่ะ ไม่ได้พาผู้หญิงที่คุยด้วยทุกคนมาบ้านหรอกนะ นอกจากเขาจะจริงจังด้วยเท่านั้นแหละ ป้ากับลุงถึงจะได้รู้จัก” ท่านพูดต่อ ในขณะที่การทานอาหารยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

“แล้วเขาไม่เคยมีแฟนเลยเหรอคะ” และฉันก็ยังไม่หยุดถามเช่นกัน ถึงมันจะดูเสียมารยาท แต่การจะทิ้งให้บรรยากาศโดยรอบเงียบเกินไปก็เป็นเรื่องไม่สมควร มันอึดอัด

“ก็คงมีนั่นแหละ แต่ก็ไม่ได้จริงจังจนถึงขั้นจะแต่งงานแหละมั้ง บางทีป้าก็ว่าจะเลิกหวังแล้ว ตามใจเขา ชีวิตของเขา ให้เขาเลือกเอง”

“...” ฉันพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ เฮียไวน์โชคดีจังที่มีคุณป้าเป็นแม่ ท่านไม่ได้คอยจับคู่ให้ลูกชาย เช่นเดียวกับคุณยูริของฉันเลย ถึงจะมีจัดหาให้บ้าง แต่ก็ไม่ได้บังคับ

“ว่าแต่ ทำไมอยู่ๆ หนูก็พูดเรื่องนี้ละ”

ฉันนิ่งไปชั่วขณะ เพื่อคิดคำตอบ “หนูแค่ถามดูน่ะค่ะ เห็นเฮียอายุเยอะแล้ว”

แก้วน้ำตรงหน้า นี้ช่างดึงดูดเสียจริง ฉันเอื้อมหยิบมายกดื่มเพื่อกลบเกลื่อนแต่ยังแอบเหล่มองหญิงสูงวัย ที่วางช้อนลงบนจาน ยกมือขึ้นประสานกันไว้บริเวณปลายค้าง ก่อนจะจ้องมองฉันด้วยรอยยิ้มมีเลศนัย

“ความจริง ป้าไม่ติดเลยนะ เรื่องอายุน่ะ” ประโยคของท่านทำฉันเกือบสำลักน้ำ วางแก้วคืนที่เดิมแทบไม่ทัน รีบยกมือปฏิเสธเป็นพันวัน

“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่แบบนั้นค่ะ”

“แบบไหนจ๊ะ” ท่านเลิกคิ้วถาม “ป้าหมายถึงถ้าเฮียไวน์เขาจะชอบเพื่อนของหนู นึกว่าหนูมาแอบถามแทนเพื่อนซะอีก” แล้วพูดเฉไฉไปอีกเรื่องที่ไม่ตรงกับความคิดของฉัน พร้อมรอยยิ้มมุมปากแบบที่ลูกชายท่านชอบทำ และเบี่ยงความสนใจไปที่อาหารหลากหลายบนโต๊ะต่อ ทิ้งให้ฉันจมกับความเลิ่กลั่กของตัวเอง แบบกู่ไม่กลับ

[ Special Part -Wayuphat- ]

@สนามแข่งรถ

“อ้าว ไหนบอกไม่ว่างไง” เสียงทักทายแรกจากไอ้เจ้าของสนาม หลังจากที่ผมเปิดประตูห้องรวมตัวเข้ามา ห้องที่ผนังสองฝั่งเป็นกระจกใสเพื่อมองลงไปเห็นแทบจะทั้งหมดของการประชันความเร็วด้านล่าง ส่วนพื้นที่ว่างตรงกลางก็ตกแต่งด้วยชุดโซฟาสุดหรู วางต่อกันเป็นตัว U โดยที่ตัวสั้น ซึ่งนั่งได้แค่สองคนเป็นที่ประจำของมันและเฌอณารีน แต่วันนี้มีแค่มัน

“เพิ่งว่าง” ผมตอบ ขณะเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างไอ้ฟิวส์ บนโซฟาตัวยาวฝั่งซ้าย ส่วนฝั่งตรงข้าม ว่าง เพราะสมาชิกที่รวบรวมได้คงมีแค่นี้ ผมโครงศีรษะไปมาเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ เพราะพักหลังๆ มานี่ ไม่เคยรวมตัวได้เต็มกลุ่มสักที ก่อนจะเอื้อมหยิบแก้วมารินเครื่องดื่มสุดโปรดปราน

