บทย่อ
LAST LOVE เมื่อเขา…ที่มีสถานะเป็นพี่ชายคนโปรดเปิดใจบอกความรู้สึกตัวเองที่เกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ กับน้องสาวบุญธรรมของเพื่อนสนิท ด้วยความหวังจะได้ใจกลับมา... ทว่า…เธอกลับไม่ได้คิดแบบเดียวกันกับเขา ด้วยเหตุผลหลายอย่าง ความสัมพันธ์ที่เคยดีจึงเริ่มเปลี่ยนไป ระหว่างเขา…และเธอ เกิดระยะห่างมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ใช่เด็กน้อยสำหรับเขาอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัว เธอทั้งสวย เก่ง ฉลาด เนื้อหอมจนมีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่พากันรุมล้อม พี่ชายที่ถูกลดสถานะเป็นแค่คนรู้จัก อัดอั้นจนแทบจะทนไม่ไหว จากที่เคยได้ใกล้ชิด ได้เป็นคนสำคัญ ได้คอยดูแลปกป้อง แต่ตอนนี้ได้แค่มองอยู่ห่างๆ จะประกาศออกมาโต้งๆ ก็ไม่ได้ เพราะไม่อยากผิดใจกับเพื่อนรัก ความอึดอัดถาโถมเข้าใส่ไม่หยุด เพราะยัยน้องตัวแสบเล่นหว่านเสน่ห์ไม่เว้นแต่ละวัน ปรึกษาใครก็ไม่ได้ ทำได้แค่เตือนสติตัวเอง… อดทน…อดทนไว้ไอ้หมอ อด…เวรเอ๊ย! ไม่อดแม่งแล้ว…!! “อย่า…มาเข้าใกล้คนของกู” “เฮีย เป็นบ้าอะไรเนี่ย” “ทำไมทำตัวแบบนี้วะ” “เราโตแล้ว เฮียไม่ต้องมายุ่ง” “ยิ่งโตนั่นแหละ ยิ่งต้องยุ่ง!” แต่ยิ่งเธออยากออกห่างจากเขามากเท่าไหร่ โลกกลับเหวี่ยงให้ต้องใกล้ชิดกันมากขึ้น เมื่อทั้งสองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในโครงการวิจัยลับ เธอต้องการเข้าไปเพื่อค้นหาความจริงในอดีต แต่เขาเข้าไปเพราะ…เธอ ไหนจะความรัก...! ไหนจะความลับ...! งานนี้อะไรจะถูกเปิดออกมาก่อนกันละ? ตัวละครหลัก พระเอก วายุพัฒน์ สมุทรวาธรณ์ เฮียหมอไวน์ นายแพทย์หนุ่มสุดหล่อ ที่ถือครองความโสดมายาวนานหลายปี พอจะจริงจังก็ถูกปฏิเสธอย่างไม่ไยดี สำหรับเขาอายุไม่ใช่ปัญหา โดยเฉพาะเรื่องบนเตียง “พอนอนแล้วก็เท่าเทียมกันหมดนั่นแหละ” นางเอก มิรินดา เหมบดินทร์ มิเชล (ที่มาที่ไปของเธอมาจากเรื่อง THE FLIRT ป่วนใจนายเจ้าชู้ ) บุตรสาวบุญธรรมคนเล็กของบ้านเหมบดินทร์ ที่ทุกคนต่างพากันประคบประหงมราวกับไข่ในหิน แต่หารู้ไหม...ว่าเธอไม่ได้อ่อนหวานหรืออ่อนแออย่างหน้าตา ยิ่งไปกว่านั้นงานอดิเรกสุดโปรดปรานของนักวิจัยสาว ยังเป็นการลงประลองความเร็วในสนามของพี่ชายตัวเองอีกด้วย “ในหัวเฮียคงมีแต่เรื่องแบบนี้สินะ...”
LAST LOVE : INTRO
“มิรินดา!”
เจ้าของชื่อในชุดแสนสบายเสื้อครอปกับกางเกงยีนตัวโปรดหยุดฝีเท้ากะทันหัน ก่อนจะหมุนตัวกลับมาตามเสียงเรียก ขณะที่ผมก้าวขึ้นบันไดหน้าโรงแรมหรูใจกลางเมือง
“เฮียมาได้ไงเนี่ย” เสียงหวานเอื้อนเอ่ย หลังจากผมหยุดยืนประจันหน้า สองมือล้วงเข้ากระเป๋าแจ็คเก็ตหนังของตัวเอง ปรายตามองไอ้หนุ่มตี๋อีกคนที่อยู่ในที่นี้ด้วย พลางไล่สำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า และอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย้ยหยัน
“ทำไมถึงมาที่แบบนี้…กับไอ้ห่าที่ไหนก็ไม่รู้” ผมว่า ในตอนที่หยุดสายตาจ้องหน้าอ่อนๆ ของมัน คนถูกคาดโทษสะดุ้งเล็กน้อยตรงคำว่า ไอ้ห่า ที่ผมจงใจเน้นเสียงหนัก
“ไม่ใช่ไอ้ห่าที่ไหน เขาเป็นเพื่อนเรา” และคนถูกกล่าวถึงยังสะดุ้งอย่างต่อเนื่อง ก่อนมันจะสลับมองสาวเจ้าของประโยคที่คล้ายจะอธิบาย ด้วยสีหน้างุนงง เพราะสรรพนามที่ผมตั้งให้โดยไม่ได้รับอนุญาตถูกย้ำอีกครั้ง
“เพื่อนที่ไหนพากันเข้าโรงแรมวะ!” วอลลุ่มเสียงเพิ่มอีกระดับ
“แล้วเฮียจะเสียงดังทำไม” สาวน้อยขี้อายรีบปราม เพราะตอนนี้คนผู้ที่เดินเข้าออกเริ่มหันมาสนใจ เสียงโหวกเหวกของผมมากขึ้น
แต่หน้าผมหนากว่านั้นเยอะ…
“มันหลอกน้องมาใช่ไหม”
“เราชวนเขามาเอง”
“...?” คำตอบจากผู้หญิงที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยรุ่นเต็มตัวได้ไม่กี่ปีทำให้ผมถึงกับพูดไม่ออก เลิกคิ้วมองเธออย่างไม่เข้าใจ
“ผมว่าค่อยๆ คุยกันดีไหมครับ”
“อย่ามาเสือก!” ข้อเสนอจากบุคคลที่สามถูกปัดทิ้งอย่างเกรี้ยวกราด ส่งผลให้คนที่ออกตัวว่าเป็นเพื่อนไม่พอใจเล็กน้อย
“เฮียไวน์!”
“กลับบ้าน” ผมเอื้อมคว้าข้อมือเล็ก กึ่งจูงกึ่งลากมาตามทาง
“ไม่ เฮียปล่อยเรานะ” การขัดขืนเกิดขึ้นตลอดระยะทาง แต่ท้ายที่สุดร่างบอบบางก็ถูกจับยัดใส่ซูเปอร์คาร์คู่ใจได้สำเร็จ
“คิดจะทำอะไร” ผมถาม ขณะก้มดึงเข็มขัดนิรภัยคาดผ่านตัวเธอไปอีกฝั่ง มือเล็กยกขึ้นดันใต้ไหปลาร้าทั้งสองข้างของผมไว้ในตอนที่โน้มลงประชิดมากเกินความจำเป็น
“คงไม่มานั่งเป่ายิ้งฉุบหรอกน่า”
“มิเชล” เสียงกดต่ำดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเสียบสายเบลท์เข้าล็อก แล้วถอยร่นออกมาเล็กน้อยเพื่อรักษาระยะห่าง ใช้มือยันเบาะรถที่เธอนั่งอยู่ในการทรงตัว จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวย
“เราไม่ใช่เด็กหญิงแล้วนะ เราเป็นนางสาวแล้ว อีกไม่กี่เดือนก็จะเรียนจบแล้ว เฮียเลิกคิดว่าเราเป็นเด็กสักที อีกอย่างนะโรงแรมก็มีร้านอาหาร หัดแวะเข้าไปบ้าง ไม่ใช่มาถึงก็จะขึ้นแต่ห้อง และทุกคนเขาไม่ได้เหมือนเฮีย ที่จะเข้าโรงแรมเพื่อมามีเซ็กส์อย่างเดียว” อธิบายซะยืดยาว แต่ปิดจบด้วยการแดกดัน ประเด็นคือมันเป็นเรื่องที่ทำให้ผมน้ำท่วมปาก
“ก็เฮียเป็นผู้ชาย”
“แล้วยังไงคะ ผู้หญิงไม่มีสิทธิ์ทำแบบที่เฮียทำเหรอ อย่าเอาเพศสภาพมาเป็นตัวชี้วัด มันไม่แฟร์”
“เถียงเก่ง…” สุดท้ายทำได้แค่บ่นพึมพำ “ไม่รู้แหละ ห้ามมี เฮียไม่อนุญาต”
ทั้งที่รู้ว่าไม่มีสิทธิ์ แต่ก็ยังพูดออกไป
“ห้ามมีอะไรคะ”
“ทุกอย่าง ผู้ชาย แฟน คนคุย แล้วก็…เซ็กส์ด้วย”
“ห้ามเก่ง…งั้นเราห้ามเฮีย เหมือนที่เฮียห้ามเราบ้างได้ไหมล่ะ”
“ได้ มาเป็นแฟนเฮียดิ” สิ้นเสียงผม อาการช็อกเกิดขึ้นกับเราทั้งคู่แทบจะพร้อมกัน บรรยากาศโดยรอบถูกความเงียบเข้าปกคลุมทันที เมื่อสิ่งที่อยู่ในความคิดดันหลุดออกมาแบบไม่ตั้งใจ
ผ่านไปเกือบหนึ่งนาที เหมือนคนตัวเล็กจะได้สติ เปลือกตาบางเริ่มกะพริบถี่ เลื่อนมองจุดอื่น ก่อนที่จะหาวิธีแก้สถานการณ์คับขันตรงหน้าได้ ด้วยประโยคที่คาดไม่ถึง
“เหล้ายี่ห้อนี้อย่ากินอีกนะ”
เธอโยนความผิดทั้งหมดไปให้เครื่องดื่มที่มีผลต่อระบบประสาทโดยตรง ซึ่งมันไม่ใช่…ยอมรับนะ ว่าดื่มมาจริง แต่สติสัมปชัญญะยังครบถ้วน มาถึงตรงนี้ผมกำลังชั่งใจว่าจะถอยไปตามมุขที่เธอโยนมา หรือเดินหน้าตามความรู้สึกของตัวเอง และได้คำตอบชัดเจนในการกระทำต่อมา
ผมใช้ปลายนิ้วแตะข้างแก้มนุ่มนิ่มฝั่งขวา บังคับให้หันมาสบตา
“ไม่ได้เมา เอาจริงด้วย เฮียหวงน้อง หวงมาก หวงแบบอยากเก็บไว้คนเดียว เข้าใจปะ”
“...” ไม่มีรีแอคชั่นใดเกิดขึ้น แม้แต่นัยน์ตาก็ไม่กระดิก และผมก็ไม่สามารถอ่านความคิดเธอออกอีกด้วย รู้แค่ว่าถอยไม่ได้แล้ว
“เฮียชอบน้อง”
ความเงียบเข้าครอบงำอีกครั้ง ผมเงียบเพื่อรอปฏิกิริยาตอบสนอง ส่วนคนฟังเงียบโดยหาสาเหตุไม่ได้
แต่สายตาผมดันหลุบมองริมฝีปากบาง ซึ่งมันเป็นเรื่องผิดพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย เพราะมันทำให้ผมเคลื่อนเข้าหาอย่างเผลอไผล เพียงไม่กี่วินาทีที่รู้สึกถึงสัมผัสลึกซึ้ง ร่างกายถูกผลักออกอย่างแรง แผ่นหลังกระแทกเข้ากับโครงประตูรถจนเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งคัน
ปึก! อึก!
เจ็บนะ…แต่ไม่มีเวลาให้ร้องโอดครวญ เพราะคนที่นิ่งงันในตอนแรก รีบปลดเข็มขัดนิรภัย ลุกพรวดจากเบาะออกมายืนนอกรถ แววตาที่มองผมเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด จากอ่อนโยนเป็นแข็งกร้าว เท้าเล็กก้าวถอยโดยอัตโนมัติ
วูบหนึ่งผมรู้สึกหวิวในใจแปลกๆ
“นะ…น้อง เฮียขอโทษ”
“อย่าเข้ามา! อย่ามาใกล้เรา”