“มึงจะไปศุกร์นี้แล้วเหรอ” ไอ้ฟิวส์ถาม

“ใช่”

“ดูแลมิเชลดีๆ หน่อยนะ กูว่าช่วงนี้น้องมันแปลกๆ” ไอ้วาโยพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

“ยังไง” ผมหยุดการกระทำตรงหน้าทันที ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรของยัยน้องน้อยก็เรียกความสนใจจากผมไปได้ทั้งนั้น

“เหมือนเงียบๆ ซึมๆ ไม่รู้ไปแอบมีแฟน แล้วทะเลาะกันรึเปล่า”

“...” ทะเลาะกับแฟนเหรอ ไม่น่าจะใช่ เท่าที่รู้มา มิเชลไม่มีแฟน อันนี้ผมเทหมดหน้าตัก แต่ถ้าบอกว่าทะเลาะกับผมเนี่ย ไม่แน่...

“เฮ้ย! เครียดขนาดนั้นเลย?” ประโยคทักท้วงของไอ้ฟิวส์ ดึงสติผมให้กลับมาอยู่ ณ สถานการณ์ปัจจุบัน ก่อนจะปรับสีหน้าเป็นปกติ แล้วมันก็ถามต่อ “พวกมึงยังไม่เลิกหวงน้องอีกเหรอวะ มันโตขนาดนี้แล้ว”

“ไม่!” ผมตอบหนักแน่นแบบไม่คิด ยิ่งตอนนี้ยิ่งหวงมาก

“จะมีแฟน กูไม่ได้ว่าหรอก แต่ถ้ามาทำน้องกูเสียใจ กูก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน” ไอ้วาโยเสริมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ซึ่งมันทำให้ผมสตั้นไปชั่วขณะ แอบหวาดหวั่นในใจ แต่ผมก็ไม่ได้ทำให้น้องมันเสียใจนะ แล้วถ้าเป็นผม มันจะยอมรับได้รึเปล่าวะ...

“แล้วมึงอะ จะรอให้เกษียณก่อนรึไง ค่อยมี”

“ปากเสียฉิบหาย” ผมตวัดตามองไอ้ฟิวส์ ที่วันนี้เป็นห่าอะไร ถามเยอะ ถามแยะ พูดมากจัดเลย

“ตบแม่ง” ไม่พูดเปล่า ผมเตรียมง้างมือขึ้นแล้วด้วย แต่ติดตรงที่ว่า นายหญิงของที่นี่เปิดประตูเข้ามาตามสามีตัวเองซะก่อน

“เฮียวา มานี่หน่อย”

“กูไม่ได้แก่ขนาดนั้นซะหน่อย” ผมแย้ง หลังจากที่ในห้องเหลือแค่ผมกับไอ้ฟิวส์ พลางทิ้งแผ่นหลังพิงพนักโซฟา ยกแก้วในมือขึ้นดื่ม

“เรอะ…สาเหตุที่มึงไม่อยากแก่ เพราะแอบชอบเด็กรึเปล่าวะ”

“แค่กๆ...” คำถามของไอ้ฟิวส์ ทำผมถึงกับสำลักน้ำเมาที่กำลังกรอกเข้าปาก ก่อนจะใช้มือปาดเช็ดปลายคางตัวเองแบบลวกๆ

“ใช่จริงด้วย” ไอ้เพื่อนชั่วยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

“ใช่เหี้ยไรละ” ผมยังแถ พร้อมเก็บอาการขั้นสุด ไอ้เหี้ยฟิวส์ เป็นบุคคลเดียวในกลุ่มที่ไม่พูดไปเรื่อย มันจะพูดก็ต่อเมื่อมันมีข้อมูลแล้วเท่านั้น ซึ่งแม่งเป็นตัวที่อันตรายสุด

“เด็กคนนั้นเป็นใครวะ คงไม่ใช่คนใกล้ตัวหรอกนะ”

“ไม่!”

“ไม่ใช่”

“ไม่เสือก!”

[End Special Part -Wayuphat-]

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel